“Man Alive!” คือย่างก้าวที่ 4 ของ King Krule ตามหลังย่างก้าวที่ประทับรอยชื่นชมเอาไว้ใน The Ooz (2017) ซึ่งย่างก้าวนี้ก็หนักแน่น เข้มข้นไม่แพ้กัน มันผสมผสานไว้ด้วยกลิ่นอายของดนตรีพังก์ ฮิปฮอป นิวเวฟ แจ๊ส ที่สุดแท้แต่จะผสมอันไหนมากอันไหนน้อยในแต่ละบทเพลง อย่าง “Cellular” ก็ไฉไลไปด้วยสีสันซินธ์และไลน์เบสอันหนึบแน่น ที่สะท้อนความเป็นไปในโลกปัจจุบันกับการรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ผ่านสื่อใกล้มืออย่างโทรศัพท์มือถือ “ There’s a French girl on my television / She’s crying in the palm of my hand”
บทเพลงในช่วงครึ่งหลังของอัลบั้มฟังสบายดี ไหลไปได้เรื่อย ๆ อย่าง “Airport Antenatal Airplane” ที่บรรยากาศนุ่มนวลด้วยเสียงแซมเปิลของนักร้องสาว ถ่ายทอดความรู้สึกของการได้อยู่บนเครื่องบินมองลงมาเบื้องล่างปล่อยใจและทิ้งความสับสนไว้เพื่อพักผ่อนใจ “As if I did, I would care / From JFK on to Heathrow / Leave a wondow seat / I wanna feel free, up” ต่อด้วยชุดเพลงในช่วงท้ายที่มีท่วงทำนองของแจ๊สมากหน่อย อย่าง “Underclass” ก็นับว่าน่าสนใจทั้งหวานทั้งเหงากลมกล่อมกำลังดีในช่วงทำนองชวนเคลิ้ม
พอฟังจบแล้วก็มั่นใจว่า King Krule จะยังไม่หมดมุกและมีอะไรดี ๆ พร้อมปล่อยออกมาให้เราได้ฟังอีกแน่นอน
“So Heavy I Fell Through The Earth” คือเพลงเปิดที่บรรเจิดเฉิดฉายไปด้วยเสียงร้องในสไตล์ Enya สายดาร์ก คลอไปกับเบสหนึบแน่น ซินธ์และกีตาร์ที่สอดแทรกลีลาลงไป
ต่อด้วย “Darkseid” ที่ดาร์กสมชื่อกับเสียงเบสดิ่งลึกในท่วงทำนองดิ่งดาร์กกับเนื้อร้องที่เราอาจไม่รู้เรื่องจากการแรปของแรปเปอร์สาวชาวไต้หวัน “潘PAN” “Delete Forever” เป็นแทร็กที่ไม่เหมือนเพื่อนที่สุดแล้ว และก็ชวนแปลกใจมากว่าเพลงในท่วงทำนองอะคูสติกอารมณ์คันทรี่-พอปมาอยู่ในอัลบั้มนี้ได้ไง แต่มันกลับให้ความรู้สึกที่ถูกที่ถูกทางกับเรามากเลย ท่วงทำนองมาสบาย ๆ แบบนี้แต่เนื้อหากลับพูดถึงความตายของ Lil Peep และ วิกฤติปัญหาการเสพติดสารโอปิออยด์ หรือสารที่สกัดจากฝิ่นนั่นเอง
เป็นอัลบั้มแรกของศิลปินไทยที่เราแนะนำในปีนี้ ถึงแม้จะปล่อยมาเป็น ep แต่ก็มีความน่าสนใจและไม่ควรมองข้ามไปเลย กับ “Lacuna” ที่มาพร้อม 5 บทเพลงใหม่สไตล์อเมริกันคันทรี่ จาก ฮิวโก้ จุลจักร กับหน้าปกชวนเตะตาด้วยมีพรีเซนเตอร์เป็นเจ้าตุ๊กแกยักษ์ (สงสัยใครกลัวเจ้าตัวนี้อาจต้องฟังผ่านสตรีมมิงหรือไม่งั้นก็ต้องวานคนอื่นให้ใส่แผ่นให้) ส่วนบทเพลงทั้ง 6 ในอัลบั้มล้วนแล้วแต่ถูกถ่ายทอดผ่านเนื้อร้องภาษาอังกฤษ เหมือนเมื่อครั้งทำอัลบั้ม Old Tyme Religion (2011) และ Deep In The Long Grass (2014)
เปิดด้วย “Call of the void” เสียงเพรียกจากความมืดที่น่าลุ่มหลง ผ่านเสียงกีตาร์เท่ ๆจาก เบิร์ด Desktop Error ที่ก้องสะท้อนอยู่เบื้องหลังไล่เรื่อยไปตามบทเพลง จังหวะกลองที่ควบแน่นไปตามจังหวะ และเสียงร้องของฮิวโก้ที่พาเราล่องลอยไปกับท่วงทำนองที่ชวนลุ่มหลงนี้
“All That I Know” มาพร้อมท่วงทำนองอเมริกันคันทรี่ ในห้วงบรรยากาศวาบหวาม เซ็กซี่ ผ่านเสียงร้องหวาน ๆ ของฮิวโก้ และไลน์กีตาร์ที่เคล้าคลอมาในท่วงทำนอง ผสานด้วยซาวด์คีย์บอร์ดสร้างบรรยากาศและลีลาการโซโล่กีตาร์อันหวามไหวไพเราะในช่วงท้ายของเพลง
“The Deals We Make” เพลงมันส์ ๆ ในสไตล์คันทรี่ร็อก ชวนขยับ ชวนโยกเย้าเคล้าคลอไปกับลีลาอันเร้าใจในบทเพลง
“We Are Bulletproof: The Eternal” ภาคจบของซีรีส์ “Bulletproof” ที่มี “We Are Bulletproof Pt. 1” และ “We are Bulletproof Pt. 2”มาก่อนหน้านี้ บทเพลงสุดไพเราะความหมายงดงาม สะท้อนความแข็งแกร่งของทั้ง 7 คนที่พร้อมเผชิญทุกปัญหาเพราะพวกเขาต่างมีกันและกัน “Throw stones at me / We don’t fear anymore /We are we are together, bulletproof”
และอีกหนึ่งบทเพลงน่าสนใจปิดท้ายอัลบั้ม “ON” บทเพลงพอปจังหวะเร้าใจที่ได้ Sia มาร่วมแจมด้วยเป็นการจบอัลบั้มที่มีบทเพลงถึง 20 เพลง !! อย่างงามงดหมดจด
“Kiss From The Darkness” – Scandal
“Kiss From The Darkness” อัลบั้มแรกภายใต้สังกัดอิสระของตัวเองที่มีชื่อว่า “her” กับบทเพลงที่ครบรสความเป็น Scandal สี่สาวร็อกจากแดนอาทิตย์อุทัยที่สวย น่ารัก ดุดัน และเร้าใจในทักษะและลีลาที่พัฒนาขึ้นตามวัยวันที่ผันผ่าน
Scandal ไม่เคยทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง กับอัลบั้มนี้ก็เช่นกัน ฟังอัลบั้มนี้ให้เต็มที่แล้วไปมันส์กันต่อใน SCANDAL WORLD TOUR 2020 “Kiss from the darkness” คอนเสิร์ตที่จะมีขึ้นในวันที่ 13 เดือนมิถุนายนนี้ของพวกเธอกันครับ