นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าทึ่ง และน่าหวั่นพรึงในคราวเดียว เมื่อมีผู้พบแคปซูปเวลาที่ฝังไว้ในน้ำแข็งขั้วโลก แค่ลอยมาให้พบเจอก็ฟังดูโรแมกติกน่ามหัศจรรย์แล้วใช่ไหม แต่ที่น่ากังวลคือ มันหลุดออกจากน้ำแข็งก่อนเวลาไปหลายปีมาก ๆ จนน่าใจหาย หรือนี่จะเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะโลกร้อนขั้นวิกฤตกัน!

เรื่องราวการค้นพบนี้ เกิดขึ้นที่ประเทศไอร์แลนด์ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2020 เมื่อ โคเนอร์ แม็คโคลรี (Conor McClory) และ โซเฟีย เคอร์แรน (Sophie Curran) นักเล่นเซิร์ฟจากหมู่บ้าน Gweedore ในเขต County Donegal กำลังตรวจสอบสภาพน้ำทะเล และพบแท่งทรงกระบอกดูน่าสงสัยบนชายฝั่งที่ Bloody Foreland ซึ่งเป็นจุดชมความงามที่ได้รับการตั้งชื่อตามสีแดงของหินในยามพระอาทิตย์ตก

โคเนอร์ แม็คโคลรี (Conor McClory) และ โซเฟีย เคอร์แรน (Sophie Curran) กับแคปซูลเวลาที่พบบนชายฝั่งไอร์แลนด์
Credit : The Guardian

แคปซูลเวลากับที่มาที่ไปของมัน

แม็คโคลรีเล่าว่า “ตอนที่เห็นครั้งแรก ผมคิดว่ามันเป็นท่อเหล็กของเรือ แต่เมื่อยกมันขึ้นมา จึงเห็นว่ามีคำแกะสลักเป็นภาษารัสเซียจารึกอยู่บนนั้นด้วย เลยคิดว่ามันอาจจะเป็นระเบิดก็ได้ แต่พอเห็นว่ามีวันที่ระบุอยู่ด้วย ก็เลยคิดว่าอาจจะเป็นโกศใส่อัฐิของใครแทน ผมก็เลยไม่ได้เปิดมันออกมา” 

ด้วยความสงสัยเขาจึงนำข้อความบนกระบอกนี้ไปให้เพื่อนชาวรัสเซียแปล เรื่องจึงกระจ่างว่ามันเป็นแคปซูลเวลา เขาจึงเปิดมันออกมาและพบว่ามันบรรจุไปด้วยจดหมาย บทกวี รูปภาพ ตรา แผ่นรองขวดเบียร์ เมนูอาหาร จุกไวน์ และแผ่นพับที่บ่งชี้ว่าผลิตขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 21 

จดหมายที่พบนั้น มีทั้งภาษารัสเซียและอังกฤษซึ่งระบุว่า มันมาจากการสำรวจขั้วโลกในโครงการ 50 Years of Victory จดหมายภาษาอังกฤษฉบับหนึ่ง ซึ่งลงวันที่ 4 สิงหาคม 2018 เขียนไว้ว่า “ทุกสิ่งรอบตัวถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง เราคิดว่า เมื่อถึงเวลาที่มีผู้พบจดหมายนี้ คงไม่มีน้ำแข็งในอาร์กติกอีกแล้ว”

สิ่งที่บรรจุอยู่ในแคปซูลเวลา
Credit : The Guardian

นั่นเท่ากับว่า แคปซูลเวลานี้ถูกฝังในน้ำแข็งที่ขั้วโลกในปี 2018 หรือเมื่อ 2 ปีกว่านี้เอง หมายความว่า น้ำแข็งขั้วโลกบริเวณนั้นได้ละลายไปแล้ว และลอยมายังจุดที่พบเป็นระยะทาง 2,300 ไมล์ (ประมาณ3,700 กิโลเมตร) ชี้ให้เห็นว่า น้ำแข็งทั่วโลกกำลังละลายเร็วเป็นประวัติการณ์!!

เมื่ออนาคตมาเร็วกว่าที่คาด

เมื่อได้ข้อมูล แม็คโคลรีจึงติดต่อผู้เขียนจดหมายคนหนึ่ง ชื่อว่าสวีตา ‘Sveta’ เป็นบล็อกเกอร์อินสตาแกรมชาวรัสเซียที่อาศัยอยู่ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมื่อติดต่อได้ สวีตาเล่าว่า ผู้โดยสารในเรือลำนั้นต่างคิดว่า อาจมีการค้นพบแคลซูลโลหะนี้ในอีก 30 หรือ 50 ปีข้างหน้า และแสดงความตกใจว่า มีผู้ค้นพบมันเร็วเกินกว่าที่คาดไว้มาก

ในทศวรรษที่ผ่านมาอุณหภูมิของอาร์กติกเพิ่มขึ้นเกือบ 1 องศาเซสเซียส น้ำแข็งในทะเลอาร์กติกลดถึงระดับต่ำสุด เป็นอันดับสองตามการบันทึกที่ดาวเทียมสำรวจไว้ในรอบ 41 ปี

เมื่อปีที่แล้ว แผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ละลายเร็วเป็นประวัติการณ์ ด้วยอัตราประมาณ 1 ล้านตันทุกนาที เนื่องจากปริมาณหิมะที่ตกตามฤดูกาลไม่เพียงพอที่จะเติมเต็มหิมะและน้ำแข็งที่สูญเสียไปในช่วงฤดูร้อนได้อีกต่อไป นักวิทยาศาสตร์จึงกลัวว่า อัตราการละลายนี้กำลังเดินทางมาถึงจุดที่ไม่หวนกลับแล้ว

แผนภาพแสดงให้เห็นว่าแผ่นน้ำแข็งอาร์กติกกำลังลดลงต่อเนื่อง
Credit : NASA

จากการศึกษาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของธรรมชาติ ทำให้นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า แผ่นน้ำแข็งที่ลอยอยู่เหนือผิวมหาสมุทรอาร์กติกในฤดูร้อน อาจละลายหายไปทั้งหมดภายในปี 2035 (หรือ ปีพ.ศ. 2578)

น่ากลัวว่า วิกฤตโลกร้อนจะมาเร็วกว่าที่เราคาดการณ์ไว้เสียแล้ว ยิ่งประเทศของเรามีพื้นที่ชายฝั่งมาก ก็ยิ่งน่าจะได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลที่ขึ้นสูงอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าเราคงมีโอกาสได้เห็นกรุงเทพ ฯ จมน้ำถาวรในอีกไม่กี่ทศวรรษนี้แล้วสินะ

อ้างอิง

The guardian

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส