Streaming music (การสตรีมเพลง) เป็นสิ่งที่คุณผู้อ่านหลาย ๆ คนน่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดีกันใช่ไหม?

ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป วงการดนตรีและเสียงเพลงเองจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภคเช่นกัน การซื้อเพลงฟังเป็นรายเพลง หรือเป็นอัลบั้มแบบดิจิทัลไม่ได้ตอบโจทย์ผู้ฟังที่กระหายในเสียงเพลงด้วยงบที่จำกัดเท่าไรนัก รูปแบบการฟังเพลงแบบสตรีมมิ่งที่เอื้อให้ผู้ฟังสามารถฟังเพลงได้ไม่จำกัดในงบสุดประหยัดจึงเติบโตขึ้นไม่หยุดหย่อน พวกเราจึงมีเพลงดี ๆ หลากหลายแนวให้ฟังอย่างเต็มที่ แต่คุณผู้อ่านเคยสงสัยบ้างไหม ว่าทางผู้บริการสตรีมเพลงนั้นมีวิธีแบ่งรายได้ไปสู่ศิลปินที่เรารักอย่างไรบ้าง? เคยสงสัยบ้างไหมว่าจากจำนวนเงินไม่มากนักที่ทางผู้ให้บริการสตรีมเพลงเรียกเก็บ จะกลับไปหาศิลปินของพวกเราสักเท่าไรกัน? พวกคุณอาจจะพอคิดภาพออกอยู่บ้างแล้ว แต่เราจะมาพาคุณไปเข้าใจเรื่องนี้ให้มากขึ้นอีก

Spotify จ่ายส่วนแบ่งศิลปินอย่างไร

สำหรับ Spotify ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งยอดฮิตที่ใคร ๆ ต่างก็รู้จักกันดี นั้นมีระบบการจ่ายส่วนแบ่งสู่ศิลปินที่เรียกว่า “สตรีมแชร์ (stream share)”

ซึ่งทาง Spotify จะนำยอดสตรีมทั้งหมดในหนึ่งเดือนของประเทศนั้น ๆ มาหาว่าสตรีมเหล่านั้นมีสัดส่วนเท่าใด สตรีมแชร์จึงจะเป็นตัวกำหนดรายได้ของศิลปิน เหมือนกับการแบ่งพาย

สมมติว่าเดือนที่แล้วมียอดสตรีมรวม 1,000,000 ครั้ง และศิลปินรายหนึ่งมียอดสตรีม 100,000 ครั้ง จากยอดสตรีมรวม ศิลปินรายนั้นก็จะได้รับส่วนแบ่งเงินเป็น 10% ของรายได้ที่หักเปอร์เซ็นต์ส่วนหนึ่งไปสู่ Spotify แล้ว โดยจากข้อมูลปัจจุบัน ปี 2022 จะมีการหักรายได้ไปสู่ Spotify จำนวน 30 เปอร์เซ็นต์

โดยหากศิลปินสังกัดอยู่ในบริษัท กระบวนการแบ่งเงินก็จะมากขึ้น ทางต้นสังกัดของศิลปินจะได้รับเงินส่วนแบ่งจำนวน 70 เปอร์เซ็นต์นั้นไปแบ่งให้ศิลปินด้วยกระบวนการที่ทางต้นสังกัดและศิลปินได้ตกลงกันไว้ในสัญญา จึงจะออกมาเป็นส่วนแบ่งเงินที่แท้จริงแก่ศิลปิน

Tidal จ่ายส่วนแบ่งศิลปินอย่างไร

ในขณะที่ทาง Tidal หนึ่งในผู้ให้บริการสตรีมเพลงสำหรับผู้รักในรายละเอียดของเสียงเพลง ที่ยังคงโดดเด่นในเรื่องการให้บริการสตรีมเพลงแบบ ‘Hi-Res audio’ ได้อธิบายถึงการจ่ายเงินส่วนแบ่งให้ศิลปินไว้ว่า ทาง Tidal จะแบ่งเงินไปสู่ศิลปินโดยการนำยอดเงินจาก ‘ผู้สมัครสมาชิก’ ทั้งหมดไปรวมกันอยู่ใน ‘เงินส่วนกลาง’ ก่อนจะดูยอดเข้าฟังของศิลปินแต่ละคนต่อเดือน ว่ามียอดเป็นอย่างไร สามารถแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ออกมาได้กี่เปอร์เซ็นต์ จึงจะสามารถนำมาคำนวณเป็นยอดเงินที่ทางผู้ให้บริการจะจ่ายแก่ตัวศิลปินได้ ซึ่งในส่วนนี้ก็จะคล้ายกับที่ Spotify ทำ

แต่ล่าสุด Tidal เริ่มปรับการจ่ายเงินส่วนแบ่งแก่ศิลปิน ด้วยหลักการ 2 ประการ เพื่อยกระดับความโปร่งใสในการจ่ายเงินส่วนแบ่งที่สูงขึ้นให้แก่ศิลปิน ในปี 2022 ดังนี้

  • การจ่ายเงินสู่ศิลปินโดยตรง เป็นวิธีการใหม่ให้แฟน ๆ สามารถสนับสนุนศิลปินคนโปรด สำหรับผู้สมัครสมาชิกแบบ HiFi Plus โดยศิลปินที่มียอดสตรีมจากสมาชิก HiFi Plus มากที่สุดเพียงคนเดียว ที่จะได้รับส่วนแบ่งรายได้เพิ่มขึ้นถึง 10 เปอร์เซ็นต์จากผู้สมัคร Tidal คนนั้นๆ
  • Fan-Centered Royalties เป็นแนวทางที่ยุติธรรมและโปร่งใสมากขึ้น แฟน ๆ จะมีบทบาทที่สำคัญยิ่งขึ้นต่อความสำเร็จของศิลปิน โดยจะแบ่งยอดสตรีมที่ได้รับจากแฟน ๆ ที่สมัครสมาชิกแบบ HiFi Plus ออกจากผู้สมัครสมาชิกแบบธรรมดา ทำให้เงินส่วนแบ่งของศิลปินสูงขึ้นเมื่อได้รับการสตรีมจากผู้ใช้ HiFi Plus

ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นกระบวนการจัดสรรส่วนแบ่งรายได้ของทั้งสองผู้ให้บริการสตรีมมิ่งนั้นมีความคล้ายคลึงกัน แตกต่างเพียงส่วนรายละเอียดเบื้องลึกเท่านั้น จึงพอจะสรุปภาพรวมได้ว่า กระบวนการแบ่งจ่ายเงินสู่ศิลปินนั้นจะต้องนำเงินรวมทั้งหมดที่ทางผู้ให้บริการสตรีมเพลงได้รับ ทั้งจากการสมัครสมาชิก และจากโฆษณา มาหารแบ่งออกเป็นเปอร์เซ็นต์ตามยอดสรีม แล้วจ่ายให้ทางศิลปิน/บริษัทต้นสังกัดนั่นเอง

การฟัง 1 ครั้ง แอปสตรีมเพลงจ่ายให้ศิลปินเท่าไหร่?

ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อลองพยายามเทียบยอดสตรีม 1 ครั้ง ต่อจำนวนเงินที่ทางผู้ให้บริการสตรีมมิ่งแต่ละรายจะจ่าย ก็จะได้ออกมาประมาณนี้

ผู้ให้บริการสตรีมมิง อัตราการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ต่อ 1 สตรีม
Amazon Music$0.00402
Apple Music$0.008
Deezer$0.0011
Spotify$0.00318
Tidal$0.01284
YouTube Music$0.002

จะเห็นได้ว่าทาง Tidal นั้นมีการจ่ายส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์ให้ศิลปินในจำนวนที่มากที่สุด แต่ด้วยจำนวนผู้ใช้งาน (ประมาณ 3 ล้านคน) ที่น้อยกว่าผู้ให้บริการรายอื่น ทำให้ยอดเงินที่ได้รับจากผู้ใช้งานนั้นน้อยลงไปด้วย ในขณะที่ทาง Spotify นั้นถูกนับเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิงที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยส่วนแบ่ง 32% ของผู้ใช้บริการสตรีมมิ่ง จึงทำให้แม้ทางแพลตฟอร์มจะจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้ศิลปินไม่มาก แต่ก็มีโอกาสที่ยอดสตรีมจะสูงกว่า จนทำให้รายได้ที่ศิลปินจะได้รับมีมากกว่าอยู่ดี ศิลปินส่วนใหญ่จึงยังคงเผยแพร่ผลงานผ่านแฟลตฟอร์มนี้เป็นจำนวนมาก

ส่วนทาง Apple Music ที่มีส่วนแบ่งการตลาดรองลงมาเป็นอันดับ 2 ด้วยจำนวนผู้ใช้บริการสตรีมมิง 16 เปอร์เซ็นต์นั้นเป็นแพลตฟอร์มที่จ่ายค่าลิขสิทธิ์ในจำนวนเงินที่น่าคบหามาก เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ใช้งาน และจำนวนเงินที่ทางแพลตฟอร์มจะจ่าย

สำหรับ Amazon Music นั้นมีจำนวนผู้ใช้งานถึง 13 เปอร์เซ็นต์ และมีอัตราการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ในจำนวนไม่มากไม่น้อยเมื่อเทียบกับรายอื่น จึงนับว่าเป็นแพลตฟอร์มที่อยู่กึ่งกลาง ยังคงน่าคบหาสำหรับศิลปิน

นอกจากนี้ คุณผู้อ่านคงเห็นได้ชัดเลยว่าอัตราการจ่ายค่าลิขสิทธิ์สำหรับ YouTube Music และ Deezer นั้นน้อยนิดมาก แต่ความแตกต่างนั้นก็ยังมีอยู่ เพราะทาง YouTube Music มีผู้ใช้งานจำนวนมากถึง 50 ล้านคน เนื่องจากผู้คนจำนวนมากได้รู้จัก YouTube Music ผ่าน YouTube ที่มียอดผู้ใช้งานมากกว่า 2,000 ล้านคน ดังนั้น แม้จะจ่ายค่าลิขสิทธิ์ต่อการสตรีม 1 ครั้งในราคาไม่มาก แต่จำนวนผู้เข้าสตรีมก็มีจำนวนมาก เงินที่ศิลปินจะได้รับจึงอาจจะไม่น้อยเกินไปเมื่อเทียบกับ Deezer เนื่องด้วยทาง Deezer นั้นมีจำนวนผู้ใช้งานเพียงประมาณ 16 ล้านคน และยังมีอัตราการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ที่ต่ำมากที่สุดอีก

ทั้งนี้ ตัวเลขที่ออกมานั้นเป็นเพียงข้อมูลเฉลี่ยคร่าว ๆ ของแต่ละผู้ให้บริการสตรีมมิงเท่านั้น ไม่ได้ลงลึกที่อัตราค่าลิขสิทธิ์ที่แตกต่างกันไปสำหรับสมาชิกในรูปแบบที่แตกต่างกัน หรือปัจจัยอื่น ๆ อีก ดังนั้น เมื่อต้องแบ่งจ่ายค่าลิขสิทธิ์สู่ศิลปิน ราคาที่ศิลปินได้รับจึงอาจมีความยืดหยุ่นมากกว่าที่ทางเราได้กล่าวมา

อ้างอิง: Orpheus, Producer Hive, Tidal

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

เนื้อหาล่าสุด

หุ้นทวิตเตอร์พุ่งกว่า 25% หลัง อีลอน มัสก์ ซื้อหุ้นจนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่!

อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซีอีโอฝีปากกล้าของเทสลาเข้าซื้อหุ้นของทวิตเตอร์ (Twitter) ล็อตใหญ่ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นถึง 9.2% ของบริษัทฯ ...อ่านต่อ

ผู้ก่อตั้ง Twitter รู้สึกผิดที่มีส่วนในการ ‘รวมศูนย์’ อินเทอร์เน็ต

แจ็ก ดอร์ซี (Jack Dorsey) ผู้ก่อตั้ง Twitter ยอมรับว่ารู้สึกผิดที่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างอินเทอร์เน็ตแบบรวมศูนย์

เกม House of the Dead Remake จะรองรับการบังคับทุกรูปแบบ

House of the Dead Remake บน Nintendo Switch ที่เป็นการรีเทกเกมตู้คลาสสิกของ SEGA ล่าสุดมีการเปิดข้อมูลการควบคุมทั้งหมดที่เกมรองรับออกมาจากผู้สร้างแล้ว

สรุปผลแกรมมี อวอร์ดส์ 2022 Silk Sonic, Jon Batiste และ Olivia Rodrigo กวาดรางวัลเพียบ

ในปีนี้งานประกาศผลรางวัลแกรมมี อวอร์ดส์ ครั้งที่ 64 ประจำปี 2022 ถูกย้ายมาจัดที่ลาสเวกัสเป็นครั้งแรก และได้ เทเวอร์ โนอาร์ (Trevor Noah) กลับมาเป็นโฮสต์ของงาน  โดยโปรเจกต์วง ...อ่านต่อ

Sony a7C II อาจจะยังไม่ได้เปิดตัว ในปี 2022 นี้

ข่าวลือใหม่สำหรับคนที่รอกล้อง a7C รุ่นใหม่อาจจะต้องผิดหวังกันอีกแล้วครับ โดยมีรายงานมาว่า 'a7C II' จะไม่มีการเปิดตัวในปีนี้ แต่จะมีกล้องรุ่นอื่น ๆ เปิดตัวมาแทนในช่วงครึ่งปีหลัง

Attack on Titan The Final Season จะกลับมาใน “Part 3”

ฉายจบไปแล้วกับตอนสุดท้ายของ Attack on Titan The Final Season Part 2 หลายคนคิดว่าจุดจบของเรื่องนี้ในรูปแบบอนิเมะจะลงเอ่ยยังไง เพราะต้นฉบับมังงะยังเหลืออีกหลายตอน ...อ่านต่อ