ฝ่ายขาย และการตลาด
085-848-2253[email protected]http://m.me/beartai
สมัครงาน/ฝึกงาน ติดต่อได้ที่
[email protected]
Read
| Camera

เอาจริงดิ Yashica ออกกล้องดิจิทัลที่เปลี่ยนชนิดฟิล์มได้!

Tabel of Content

YASHICA แบรนด์กล้องญี่ปุ่นในความทรงจำของใครหลายๆ คนในยุคกล้องฟิล์ม ที่หายจากตลาดกล้องไปพักใหญ่ ตอนนี้ได้กลับมาเปิดตัว YASHICA digiFilm Y35 กล้องดิจิทัลที่มีลูกเล่นเปลี่ยนชนิดฟิล์มได้ เพื่อผลลัพธ์ของภาพที่แตกต่างไป แต่มันจะดีแค่ไหนกันนะ

YASHICA digiFilm Y35 นั้นออกแบบในรูปทรง Rangefinder แบบเดียวกับ YASHICA Electro 35 กล้องตัวแรกของโลกที่ควบคุมด้วยไฟฟ้าที่วางจำหน่ายในช่วงยุค 60s ปัจจุบัน Electro 35 ก็ยังมีขายตามร้านกล้องคลาสสิก ซึ่งก็ยังทำงานได้ดีอยู่ถ้าสามารถหาแบตเตอรี่ให้มันได้ แล้วก็หน้าตาคลาสสิกพอจะไปอยู่ในหนัง Amazing Spider-Man ปี 2012 ด้วย

[su_spoiler title=”(คลิกอ่าน) ตำนาน YASHICA แบรนด์กล้องที่หายไป” style=”fancy” icon=”caret”]เรื่องราวของ YASHICA นั้นเริ่มต้นที่เมือง Nagano ในญี่ปุ่นเมื่อปี 1949 ในชื่อแบรนด์ Yashima และเริ่มผลิตกล้องตัวแรกคือ Yashimaflex ในรูปแบบ twin-lens reflex (TLR) ในปี 1953

ต่อมาในปี 1957 จึงได้มีการตั้งบริษัท Yashica ขึ้นมาเป็นบริษัทลูกเพื่อเน้นงานขายในสหรัฐอเมริกา ซึ่งกล้อง TLR ของ Yashica ก็ได้รับเสียงตอบรับในตลาดเป็นอย่างดีจนเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Yashica อย่างเป็นทางการในปี 1958 และเริ่มพัฒนากล้องที่ใช้ฟิล์ม 35 mm

Yashica Electro 35

และกล้องที่ทำให้ Yashica ประสบความสำเร็จอย่างสูงคือ Electro 35 ที่ออกในปี 1965 ซึ่งกวาดยอดขายไปได้กว่า 8 ล้านตัวทั่วโลก ต่อมาในปี 1973 Yashica เริ่มทำงานร่วมกับ Carl Zeiss ผู้ผลิตเลนส์ชื่อก้องจากเยอรมันเพื่อผลิตกล้องในแบรนด์ Contax

YASHICA เริ่มหายไปจากตลาดกล้องในช่วงยุค 80s ตั้งแต่ถูก Kyocera (Kyoto Ceramics) ซื้อบริษัทไปในปี 1983 และพัฒนากล้องให้ตามเทคโนโลยี Autofocus ไม่ทัน ถึงจะผลิตกล้องที่มีโฟกัสอัตโนมัติออกมาได้แต่ก็ราคาแพงเกินไป จนต้องลงมาเล่นในตลาด point-and-shoot (กล้องถูกๆ ที่ถ่ายอย่างเดียว ไม่ต้องปรับอะไรเยอะแยะ) ซึ่งไม่ได้มีมูลค่ามากนัก

Contax RTS

จนปี 2005 Kyocera สั่งยุติการผลิตกล้องในแบรนด์ Contax, Yashica และ Kyocera ทั้งหมด และขายสิทธิ์ชื่อ YASHICA ให้กับ MF Jebsen Group จากฮ่องกง เพื่อนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ต่อไป กล้อง digiFilm จึงออกแบบในฮ่องกงครับ[/su_spoiler]

จุดเด่นของกล้องตัวนี้คือส่วนที่เรียกว่า digiFilm กลักเล็กๆ ใส่ลงไปในกล้องเหมือนฟิล์ม เพื่อกำหนดลักษณะภาพถ่ายที่จะออกมา ก็เหมือนตัวฟิล์มในกล้องฟิล์มเมื่อก่อน ที่เป็นส่วนสำคัญในการกำหนดลักษณะภาพที่ออกมา ถ้าต้องการภาพสีจัดก็ใช้ฟิล์ม Slide หรืออยากได้ภาพนวลๆ ก็ใช้ฟิล์ม Negative เป็นต้น

คิดง่ายๆ digiFilm คือรูปแบบการตั้งค่ากล้อง และฟิลเตอร์ภาพดิจิทัลแบบที่หยิบจับได้ โดย YASHICA digiFilm เปิดตัวมาพร้อม digiFilm 4 แบบคือ

ISO200 Ultra Fine – ให้ภาพคมชัด สีสันธรรมชาติ
ISO400 B&W film – ภาพขาว-ดำแบบคลาสสิก มีเกรนสวยๆ
ISO1600 Hi-Speed color film – ให้ภาพ Contrast จัด มีเกรนเยอะ ถ่ายภาพในที่แสงน้อย และสามารถใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงได้
120 format 6×6 color film –
ให้ภาพสี่เหลี่ยมจัตุรัส ISO 200

สเปกของ YASHICA digiFilm Y35

  • 1/3.2-inch CMOS sensor ความละเอียด 14 ล้านพิกเซล
  • มีช่องมองภาพในตัว
  • ความยาวโฟกัส 35 mm รูรับเแสง f/2.8
  • ระยะโฟกัสตั้งแต่ 1 เมตร – ระยะอนันต์
  • เลือกความเร็วซัตเตอร์ได้ 5 ระดับคือ 1s, 1/30s, 1/60s, 1/250s, 1/500s
  • บันทึกภาพลง SD Card (รองรับการ์ด Wifi)
  • มีพอร์ต microUSB สำหรับการเชื่อมข้อมูล
  • มีช่องเสียบขาตั้ง
  • ใช้แบต AA 2 ก้อน

YASHICA digiFilm Y35 กล้องดิจิทัลที่คิดแบบฟิล์ม

เมื่อโลกดิจิทัลทำให้ทุกอย่างเร็วขึ้น digiFilm จึงเป็นความพยายามในการดึงเสน่ห์ในการถ่ายรูปกลับมา ผ่านความลำบากของการถ่ายรูปในยุคก่อนคือ

  • ไม่มีจอด้านหลังกล้อง ถ่ายรูปต้องดูจาก Viewfinder และจะไม่เห็นรูปจนกว่าจะเอา SD Card มาเปิด
  • ไม่มีปุ่มลบรูป
  • เปลี่ยนรูปแบบภาพจากการเปลี่ยนกลัก digiFilm

แต่จากสเปกจะเห็นจุดสังเกตหลายอย่างคือ

  • กล้องทำจากพลาสติกที่เลียนแบบโลหะ (ก็หวังว่าจะทำเนี๊ยบๆ จะได้เอามาห้อยคอหล่อๆ ได้)
  • เซนเซอร์มีขนาดแค่ 1/3.2-inch หรือเท่ากับเซนเซอร์ของกล้อง iPhone 5 คุณภาพภาพจึงจำกัดมากๆ
  • ดูแนวโน้มแล้ว ไม่น่าจะมีโฟกัสอัตโนมัติ น่าจะเป็นกล้องแบบ Fix focus และปรับรูรับแสงไม่ได้
  • ใช้ไฟจากถ่าน AA 2 ก้อน ไม่ใช่แบตลิเธียม
  • บันทึกภาพลง SD Card ไม่ใช่บันทึกลง digiFilm (เผลอๆ มันเป็นแค่กล่องเปล่าๆ แค่มีสัญลักษณ์ให้กล้องรู้ว่าต้องปรับอะไรยังไง)

ราคาของ YASHICA digiFilm Y35

YASHICA digiFilm Y35 เริ่มต้นระดมทุนแล้ววันนี้ใน Kickstarter ซึ่งราคาเริ่มต้นที่อยู่ 1108 เหรียญฮ่องกง สำหรับชุดที่มาพร้อม digiFilm 2 แบบ ซึ่งเมื่อรวมค่าส่งมาเมืองไทยอีก 100 เหรียญฮ่องกง จะมีราคาเริ่มต้นที่ 5,200 บาท ซึ่งก็ถือว่าราคาไม่แพงนักสำหรับกล้องของเล่นที่มีกิมมิกแบบนี้ โดยคาดว่าจะได้รับของในเดือนเมษายน 2018

[su_button url=”https://www.kickstarter.com/projects/1940283777/expect-the-unexpected-digifilmtm-camera-by-yashica” target=”blank” style=”3d” wide=”yes” center=”yes” icon=”icon: shopping-cart”]กดสั่งจาก Kickstarter กันได้เลย[/su_button]

Highlight

Xiaomi 17 Ultra เปิดตัวเป็นทางการ ยัดโหดกล้อง 1 นิ้ว ซูม 200 MP แบตฯ อึด 6,800 mAh พร้อมรุ่น Leica Edition ดีไซน์คลาสสิก

26/12/2025
Read More

Huawei Cloud ครองตำแหน่งผู้นำจากรายงาน Omdia พร้อมขึ้นอันดับ 1 ด้านกลยุทธ์และนวัตกรรม

26/12/2025
Read More

ซื้อดีไหม ? HUAWEI MatePad 12 X 2026 สรุปฟีเจอร์เด่นที่น่าโดนในราคาไม่เกินสองหมื่น 

26/12/2025
Read More

แว่นตา AI เปลี่ยนเสียงรอบตัวเป็น “ซับไตเติล” แบบ Real-time ช่วยผู้บกพร่องทางการได้ยิน

26/12/2025
Read More

ญี่ปุ่นทำถึง ! เปิดตัว เครื่องซักมนุษย์ อาบ-ล้าง-เป่าแห้ง จบใน 15 นาที ค่าตัว 13 ล้านบาท

26/12/2025
Read More

เตือน ! ผู้มีสิทธิ “ถ้าไม่ไปเลือกตั้ง – ไม่แจ้งเหตุ” จะถูกจำกัดสิทธิตามกฎหมาย

26/12/2025
Read More

Related Content