อะไรก็เกิดขึ้นได้ในวงการเกม นั่นคือสิ่งที่นักเล่นเกมหลายคนรู้สึกคุ้นเคย เมื่อมีสิ่งแปลก ๆ เกิดขึ้นจนกลายเป็นข่าว ที่คนภายนอกนั้นมองว่ามันคือเรื่องแปลก เช่นการทำเงินมากมายจากการเล่นเกมให้คนอื่นดู คนสะสมถ้วยรางวัลในเกมแบบอดหลับอดนอน หรือคนที่โมโหจนทุบเกมทิ้ง แต่สำหรับคนที่เล่นเกมแล้วหลายสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันคือเรื่องปกติ ที่พบเห็นได้ทั่วไปในวงการเกม แต่บางอย่างที่คนไม่ได้เล่นเกมมองว่ามันก็คือเรื่องปกติ แต่สำหรับนักเล่นเกมแล้วมันคือเรื่องแปลกใหม่ก็มีเยอะ หนึ่งในนั้นคือแนวเกมที่ไม่น่าจะเอามารวมกันได้แต่ทีมพัฒนาก็สามารถเอามาใส่ได้อย่างลงตัว(บางเกมก็ไม่ลงตัว) จนคนที่เล่นเกมแบบเรา ๆ ต่างรู้สึกแปลกใจกับสิ่งเหล่านี้ แต่สำหรับคนนอกแล้วกลับมองว่ามันคือเกม ๆ หนึ่งทั่วไปไม่เห็นมีอะไรต้องแปลกใจ เรามาดูกันดีกว่าว่ามีเกมอะไรที่ไม่น่าจะเอามาอยู่ด้วยกันได้ แต่ทีมพัฒนาก็เอามาใส่ได้อย่างลงตัว มาดูไปพร้อมกันในบทความนี้เลย

ความสยองขวัญกับเกมภาษา ในเกม Parasite Eve

Parasite Eve

เริ่มต้นด้วยเกมเก่าเมื่อราว ๆ 1998 กับเกมที่มีการประกาศออกสื่อครั้งแรกในยุคนั้นว่า นี่คือเกมสยองขวัญที่อ้างอิงจากนิยายในชื่อเดียว กับตัวเกมที่ชื่อว่า ‘Parasite Eve’ พร้อมรูปที่ปล่อยออกมาคือรูปของหญิงสาวผมทองต่อสู้กับสัตว์ประหลาด ที่ในยุคนั้นที่การสื่อสารยังใช้จดหมายจีบสาว การประกาศผ่านหนังสือพร้อมรูปแค่นี้ก็สร้างจินตนาการให้คนเล่นเกมยุคนั้นต่างคิดกันไปไกลว่า เกม ‘Parasite Eve’ จะออกมาในรูปแบบใด ซึ่งทุกคนต่างก็คิดว่ามันต้องเป็นแบบ ‘Resident Evil’ ที่กำลังโด่งดัง โดยที่ทุกคนลืมคิดว่าไปค่ายเกม ‘Square’ ในยุคนั้นคือเจ้าพ่อแห่งเกมภาษา พอทางค่ายมาจับเกมแนวนี้ทุกคนเลยแปลกใจ  แต่เมื่อเกมออกมาทุกคนต่างก็แปลกใจมาขึ้นไปอีกเมื่อเกม ‘Parasite Eve’ นั้นคือเกมสยองขวัญที่ผสมกับเกมภาษา ที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนมันก็ไม่สามารถมารวมกันได้ เพราะอย่างที่เราก็ทราบกันดีว่าเกมภาษานั้นคือการเลือกคำสั่งในการเล่น ที่ต้องเน้นความสนุกแฟนตาซี  แต่พอมารวมกับแนวสยองขวัญที่ไม่ว่าจะดูมุมไหนมันก็ไม่สามารถทำได้ แต่พอเกมออกมาทาง ‘Square’ กลับทำได้ดีแม้จะครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไปหน่อย เพราะเกมก็มีกลิ่นอายความสยองขวัญอยู่ตลอดทั้งบรรยากาศในเกมที่ชวนวังเวง ฉากการเปลี่ยนร่างของสัตว์ประหลาดที่ดูหลอน แต่พอเกมตัดมาที่ฉากต่อสู้เราก็จะลืมความสยองขวัญนั้นไปทันที จนในภาค 2 ตัวเกมจึงต้องเปลี่ยนให้เป็นแบบ ‘Resident Evil’ แต่ก็ทำได้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ เหมือนเคย ที่บอกให้รู้ว่าทางทีมพัฒนาไม่ถนัดแนวสยองขวัญนี้ก็ได้ แต่ก็นับว่าเป็นการลองที่ดีเพราะหลายคนก็ชอบความแปลกใหม่นี้ จนอยากให้ทางค่ายเอา ‘Parasite Eve’ มารีเมกอีกครั้ง

Parasite Eve

เกมภาษากับ Puzzles ในเกม Undertale

Undertale

มาที่เกมใหม่ ๆ กันบ้างกับเกม ‘Undertale’ เกม indie เล็ก ๆ แต่มีเนื้อเรื่องระบบการเล่นที่สนุกน่าสนใจ แถมยังเป็นการผสมรวมกันระหว่างเกมภาษาที่เราต้องเดินหาเนื้อเรื่อง แต่พอตัดมาฉากต่อสู้ตัวเกมจะเปลี่ยนมาเป็นแนว ‘Puzzles’ รวมกับระบบเลือกคำตอบเพื่อเปลี่ยนเส้นทางในเกม ที่เราเรียกแนวนี้ว่า ‘Interactive storytelling’ ที่การเลือกของเราจะส่งผลกับเนื้อเรื่องในเกมในภายหลัง ซึ่งทั้งหมดนี้มันถูกเอามารวมกันได้อย่างลงตัว โดยในเนื้อเรื่องปกติเราจะต้องควบคุมตัวละครเพื่อทำภารกิจที่เกมกำหนด โดยการเดินถามคนนั้นคนนี้เพื่อหาทางไปยังเนื้อเรื่องต่อไปแบบเกมภาษา แต่พอตัดฉากต่อสู้ตัวเกมจะให้เราเลือกว่าจะพูดคุยกับตัวละครหรือจะสู้กัน ซึ่งสิ่งที่เราเลือกก็จะส่งผลต่อไปในเนื้อเรื่องต่อไป แต่ถ้าสู้เกมก็จะตัดมาเป็นเกม ‘Puzzles’ หลาย ๆ แบบ ทั้งการกดให้ตรงช่องที่เลื่อนไปมา การหลบลูกกระสุน การเรียกตัวต่อที่ถ้าใครเล่นเกมแนว ‘Puzzles’ มาบ่อย ๆ จะคุ้นเคยกับระบบเหล่านี้ แต่จุดขายของเกมนี้คือเนื้อเรื่องที่เล่นจนจบคุณจะรู้สึกขนลุกในเนื้อหาที่เกมมีมาให้คุณ เพราะทุกอย่างในเกมนี้ขึ้นอยู่กับตัวคุณเป็นผู้เลือกชะตากรรมให้ตัวละคร ใครชอบเกมแนวเนื้อเรื่องเข้มข้นเหมือนกาแฟไม่ใส่น้ำตาลก็ลองไปหามาเล่นดู

Undertale

เกมขับรถกับความสยองขวัญ ในเกม Beware

Beware

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณกำลังขับรถกลับบ้านในตอนกลางคืนบนถนนที่คุ้นเคย แต่วันนี้มันกลับมีบางอย่างที่แปลกไป นั่นคือความสยองขวัญที่คนดูภาพยนตร์กับฟังเรื่องเล่าสยองขวัญคุ้นเคยกันดี แต่สำหรับวงการเกมแล้วมันคือเรื่องใหม่ที่ไม่ค่อยมีคนทำ กับการเอาเกมแนวขับรถแข่งรถมารวมกับความสยองขวัญในเกมที่ชื่อว่า ‘Beware’ เกมที่จะให้เรารับบทเป็นชายผู้ขับรถบนถนนที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งระหว่างทางนั้นเขาต้องพบกับเรื่องราวสยองขวัญมากมายที่พยายามเอาชีวิตเขา โดยตลอดทั้งเกมนั้นเราจะนั่งอยู่แต่ในรถไม่ได้ออกไปไหน และจากข้อมูลบอกว่าตัวเกมจะมาในรูปแบบ ‘Open World’ ที่ให้อิสระกับเราในการขับรถไปในโลกต่างมิติที่เราไม่รู้จักเพื่อทำภารกิจต่าง ๆ เพื่อหาทางออกไปจากที่นี่ ตัวเกมจัดความหลอนสยองขวัญแบบเต็มขั้น ทั้งการเจอสิ่งลี้ลับที่กระจกมองหลัง สิ่งแปลก ๆ ข้างทาง ไปจนถึงการถูกไล่ล่าโดยรถปริศนา เรียกว่าจัดความกลัวในเรื่องเล่าสยองขวัญที่เราเคยฟังมาแบบครบชุด ตัวเกมมีกำหนดวางจำหน่ายในปีนี้ใครมีเครื่องไหนก็เตรียมตัวหามาหลอนกันได้

Beware

เกมภาษากับเกมฟุตบอล ในเกม Captain Tsubasa

Captain Tsubasa

คราวนี้มาดูเกมแนวกีฬาที่ทีมพัฒนาสามารถเอาความเป็นเกมภาษามาผสมกับเกมฟุตบอลได้อย่างลงตัวแบบไม่น่าเชื่อ ที่หลายคนอาจจะงงว่าเกมฟุตบอลกับเกมภาษามันจะเล่นยังไง กับเกมที่ชื่อว่า ‘Captain Tsubasa’ เกมที่สร้างจากการ์ตูนชื่อดังในยุคนั้น ที่หลายคนเมื่อเห็นชื่อเกมเห็นหน้าปกต่างก็รีบซื้อในทันที เพราะเราคงคิดว่ามันต้องเป็นเกมเตะฟุตบอลที่เราจะได้ควบคุมตัวละครในการ์ตูนวิ่งไปมาในสนาม และเตะด้วยท่าไม้ตายอันทรงพลังตามในการ์ตูน แต่เมื่อเปิดเกมมามันกลับเป็นเกมภาษาที่ใช้การเลือกคำสั่งมีฉากต่อสู้เสียอย่างนั้น แถมในยุคนั้นตลับเกมค่อนข้างแพงเมื่อซื้อมาแล้วจะทิ้งขว้างก็ใช่ที่เลยต้องทนเล่นไป ซึ่งเมื่อเล่นหลายคนก็ค้นพบความสนุกที่ไม่เคยรู้มาก่อน โดยตัวเกมจะเริ่มต้นเรื่องราวตามในการ์ตูนที่เราจะได้เล่นเป็นทีมพระเอกที่ไปแข่งกับทีมต่าง ๆ ตามเนื้อเรื่อง แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้สนุกคือระบบการเล่นที่เมื่อเปิดการแข่งเราจะได้เห็นตัวละครวิ่งไปแบบเรื่อย ๆ พร้อมจุดที่บอกเราว่าตอนนี้เราอยู่ตรงไหนของสนาม(รูปประกอบด้านล่าง) จนเมื่อเจอศัตรูมาขวางก็จะมีคำสั่งให้เลือกว่าจะส่งให้เพื่อน วิ่งฝ่าไป หลบซ้าย หลบขวา ที่ถ้าเลือกถูกก็จะผ่านไปได้แต่ถ้าเลือกผิดก็จะถูกแย่งบอล ซึ่งเมื่อเราเป็นฝ่ายไปแย่งบอลก็ต้องเลือกแบบนี้ ที่เป็นการเดาทาง AI ให้ถูก และเมื่อถึงเขตประตูก็จะมีคำสั่งใช้ท่าไม้ตายขึ้นมายิ่งเพิ่มความสนุกมากขึ้น ที่เห็นแบบนี้ยิ่งเล่นยิ่งเพลินบอกเลย

Captain Tsubasa

เกมภาษากับเกมจีบสาว ในเกม Persona

Persona

กลับมาที่เกมภาษาหรือเกมแนว RPG อีกครั้ง แต่คราวนี้จะเป็นเกมแนว JRPG ของแท้ที่หาได้ยากในยุคนนี้ เพราะเกมภาษาส่วนมากเริ่มจะกลายพันธุ์มาเป็นเกมแนวแอ็กชันไปแล้ว แต่เกมในซีรีส์ ‘Persona’ ยังคงยึดกับระบบการเล่นที่เป็นการยืนหน้ากระดานผลัดกันเลือกคำสั่งให้ตัวละครไปโจมตี แต่ตัวเกมก็ไม่ได้ย่ำอยู่กับที่เพราะถึงแม้ตัวเกมจะยังคงยึดรูปแบบเก่า แต่ก็เปลี่ยนตัวเนื้อหาและการเลือกคำสั่งในเกมให้ดูร่วมสมัย ไปพร้อมกับระบบการเล่นที่เป็นการรวมระบบเพิ่มความสัมพันธ์ให้ตัวละคร หรือการจีบสาว(หนุ่ม) ที่เราสามารถเลือกตัวละครเพื่อนร่วมทีมที่จะไปตีสนิท ทั้งการโทรหาชวนไปเที่ยวหรือตามจีบเพื่อเพิ่มความสัมพันธ์ให้มากขึ้น รวมถึงตัวละครคนอื่น ๆ ในเกมที่ยิ่งค่าความสัมพันธ์เพิ่มเราก็จะได้พลังใหม่ ๆ หรือถ้าเป็นเพื่อนร่วมทีมเมื่อค่าความสัมพันธ์ถึงกำหนด พลังของเพื่อนก็จะเพิ่มขึ้นเป็นการเปลี่ยนร่างพัฒนาตัวละครให้สูงขึ้น ซึ่งเราต้องบริหารเวลาให้ดีถ้าอยากจะให้เพื่อนทุกคนมีพลังมาก ๆ นอกจากระบบความสัมพันธ์แล้วยังมีอีกระบบที่น่าสนใจนั่นคือการชักชวนมอนสเตอร์มาเป็นพวก ที่ถ้าจะให้อธิบายแบบเห็นภาพง่าย ๆ ก็คือระบบชวนมอนสเตอร์ในเกมซีรีส์ ‘Dragon Quest Monsters’ หรือจับมอนสเตอร์ในเกม ‘Pokemon’ ที่เราสามารถเอามาผสมกันเพื่อเป็นมอนสเตอร์ตัวใหม่ ๆ ได้ นับเป็นการรวมระบบต่าง ๆ จากหลาย ๆ เกมมาประยุกต์จนเป็นเกมตัวเองได้อย่างลงตัวที่ไม่ว่าจะออกมากี่ภาคคนก็ยังชื่นชอบ

Persona

เกมจีบสาวกับแนวสยองขวัญ ในเกม Doki Doki Literature Club

Doki Doki Literature Club

เรียกว่ามาแบบเรียบ ๆ แต่กินเรียบทุกงาน กับเกมที่เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างเกมจีบสาวน่ารัก ๆ กับเกมแนวสยองขวัญชวนจิตตกในเกม ‘Doki Doki Literature Club’ เกมที่เริ่มต้นมาแบบเรียบ ๆ ในฐานะเกมจีบสาวง่าย ๆ ที่เราจะได้รับบทเป็นหนุ่มน้อยผู้โชคดี(รึเปล่า) ที่ได้ไปอยู่ในวรรณกรรมที่มีสาว ๆ น่ารัก ๆ ให้เราสร้างความสัมพันธ์เพื่อจีบพวกเธอให้ติด ที่ก็เหมือนเกมจีบสาวทั่ว ๆ ไปที่เห็นในตลาด แต่ความสยองขวัญมันจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อเราเริ่มเล่นในรอบที่ 2 ของเกม ที่เมื่อเราไปจีบใครก็ตามไม่นานสาว ๆ เหล่านั้นจะฆ่าตัวตายทั้งการแขวนคอตายเอามีดมาแทงคอตัวเองต่อหน้าเรา ซึ่งเราที่เป็นคนเล่นก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งนั่นคือความหลอนของเกมนี้ ที่เมื่อเล่นไปจนจบคุณจะรู้ว่าความหลอนสยองขวัญที่บางทีก็ไม่จำเป็นต้องมีผีมาหลอกหรือมีบรรยากาศมืด ๆ เสมอไป ส่วนใครที่เคยเล่นหรือรู้เนื้อหามาแล้วคงจะทราบดีว่าเกม ‘Doki Doki Literature Club’ คือความลงตัวของเกมจีบสาวและสยองขวัญที่ไม่น่าไปด้วยกันได้ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างพอดีไม่ขาดไม่เกิน ส่วนใครที่สนใจก็ไปเล่นภาคใหม่เลยกับ ‘Doki Doki Literature Club Plus!’ หรือไปอ่านรีวิวในแบไต๋ก่อนได้เพื่อการเข้าใจระบบ แล้วคุณจะรู้ว่าเกมสยองขวัญกับการจีบสาวมันไปด้วยกันได้

Doki Doki Literature Club

เกมภาษากับแนวแข่งรถในเกม Racing Lagoon

Racing Lagoon

กลับมาที่เกมเก่ากันอีกครั้งกับค่ายเกมเจ้าเดิมอย่าง ‘Square’ ที่ในยุคนั้นพี่เขากำลังไฟแรงและเป็นตัวพ่อของวงการเกม ในการผลิตเกมภาษาออกมาอย่างมากมาย และทุกเกมภาษาที่ทำออกมาก็ได้รับความนิยมจนมีหลายค่ายเริ่มเอาเกมภาษาตัวเองมาปัดฝุ่นสร้างภาคต่อหรือผลิตเกมแนวนี้ออกมาบ้าง จนทาง ‘Square’ ต้องฉีกตัวเองออกไปให้แตกต่างกว่าคนอื่น เราจึงได้เห็นเกมที่ผสมระหว่างการแข่งรถกับเกมภาษาขึ้นมาในชื่อเกม ‘Racing Lagoon’ เกมที่เราจะได้รับบทเป็นเหล่านักแข่งรถตามท้องถนน ที่ต้องดำเนินเรื่องแบบเกมภาษาที่เราต้องขับรถเพื่อไปยังสถานที่ต่าง ๆ ตามเนื้อเรื่องเพื่อดำเนินเรื่องราวแบบเกมภาษาทั่วไป แต่เมื่อถึงฉากต่อสู้ตัวเกมก็จะเปลี่ยนมาเป็นการแข่งรถ ที่เมื่อเราเอาชนะการแข่งไปได้ก็จะได้เงินหรือชิ้นส่วนมาแต่งรถ ซึ่งนั่นคือความสนุกของเกมนี้เพราะเรื่องราวของเกมที่ไม่มุ่งเน้นการแข่งรถอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องราวของความสัมพันธ์ตัวละครทั้งมิตรภาพความรักเพื่อนการหักหลังที่ไม่น่าจะเอามาใส่ในเกมแข่งรถได้ ซึ่งแม้ตัวเกมจะลงตัวขนาดไหนแต่ด้วยความแปลกใหม่ที่แฟน ๆ ไม่คุ้นเคยจึงทำให้เกมนี้มียอดขายที่ไม่ดี จนสุดท้ายมันก็กลายเป็นหนึ่งเกมที่ถูกลืมในที่สุด

Racing Lagoon

เกมวางแผนการรบกับเกมจีบสาว ในเกม Sakura Taisen

Sakura Taisen

อีกหนึ่งความลงตัวที่เรียกว่าแปลกใหม่มาก ๆ ในยุคอดีต เมื่อจู่ ๆ ทางค่ายเกม ‘Sega’ ก็ประกาศเกมแนววางแผนการรบในชื่อ ‘Sakura Taisen’ ที่ข้อมูลในยุคนั้นบอกว่าเกมนี้คือเกมแนววางแผนการรบที่เราต้องเดินตัวละครในตารางเพื่อต่อสู้กันในฉาก ซึ่งเป็นที่นิยมพอควรในตอนนั้น แต่แล้วทางค่ายเกมก็ประกาศข้อมูลเพิ่มมาว่าเกมนี้จะมีระบบการจีบสาวเข้ามาด้วย เพียงเท่านั้นหลายคนที่ไม่มีเครื่อง ‘Sega Saturn’ ต่างก็ได้แต่มองด้วยความยากเล่น เพราะหลายคนที่ได้เล่นในยุคนั้นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เกมนี้ได้รวมระบบการจีบสาวเพื่อสร้างความสัมพันธ์ให้ตัวละครเพื่อเพิ่มค่าพลังและพัฒนาหุ่น(ชุดเกราะ) ในเกมให้แข็งแกร่งขึ้น  ผ่านเนื้อหาเรื่องราวที่มาในแบบการ์ตูนที่ทำออกมาได้สนุกน่าติดตาม จนเวลาผ่านไปเมื่อทาง ‘Sega’ เลิกผลิตเครื่องเกมและหันมาเป็นค่ายที่พัฒนาเกมอย่างเดียว เกมในซีรีส์ ‘Sakura Taisen’ ก็ลงบนเครื่องอื่น ๆ ตามมา และมีภาคต่อออกมาที่แม้ตัวเกมจะถูกเปลี่ยนรูปแบบไปบ้าง แต่ระบบการเพิ่มความสัมพันธ์ก็เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับซีรีส์นี้มาทุกภาค ใครที่สนใจอยากเล่นก็มีภาคใหม่อย่าง ‘Sakura Wars’ ให้ลองกัน แต่ถ้าอยากได้อารมณ์เกมจีบสาวผสมวางแผนการรบจริง ๆ ต้องไปหาภาคเก่า ๆ มาเล่นจะดีที่สุด

Sakura Taisen

แนวสยองขวัญกับเกมแอ็คชัน ในเกม Resident Evil 4

Resident Evil 4

คงจะไม่มีใครเถียงเมื่อพูดถึงเกมที่รวมความสยองขวัญเอาชีวิตรอด กับเกมแอ็กชันที่เอามาใส่ได้อย่างลงตัวในเกม ‘Resident Evil 4’ ซึ่งต้องย้อนเวลากลับไปที่เกมภาคนี้เริ่มพัฒนา ตัวเกมก็ยังคงยึดรูปแบบของความสยองขวัญแบบเดิมที่เรารู้จัก แต่สุดท้ายทีมพัฒนาก็ทิ้งทุกอย่างที่เคยมีและเริ่มต้นพัฒนาแนวทางใหม่ให้กับเกม ‘Resident Evil’ ด้วยความใส่ความเป็นแอ็กชัน ที่เราสามารถเตะต่อยจับทุ่มปาระเบิดใส่ศัตรูได้แบบเกมแอ็กชัน แต่ตัวเกมยังคงความหลอนขนหัวลุกแบบที่ ‘Resident Evil’ ภาคเก่ามีแบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นครั้งแรกที่เราได้ยินเสียงเลื่อยยนต์กับชาวบ้านที่ถืออาวุธไล่ล่าเรา ก็เล่นเอาหลายคนรนรานจนทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่ตัวเกมจะค่อย ๆ เปลี่ยนความกลัวเป็นความสนุกจนหลายคนลืมความกลัวไป ซึ่งจุดนี้ทีมพัฒนาก็น่าจะรู้เรื่องดีจึงพาเรากลับมาสู่ความหลอนอีกครั้ง เมื่อเกมมาถึงสถานวิจัยที่เต็มไปด้วยสัตว์ทดลองที่ถ้าใครที่เคยเล่นมาแล้วจะรู้ดีว่ามันหลอนขนาดไหน และด้วยความดีงามบวกกับความสดใหม่ที่ลงตัวในยุคนั้นมันก็กลายเป็นข้อเสียไปในตัว เพราะจนถึงตอนนี้ทาง ‘Capcom’ รวมถึงคนที่สร้างเกมนี้เองอย่าง ชินจิ มิคามิ (Shinji Mikami) ก็ไม่สามารถสร้างภาคต่อของ ‘Resident Evil’ หรือเกมใหม่ที่ลงตัวได้เท่าภาคนี้อีกเลย

Resident Evil 4

เกมภาษากับแนวแอ็กชัน ในเกม Tales of Phantasia

Tales of Phantasia

จากในหัวข้อก่อนที่เราได้กล่าวถึงเกมภาษาในยุคนี้ ที่เริ่มเปลี่ยนตัวเองมาเป็นเกมแอ็กชันมากขึ้น แต่ตัวเกมก็ยังเรียกตัวเองว่าเกมภาษา ส่วนเกมภาษาที่เป็นแนวดั่งเดิมจะถูกเรียกรวม ๆ ว่าเกมแนว JRPG แทน ซึ่งถ้าเราย้อนกลับไปเพื่อดูว่าต้นแบบเกมภาษาที่ผสมเกมแอ็กชันลงไปนั้นเริ่มที่เกมไหน ซึ่งเท่าที่หาข้อมูลมาก็ทราบว่าเกมแรก ๆ ที่ใส่ระบบต่อสู้แบบเกมแอ็กชันลงไปในเกมภาษาก็คือเกม ‘Tales of Phantasia’ ที่วางจำหน่ายบนเครื่อง ‘Super Famicom’ ในปี 1995 ที่เป็นการรวมเกม 2 แนวที่ไม่น่าจะเข้ากันได้มาใส่ลงไปได้อย่างลงตัว ที่ในยุคนี้อาจจะดูเป็นเรื่องปกติที่เห็นได้ทั่วไป แต่ในยุคนั้นมันคือความแปลกใหม่ที่ลงตัว  เพราะแทนที่เราจะได้เล่นเป็นตัวละครที่ยืนหน้ากระดานผลัดกันโจมตีแบบเกมอื่น ๆ ในยุคนั้น  แต่เกม ‘Tales of Phantasia’ กลับให้เราสามารถควบคุมตัวละครให้วิ่งไปมาในฉากแบบ 2D เพื่อกระโดดฟันใช้เวทมนตร์ต่าง ๆ ได้เหมือนที่เกมแอ็กชันยุคนี้ทำได้ แถมเรายังสามารถเปลี่ยนตัวละครระหว่างสู้ได้ด้วย(ที่เหลือจะเป็น AI ความคุม) ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นเอกลักษณ์จนมาถึงทุกวันนี้ ใครที่สนใจอยากเล่นเกมภาษายุคเก่าที่มีกราฟิกแบบการ์ตูนเล่นสนุกไม่ควรพลาด หรือจะเล่นภาคล่าสุดอย่าง ‘Tales of ARISE’ ไปเลยก็ได้ เพราะตัวเกมยังคงระบบการเล่นที่เหมือนภาคแรกอยู่ จะเปลี่ยนแค่กราฟิกไปตามยุคสมัยเท่านั้น แต่ความสนุกยังคงเดิมไม่เปลี่ยนจนถึงตอนนี้

Tales of Phantasia

เกมการ์ดกับเกมแอ็กชัน ในเกม Kingdom Hearts Chain of Memories

Kingdom Hearts Chain of Memories

ปิดท้ายกับเกมที่หยิบยกระบบของการ์ดเกมกับเกมแอ็กชันมารวมกันได้อย่างลงตัวและสนุก ในเกม ‘Kingdom Hearts Chain of Memories’ เกมภาคต่อของซีรีส์ ‘Kingdom Hearts’ ภาคแรก ที่ตอนจบของเกมภาคแรกพวก โซระ (Sora) ได้เจอปราสาทปริศนาหลังหนึ่ง เมื่อเข้าไปตัวเกมก็ถูกเปลี่ยนจากเกมแอ็กชันที่เราเคยควบคุมโซระไปต่อสู้แบบในเกมภาคก่อน มาคราวนี้ทุกการกระทำของเราจะถูกกำหนดด้วยการ์ดเกม ที่เราต้องกำหนดว่าจะใช้การ์ดอะไรก่อนหลังในการต่อสู้ ทั้งการใช้การ์ดโจมตี การ์ดเวทมนตร์ การ์ดความสามารถพิเศษ ไปจนถึงการ์ดตัวละคร ที่สามารถเรียกมาช่วยสู้ได้ โดยเราต้องเลือกเอาไว้ล่วงหน้าและไม่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร ซึ่งนั่นคือความสนุกของเกมภาคนี้ ที่ยิ่งเล่นเราจะยิ่งได้การ์ดใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาจนสามารถสร้างคอมโบที่หลากหลาย ตัวเกมมีทั้งบนเครื่อง ‘Game Boy Advance’ และฉบับ Remake บน ‘PlayStation 2’ ใครที่สนใจอยากเล่นก็แนะนำให้เล่นภาคแรกมาก่อนแล้วตามด้วยภาคนี้ เพราะไม่อย่างนั้นจะมีงงเนื้อเรื่องแน่นอน แต่ถ้าไม่สนใจเนื้อเรื่องและเล่นเอาสนุกเกมนี้ก็จัดเต็มให้คุณได้พบความสนุกแปลกใหม่แน่นอน

Kingdom Hearts Chain of Memories

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 11 เกมที่มีระบบการเล่นที่ไม่น่าจะเอามารวมกันได้ แต่ทีมพัฒนาก็สามารถเอามาใส่ในเกมจนเกิดเป็นเกมแนวใหม่ขึ้นมา ซึ่งด้วยความแปลกใหม่ที่ว่ามานั้นจึงเป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย ที่ถ้าถูกที่ถูกทางคนเล่นชอบก็สามารถไปต่อได้ แต่ถ้าทำออกมาแล้วมันดูขาด ๆ  เกิน ๆ ไม่ถูกใจคนเล่นก็จะทำให้เกมเหล่านั้นไม่ได้ไปต่อ(ซึ่งส่วนมากก็เป็นแบบนั้น) แต่ถึงแบบนั้นทีมพัฒนาก็ไม่ยอมแพ้ยังคงมีการสร้างเกมแนวใหม่ ๆ ขึ้นมาเรื่อย ๆ เพื่อเปิดตลาดให้ผู้เล่นอย่างเราได้เล่นเกมสนุก ๆ มากขึ้น ซึ่งนั่นก็คือเรื่องดีกว่าการได้เล่นเกมแบบเดิมแนวเดินซ้ำ ๆ ที่เรียกว่าหากินกับของเก่าจนไม่เดินไปข้างหน้า และถ้าบทความนี้ขาดเกมไหนหรือข้อมูลตกหล่นอย่างไรก็บอกกันมาได้ ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวอะไรในวงการเกมก็ติดตามกันได้ที่นี่ที่เดียว

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

เนื้อหาล่าสุด

Xiaomi Redmi Note 11 จะเป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางรุ่นแรกที่รองรับการชาร์จไฟ 120 W

Xiaomi เตรียมเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดในซีรีส์ Redmi Note 11 ในวันที่ 28 ตุลาคม 2021 นี้ โดยล่าสุดทาง Xiaomi ได้ออกมายืนยันถึงฟีเจอร์สำคัญอย่างหนึ่งของสมาร์ตโฟนดังกล่าว นั่นคือ ...อ่านต่อ

การศึกษาล่าสุดเผย ‘Hereditary’ คือหนังที่น่ากลัวที่สุดตลอดกาล

เตรียมเช็กลิสต์หนัง Horror สุดหลอน เพราะการศึกษาล่าสุดเผยแล้วว่า 'Hereditary' คือหนังที่น่ากลัวที่สุดตลอดกาล

Google ส่ง Security Key ให้แก่ผู้ใช้มากกว่าหมื่นชิ้น

Google ส่ง Titan security keys ให้แก่ผู้ใช้มาก 10,000 บัญชีที่มีความเสี่ยงสูงว่าจะโดนแฮก หรือโดนก่อโจรกรรมกรรมทางไซเบอร์ เมื่อเดือนที่แล้ว Google เองได้ตรวจพบบัญชีของผู้ใช้ระดับ ...อ่านต่อ

ชม MV เพลงญี่ปุ่นที่ใช้ Pixel 6 ถ่ายเป็นครั้งแรก

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กูเกิล (Google) ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนเรือธงอย่าง Pixel 6 และ Pixel 6 Pro ที่มาพร้อมกับชิป Google Tensor ชิปที่ผลิตโดยกูเกิล เพื่อใช้ในสมาร์ตโฟน Pixel ...อ่านต่อ

Xbox อาจกำลังซุ่มสร้างเกมภายใต้ธีม Wu-Tang Clan ในนาม Shaolin

Xbox อาจกำลังร่วมงานกับ Brass Lion Entertainment ซุ่มสร้างเกมแอ็กชันอาร์พีจีธีม Wu-Tang Clan วงฮิปฮอปชื่อดัง ในชื่อ 'Shaolin'

หัวเราะทีหลังดังกว่า? พบ Intel Core i9-12900HK ทำคะแนนเหนือ Apple M1 Max!

ต้องยอมรับว่า Apple Silicon นั้นสร้างความฮือฮาให้กับวงการคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก และทั้งหมดนี้ยังอยู่เฉพาะบนอุปกรณ์กลุ่มโน้ตบุ๊กพร้อม iMac M1 เท่านั้น