เดี๋ยวนี้เรื่องการโกงเงินกันทางออนไลน์ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำเลยล่ะค่ะ จากข้อมูลของ ETDA ระบุว่า…ในปี 2561 คนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยสูงกว่า 10 ชั่วโมง/วัน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ถึง 3 ชั่วโมง 47 นาที และใช้โซเชียลมีเดียมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ที่ 93.64% แน่นอนว่าในโลกอินเทอร์เน็ตที่เสมือนคลังข้อมูลมหาศาล สื่อสารกันได้อย่างรวดเร็วฉับไว เชื่อมโยงผู้คนทุกเพศทุกวัยจากหลากหลายเชื้อชาติให้มาเจอกันได้อย่างไร้ขีดจำกัด และหนึ่งในคนเหล่านั้นคือกลุ่ม “มิจฉาชีพ” ค่ะ

กลุ่ม “มิจฉาชีพ” คือกลุ่มบุคคลที่จ้องหาผลประโยชน์ และใช้สื่อโซเชียลเป็นสะพานเชื่อมต่อเพื่อล่อลวงเงินจากกระเป๋าหรือข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ท่านอื่นให้กลายเป็น “เหยื่อ” โดยไม่รู้ตัว  ซแมนเทคผู้เชี่ยวชาญด้านการปกป้องข้อมูล เคยเปิดเผยรายงานภัยคุกคามความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตประจำปี 2559 ระบุว่า…ประเทศไทยติดอันดับที่ 11 ในภูมิภาคเอเชีย ที่มีการหลอกลวงทางโซเชียลมีเดียวันละเกือบ 82 ครั้ง

ดังนั้นเพื่อสร้างเกราะป้องกันให้กับสังคมไทยให้เดินหน้าไปสู่ยุค Cashless society TrueMoney หนึ่งในผู้นำกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย จึงขอเผย 5 กลโกงโอนเงินออนไลน์ เพื่อย้ำเตือนให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทุกท่าน ใด้ตระหนักถึงความปลอดภัยและภัยร้ายที่แฝงอยู่ใกล้ตัวเราทุกวัน พร้อมเสนอแนะแนวทางการตรวจสอบเบื้องต้น ประกอบไปด้วย

1.หลอกให้โอนเงินช่วยเหลือทางโซเชียลมีเดีย : มิจฉาชีพจำพวกนี้จะใช้วิธีปลอมตัวเป็นญาติพี่น้องหรือคนรู้จักของเราเพื่อขอยืมเงิน โดยอาจมีการนำรูปภาพหรือสร้างบัญชีขึ้นโดยเฉพาะ หรือทำการแฮ็กบัญชีโซเชียลมีเดียเพื่อสวมรอยแอบอ้าง โดยที่ญาติหรือคนรู้จักเราอาจจะไม่ทราบด้วยซ้ำว่าโดนสวมรอยอยู่

วิธีตรวจสอบ : เราควรโทรเช็คเพื่อยืนยันตัวตนให้ชัดเจนก่อน และควรเข้าไปตรวจสอบหน้า feed เพื่อพิจารณาลักษณะการโพสต์ และหากยิ่งเป็นเพื่อนที่ไม่ได้ติดต่อกันมาเนิ่นนานแล้วอยู่ ๆ ทักมา ให้พึงระวังไว้ให้ดี

2.หลอกว่าได้รางวัลใหญ่ : วิธีนี้นิยมใช้กันไม่แพ้ข้อที่ 1. เลยค่ะ หลอกให้เราโอนเงินไปให้ก่อนเพื่อเป็นค่าธรรมเนียมหรือยืนยันรับสิทธิ์ มิจฉาชีพจำพวกนี้มักใช้รางวัลจากแคมเปญการตลาดของแบรนด์ต่าง ๆ ทางหน้าสื่อมาล่อลวงเรา

วิธีตรวจสอบ : คือการพิจารณาตัวเองให้ดีก่อนว่า เราเคยส่ง SMS ไปลุ้นของรางวัลพวกนี้จริงหรือเปล่า ถ้าไม่จริงและไม่เคยส่งไปแทบจะ 100% ให้คิดว่าเป็นการล่อลวงแน่นอน ยิ่งเจอข้อความแชทมาแกมบังคับให้โอนเงิน โดยเอาของรางวัลหรือเงินก้อนใหญ่กว่ามาล่อ แนะนำให้ท่านรีบแคปเจอร์หน้าจอและเเจ้งความดำเนินคดีไว้ดีที่สุด หรือแจ้งไปยังแบรนด์นั้น ๆ โดยตรงค่ะ

3.หลอกให้ซื้อของราคาถูก : สำหรับขาช็อปออนไลน์ และชื่นชอบของ Sale ต้องระวังการหลอกลวงลักษณะนี้ให้ดี เพราะยิ่งเดี๋ยวนี้เราสามารถสั่งซื้อของออนไลน์ และจ่ายเงินปลายทางได้แล้ว ยิ่งไม่จำเป็นที่ต้องโอนเงินอะไรให้ก่อนทั้งนั้น

วิธีตรวจสอบ : ต้องเตือนตัวเองไว้ตลอดว่าของถูกและได้ฟรีไม่มีในโลก ขนาดแอปฯ หรือเครื่องมือออนไลน์ต่าง ๆ ที่เราใช้ฟรีกันทุกวันนี้ยังมีการเก็บข้อมูลส่วนตัวบางอย่างของเราไปเลย ดังนั้นเรื่องโอนเงินเพื่อให้ได้ของราคาที่ถูกกว่านั้นลืมไปได้เลย

4.หลอกให้โอนเงินไปบริจาคต่อ : สำหรับท่านที่มีจิตกุศลชื่นชอบการทำบุญมักตกเป็นเหยื่อได้โดยง่ายต่อมิจฉาชีพในลักษณะนี้

วิธีตรวจสอบ : ก่อนโอนเงินทำบุญในเรื่องอะไรก็ตาม ลองตรวจสอบถึงที่มาที่ไปสักนิด เช่น โครงการที่มิจฉาชีพกล่าวอ้างเป็นตัวแทนรับบริจาคนั้นมีจริงรึเปล่า และลองเช็คข่าวสารการรับบริจาคเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงผ่านช่องทาง Official ของโครงการหรือมูลนิธินั้น ๆ ก่อนตัดสินใจโอนเงินทำบุญ

5.หลอกให้เปิดบัญชีเพื่อรับส่วนแบ่ง : กรณีนี้ที่เห็นได้ชัดเลย คือ ข้อความโฆษณาชวนเชื่อตามหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ชวนคุณไปทำงานออนไลน์เสริมรายได้แบบสบาย ๆ วิธีตรวจสอบ : รูปแบบการล่อลวงมักจะมีการขอให้คุณเปิดบัญชีไว้เพื่อใช้สมัครทำงาน โดยจะมีเงินเข้ามาและคุณต้องโอนเงินนั้นต่อไปอีกบัญชี นั่นเท่ากับคุณโดนหลอกและตกเป็นเครื่องมือให้กับขบวนการฟอกเงิน โดยเจียดรายได้บางส่วนให้จริง แต่กรณีนี้เหยื่อที่โดนหลอกจะเข้าไปอยู่ในขบวนการทันที และมีความผิดตามกฎหมายไปด้วยนะจ๊ะ

  • เพราะ ทรูมันนี่ ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยด้วยระบบ Payment Security ทุกครั้งที่มีการทำธุรกรรม จะมีระบบแจ้งเตือน OTP หรือกำหนดให้ผู้ใช้ยืนยันโดยการใส่ Password และมีการแจ้งเตือนผ่านอีเมลและ SMS ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหวทางบัญชี
  • จึงมีการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Protection) ทั้งบัญชีธนาคาร ข้อมูลเครดิต บัตรเดบิตจะไม่มีการเปิดเผย
  • มีทีมผู้เชี่ยวชาญ (Accountability) ที่คอยดูแลความปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างทันท่วงที
  • และมี Call Center คอยให้บริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมงผ่าน TrueMoney Care หมายเลข 1240 หรือแชทผ่าน Chat Service ในเว็บไซต์หรือแอปฯ TrueMoney Wallet