เอ่ยชื่อ คาบี้ เลม (Khaby Lame) หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นชื่อเสียงเรียงนามนี้ แต่ถ้าเห็นหน้าชายผิวดำตีหน้าตาย มาสอนทำนู่นทำนี่ให้เป็นเรื่องง่าย เชื่อว่าหลายคนจะคุ้นหน้าเขาดี เพราะนาย คาบี้ เลม คนนี้ กลายเป็นทั้งมีม และ คลิปสั้น ที่แพร่สะพัดอย่างมากในโลกโซเชียลในช่วงปีที่ผ่านมานี้

โอกาสนี้ขอแนะนำรายละเอียดส่วนตัวของเขาเพิ่มสักเล็กน้อย คาบี้ เลม ปัจจุบันอายุ 22 ปี เขาเป็นชาวเซเนกัลโดยกำเนิด แต่ครอบครัวเขาย้ายมาอยู่ในอิตาลีตั้งแต่เขาอายุได้ขวบเดียว เลมทำงานประจำในโรงงาน เป็นช่างคุมเครื่อง CNC (เครื่องฉลุลายเพื่อทำงานป้าย) แต่พอโควิด-19 แพร่ระบาด เขาก็ถูกเลิกจ้าง เลมจึงหันมามาเล่น TikTok แรก ๆ เขาโพสต์คลิปสั้นโชว์ท่าเต้นต่าง ๆ แต่ก็ยังไมได้รับความสนใจ จนเขาเปลี่ยนแนวมาโพสต์คลิปแนว “life hacks” หรือเคล็ดลับ เทคนิควิธีการที่ช่วยให้ชีวิตประจำวันง่ายขึ้น และด้วยแนวทางนี้ล่ะ ที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก รวมถึงบ้านเราด้วย ที่ตั้งฉายาให้เขาว่า “อาจารย์” จุดหนึ่งที่คนทั่วโลกประทับใจในตัวเขา ก็ถือสีหน้า และท่าทางที่ดูยียวนนั่นเอง เดือนเมษายน 2021 ยอดฟอลโลว์ของเลมบน TikTok ก็เริ่มพุ่งทะยานแซงหน้าบรรดาคนดัง ๆ ในอิตาลี จากนั้นเขาก็เริ่มไล่แซงคนดัง ๆ ใน TikTok จนในปี 2022 เขาก็เริ่มไล่มาจ่อหลัง ชาร์ลี ดาเมลิโอ (Charli D’Amelio) สาวน้อยนักเต้นวัย 18 ชาวอเมริกัน ที่ครองอันดับ 1 ด้วยตัวเลขผู้ติดตามกว่า 100 ล้าน ชาร์ลี ดาเมลิโอ เริ่มเข้าสู่โลกโซเชียลมาตั้งแต่ปี 2019 และมีผู้ติดตามเกินหลัก 100 ล้านมาตั้งแต่ปี 2020 แล้ว

ส่วน คาบี้ เลม นั้นแม้จะมาทีหลัง แต่ในช่วงปีที่ผ่านมานี้ ยอดผู้ติดตามเขาพุ่งแรงมาก เว็บไซต์ Social Blade ที่ทำหน้าที่วิเคราะห์สถิติต่าง ๆ บนโลกโซเชียลนั้น ระบุว่า ในช่วงเดือนที่ผ่านมานี้ เลมได้ผู้ติดตามใหม่เพิ่มมากขึ้นถึง 3 ล้านราย ในขณะที่ดาเมลิโอมีผู้ติดตามใหม่เพิ่มมา 1 ล้านราย และอีกแรงส่งสำคัญก็คือ บรรดาแฟน ๆ ของเลม ต่างช่วยกันผลักดันให้เลมขึ้นสู่อันดับ 1 บน TikTok ด้วยการตั้งแฮชแท็ก #KhabyToNumberOne และเป็นผลสำเร็จ เพราะยอดฟอลโลว์ของเลมเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทำให้ยอดผู้ติดตามเขาแซงหน้าดาเมลิโอได้สำเร็จ ขึ้นเป็นอันดับ 1 ด้วยยอดผู้ติดตามสูงถึง 142.1 ล้านราย

เมื่อกลายเป็น TikToker อันดับ 1 แล้ว The New York Times ก็ติดต่อขอสัมภาษณ์เลม มีคำถามว่า คิดว่าเพราะอะไร ทำไมแฟน ๆ ถึงชื่นชอบและติดตามผลงานของเขา เลมให้เหตุผลว่า เขาเลือกที่จะใช้ภาษากายและสีหน้าสื่อแทนคำพูด และนั่นคือภาษาสากลที่เข้าใจกันได้ทั่วโลก
“เป็นเพราะหน้าตาผมและการแสดงสีหน้าของผมนี่ล่ะที่ทำให้คนหัวเราะได้”

ก็น่าจะจริงตามนั้น เพราะถ้านับรวม ๆ แล้ว มีคนทั่วโลกต่างกดไลก์ให้วิดีโอของเลมรวมแล้วมากกว่า 2,300 ล้านครั้ง

ที่มา ที่มา ที่มา