Tidal ได้ประกาศปรับแผนการให้บริการ มีทั้งเพิ่มการให้บริการฟรี (Free Tier) และอัปเกรดแผนการให้บริการแบบชำระเงิน นอกจากนี้ยังปรับปรุงระบบการจ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์เพลงให้กับศิลปินโดยตรงด้วยแนวคิดใหม่ที่ใช้ชื่อว่า “ค่าลิขสิทธิ์แบบแฟนเพลงเป็นศูนย์กลาง” (Fan-centered royalties)

ในส่วนของผู้ใช้บริการแบบชำระเงิน Tidal กำลังอัพเกรดระบบการให้บริการแบบมาตรฐานโดยรวมไฟล์เสียงแบบ lossless และความละเอียดสูงโดยใช้ชื่อว่า Tidal HiFi ในราคา 129 บาทต่อเดือนซึ่งให้คุณภาพเพลงที่ดีขึ้น (จาก 320kbps AAC มาเป็น 1411kbps FLAC CD-quality lossless) และยังเพิ่มคุณสมบัติการฟังเพลงแบบออฟไลน์และการเข้าถึงคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น Tidal Connect และ My Activity ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกในการฟังรายวันแบบรายบุคคล

นอกจากนี้ Tidal ยังได้เพิ่มแผนการให้บริการในแบบที่ 3 นั่นคือ Tidal HiFi Plus ซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนอยู่ที่ 258 บาทต่อเดือน ซึ่งจะเป็นแหล่งรวมไฟล์เสียงระดับพรีเมียมของ Tidal ซึ่งจะมอบประสบการณ์เสียงใน “รูปแบบเสียงที่สมจริงที่สุด” รวมถึงเสียงในระบบ Dolby Atmos และ Sony 360 Audio และระบบเสียงที่ผ่านการบันทึกเสียงแบบ Master Quality Authenticated (MQA) ของ Tidal นอกจากนี้ใน Tidal HiFi Plus ยังได้เพิ่มคุณสมบัติใหม่ 2 อย่างคือ Direct artist payouts และ Fan-centered royalties

ซึ่งคุณสมบัติใหม่นี้ได้ปรับรูปแบบการจ่ายค่าลิขสิทธิ์เพลงให้แตกต่างไปจากรูปแบบที่บริการสตรีมมิงต่างใช้กันมาแต่เดิม กล่าวคือในรูปแบบเดิมนั้นบริการสตรีมมิงจะรวมยอดสตรีมทั้งหมดไว้ในกองเดียวและจ่ายเงินให้กับศิลปิน นักแต่งเพลง และผู้ถือสิทธิ์ตามเปอร์เซ็นต์ของยอดสตรีมทั้งหมด เพราะฉะนั้นหากคุณเป็นศิลปินตัวท็อปอย่าง Justin Bieber, BTS, Weeknd หรือ Adele คุณก็จะได้ส่วนแบ่งเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าคุณเป็นศิลปินตัวเล็กตัวน้อยก็แน่นอนว่าส่วนแบ่งนั้นก็จะน้อยตามไปด้วย

รูปแบบการจ่ายค่าลิขสิทธิ์แบบมาตรฐานที่ใช้กันโดยทั่วไป

แต่ด้วยรูปแบบ “ผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง” ผู้สร้างสรรค์บทเพลงและผู้ถือสิทธิ์จะได้รับเงินตามจำนวนที่ผู้ใช้แต่ละคนสตรีมเพลงของพวกเขา ดังนั้นศิลปินคนโปรดของเราก็จะได้รับรายได้ทั้งหมดที่ได้มาจากการฟังของเรานั่นเอง ซึ่งรูปแบบการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ที่เพิ่มมาใหม่ 2 รูปแบบนั้นมีรายละเอียดดังนี้

การชำระเงินโดยตรงกับศิลปิน (Direct-to-artist payments) : ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป Tidal จะเปิดตัวการชำระเงินโดยตรงกับศิลปินแบบรายเดือน ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่จะทำให้ศิลปินสามารถเข้าถึงกระแสการชำระเงินเพิ่มเติมเพื่อให้พวกเขาได้รับประโยชน์โดยตรงจากแฟนตัวยงใน Tidal ในแต่ละเดือน โดย 10% เปอร์เซ็นต์ของค่าธรรมเนียมสมาชิกของสมาชิก HiFi Plus จะถูกโอนไปยังศิลปินที่มียอดสตรีมสูงสุดของเรา ซึ่งเราสามารถดูได้ว่าศิลปินคนไหนมียอดสตรีมสูงสุดในหน้า My Activity ซึ่งการชำระเงินโดยตรงกับศิลปินนี้เป็นรายได้เพิ่มเติมจากค่าลิขสิทธิ์การสตรีมที่มีอยู่แต่เดิม

ค่าลิขสิทธิ์ที่ยึดแฟน ๆ เป็นศูนย์กลาง (Fan-centered royalties) : เริ่มต้นในปี 2022 Tidal จะใช้แนวทางที่แตกต่างออกไปเกี่ยวกับค่าลิขสิทธิ์ ด้วยรูปแบบใหม่นี้ค่าลิขสิทธิ์ที่มาจากสมาชิก HiFi Plus แต่ละบัญชีจะไม่ถูกนำมารวมกัน ในทางกลับกันค่าลิขสิทธิ์จะจ่ายตามกิจกรรมการสตรีมจริงของสมาชิก HiFi Plus แต่ละคน ซึ่งต่างจากวิธีการรวบรวมสตรีมที่เป็นที่ใช้กันในอุตสาหกรรมดนตรี ด้วยวิธีนี้จะทำให้แฟน ๆ ได้มีบทบาทมากขึ้นในการสนับสนุนศิลปินคนโปรดของพวกเขา

ระบบ Fan-centered royalties ของ Tidal
ในหน้า My Activity จะมีการระบุศิลปินที่มียอดสตรีมสูงที่สุดของเราพร้อมทั้งขึ้นบอกว่าการฟังของเราจะเป็นการสนับสนุนศิลปินโดยตรง

เจสซี โดโรกุสเคอร์ (Jesse Dorogusker) ผู้บริหารของ Square ที่ก้าวเข้ามาเป็นผู้นำ Tidal ได้กล่าวว่า “เรากำลังสร้างแพลตฟอร์มที่ให้ความสำคัญกับศิลปะ ศิลปิน และวัฒนธรรม และเป็นครั้งแรกที่เปิดให้แฟน ๆ ได้สัมผัสประสบการณ์แพลตฟอร์มนี้ในวงกว้างขึ้น” “Tidal ยังสนับสนุนศิลปินด้วยเงื่อนไขรายได้ที่ยุติธรรมกว่าและการชำระเงินที่รวดเร็วกว่า และแฟน ๆ กำลังหาวิธีที่ดีกว่าในการสนับสนุนศิลปินที่พวกเขาชื่นชอบ ข้อเสนอเหล่านี้เป็นก้าวแรกของหลาย ๆ อย่าง และเรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับศิลปินเพื่อพัฒนาเครื่องมือของเราเพื่อช่วยให้พวกเขาเติบโตและสร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบของตนเองต่อไป”

Source

variety / theverge / gsmarena

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส