[รีวิวเกม] Resident Evil 7 ยินดีต้อนรับสู่ความสยองของตำนานผีชีวะ
Our score
8.7

Resident Evil 7

จุดเด่น

  1. งานออกแบบที่หลอนได้ใจ
  2. เกมเพลย์ช่วงแรกสนุก
  3. ระบบเสียงที่สุดยอด

จุดสังเกต

  1. กราฟิกบางจุดดูหยาบไปนิด
  2. ครึ่งหลังของเกมไม่ดีเท่าที่ควร
  3. เกมสั้นไปหน่อย
  • กราฟิก

    8.5

  • เกมเพลย์

    9.0

  • ความแปลกใหม่

    8.5

  • ความคุ้มค่า

    8.5

  • ภาพรวม

    9.0

ทุกวันนี้เกมต้องมีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ทำให้ซีรีส์ดังๆอย่าง Zelda , Super Mario ยังเปลี่ยนมาเป็นแนว Open World และล่าสุดที่เพิ่งจะออกวางขายคือเกม Resident Evil 7 ที่ได้ย้อนคืนสู่ความสยองอีกครั้งผ่านรูปแบบการเล่นที่แปลกตาไปจนหลายคนอาจคิดว่ามันไม่ใช่ภาคหลัก

โดยเกม Resident Evil 7 เป็นภาคต่ออย่างเป็นทางการไม่ใช่ภาคเสริม ที่เรียกเสียงฮือฮาให้คอเกมทั่วโลกตั้งแต่เปิดตัวในงาน E3 ไปจนถึงการปล่อยเดโมออกมาให้เล่นก็ยิ่งตอกย้ำรูปแบบการเล่นที่หวนคืนไปสู่ความสยองมากกว่าภาคหลังๆที่แทบจะกลายเป็นเกมยิงไปแล้ว

แต่ก่อนจะเข้าตัวเกม กราฟิกเป็นประเด็นแรกที่ต้องพูดถึงเพราะดูภายนอกแล้วมันอาจจะดูน่าผิดหวัง เพราะไม่ได้ลงรายละเอียดเท่าไรฉากบางส่วนดูหยาบเกินไปที่จะเป็นเกมบน PS4 , XboxOne แต่เรื่องสร้างบรรยากาศความหลอนเอาไปเลยเต็ม10 งานออกแบบที่เล่าเรื่องราวที่ส่วนใหญ่อยู่ในสถานที่จำกัด มีการเล่นแสงเงาและใช้ความมืดมาหลอกหลอนผู้เล่นโดยเฉพาะหากคุณเล่นตอนกลางคืนปิดไฟเล่น และแน่นอนว่าระบบเสียงมีส่วนเสริมในความหลอนในเกมได้อีกหลายเท่าเพราะมีการพากย์เสียงที่สุดยอดระดับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ แนะนำว่าตอนเล่นควรเปิดลำโพงดังๆเพื่อเพิ่มความสยอง

เรื่องราวในเกมจะโฟกัสไปที่ครอบครัว Bakers ที่ตัวเอก Ethan Winters ต้องออกสำรวจบ้านสยองที่เต็มไปด้วยความหลอนแบบหนังสยองขวัญกันเต็มสูบ มีการนำเสนอทั้งแบบหนังฆาตกรโรคจิต หรือหนังผีแบบหลอนๆ และแน่นอนแบบสัตว์ประหลาดหรือซอมบี้ ก็ยังใส่เข้ามา แถมยังเล่าเรื่องได้สนุกน่าติดตาม มีอะไรให้ประหลาดใจกันตลอด แน่นอนว่าต้องมีการหักมุมกันให้เซอร์ไพรส์แบบที่คาดเดากันไม่ได้แน่ (ไม่ขอบอกเดียวจะSpoil เรื่องราวสำคัญในเกม)

แต่ภาพในเกมค่อนข้างมีความรุนแรงสูงมาก มีการพูดคำหยาบคายอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งมีฉากชวนอาเจียนอยู่มากมาย ใครจะเล่นก็ต้องทำใจก่อนและไม่เหมาะสำหรับเด็กแน่ๆ อย่างไรก็ตามตอนเริ่มเกมอาจจะเหมือนกับการเป็นเรื่องของครอบครัวเล็กๆ แต่ก็มีการผูกกับเรื่องราวที่มีบางส่วนเกี่ยวข้องกับภาคหลักทำให้มันก็คือผีชีวะแบบที่คุณและผมคุ้นเคยกันมาเป็นสิบปี และสมกับที่เป็นภาค 7 แน่ๆ

รูปแบบการเล่นเมื่อเริ่มมันคือเกมสยองเอาตัวรอดด้วยมุมมองบุคคลที่ 1 ที่เน้นความหลอนเต็มสูบ ตัวเอก Ethan Winters ต้องหาทางรอดในสถานที่จำกัดในบ้านของครอบครัว Bakers ที่สมาชิกแต่คนก็ล้วนผิดปรกติ เกมในช่วงแรกนับเป็นจุดเด่นของภาคนี้ เพราะถือว่าทำออกมาได้ยอดเยี่ยม หากคอเกมเป็นคนขวัญอ่อนก็อาจจะหลอนจนเล่นต่อไม่ได้เพราะมันทั้งอึดอัดและกดดันกันตลอดเวลาการท่องไปในบ้านร้างที่ชวนสยอง

เช่นเดียวกับ ระบบการต่อสู้ที่ยังคงเน้นไปที่การใช้ปืนทุกอย่างคือมาตรฐานของเกมยิงที่เน้นความหลอนซึ่งไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่การที่มีอาวุธปืนและกระสุนที่จำกัด ทำให้เราต้องเล็งที่จุดตายของศัตรูให้แม่นๆไม่เช่นนั้นกระสุนก็จะไม่พอแน่ แนะนำว่าให้วิ่งหนีในจุดที่ทำได้น่าจะดีกว่า และยังมีการใช้อาวุธในระยะประชิดเช่นมีด หรือเลื่อยไฟฟ้า ที่มีฉากที่เกมสร้างออกมาให้ใช้กันแบบจัดเต็ม อย่างไรก็ตามแม้จะดูอึดอัดกดดันเกี่ยวกับจำนวนอาวุธในช่วงแรก แต่พอเข้าช่วงกลางไปจนถึงช่วงท้ายเกมประเภทอาวุธจะมากขึ้น มีทั้งปืนลูกซอง , ปืนไฟ , ปืนกล , ปืนยิงระเบิด แบบที่คุ้นหน้าคุ้นตามาให้ใช้กันด้วย

อย่างไรก็ตามเมื่อเล่นไปพักหนึ่ง จนชินกับความหลอนและปรับให้เข้ากับรูปแบบในเกมแล้ว คุณจะพบว่ามันก็คือเกมซีรีส์ Resident Evil ที่พวกเราคุ้นเคยกันในอดีต เพราะมันยังอยู่ในรูปแบบการเล่นที่เป็นการเอาตัวรอดจากสถานที่จำกัด โดยการออกค้นหาสำรวจ เพื่อเปิดทางไปต่อเรื่อยๆ รวมทั้งมีไอเทมพิเศษที่จะช่วยให้คุณเปิดทางไปได้ซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆ ที่เราต้องสำรวจและแก้ปริศนาไปพร้อมกับการต่อสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาด แทบไม่มีอะไรแตกต่างนอกจากมุมกล้องที่นำเสนอแบบมุมมองบุคคลที่ 1

ส่วนไอเทมภาคนี้มีการใช้รูปแบบที่คุ้นเคยกัน ไม่ว่าจะเป็นการหากุญแจที่มีสัญลักษณ์เดียวกับประตูเพื่อเปิดทาง , กล่องเก็บของในห้อง Save (ที่ภาคนี้ใช้ Save ที่เครื่องเล่นเทป) รวมถึงการแก้ปริศนาที่มีหลายอย่างดูเหมือนหลุดมาจากภาคแรก เช่นการหมุนรูปภาพ , การหมุนวงล้อด้วยกลไก และ มีระบบเมนูไอเทมที่ต้องมานั่งจัดเรียงอาวุธเพื่อขนไปให้ได้มากที่สุด หรือการสำรวจของเพื่อหาสิ่งที่ซ่อนไว้ เช่นเปิดหนังสือแล้วเจอไอเทม ที่ล้วนเคยอยู่ในซีรีส์ผีชีวะในภาคก่อน (โดยเฉพาะภาคแรก) ที่เหมือนผู้สร้างจงใจทำเพื่อเอาใจแฟนเก่า(แก่)โดยเฉพาะ ส่วนการวัดพลังชีวิตยังใช้เส้นชีพจรหัวใจ เหมือนเดิม แต่การนำเสนอทำได้โดดเด่นเพราะมันอยู่บน นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ ทำให้มันดูแปลกตาและไม่เชย

แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ความดีงามของช่วงแรกที่มีทั้งฉากบ้านชวนหลอน บรรยากาศและการสร้างเรื่องราวที่น่าสนใจรวมทั้งยังแตกต่างจากซีรีส์ Resident Evil ที่เราคุ้นเคย เริ่มค่อยๆจางหายไปเมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังของเกม เพราะมันก็แทบจะไม่ต่างจากเกมยิงสยองขวัญเหมือนผีชีวะภาคหลังๆที่ตัวเอกมีอาวุธหนักครบมือ หรือการที่เกมใช้ไอเดียเดิมๆซ้ำไปหน่อยไม่ว่าจะเป็นระบบ Puzzle ที่เล่นกับแสงเงาที่ใช้ซ้ำมากไป และบางช่วงที่ดูแทบไม่มีอะไรนอกจากเดินหาของ หรือเดินลุยให้ผ่านๆไปต่างจากช่วงแรกที่มีสิ่งที่น่ากลัวและสยองกว่า และปิดท้ายกับบอสใหญ่ในเกมที่น่าผิดหวังไปนิดเมื่อเทียบกับบอสตัวอื่นในเกมที่ทำมาดูดีกว่า

อีกทั้งตัวเกมไม่ได้ยาวเท่าไรหากรีบเล่นให้จบก็ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง หากนับแค่ความยาวอาจไม่คุ้มค่าราคาแผ่นแท้นัก แต่สามารถกลับมาเล่นอีกรอบได้เพื่อเก็บความลับให้ครบ รวมทั้งกลับมาท้าทายในระดับความยากที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งนั่งเก็บเหรียญที่ซ่อนไว้เพื่อมาปลดล็อกไอเทมใหม่ และแน่นอนว่าอนาคตต้องมีตัว ดาวน์โหลดเสริมออกมาอีกแน่เพราะยังคงมีบางอย่างที่ค้างคาใจที่ยังไม่ถูกบอกเล่าในตัวเกมหลัก

สรุปแล้วการกลับมาของ Resident Evil 7 ถือว่าเป็นการก้าวเดินที่ถูกต้องของซีรีส์สยองขวัญที่หวนคืนกลับสู่อดีตอันหอมหวานหลังจากก่อนหน้านี้หลุดโลกไปเป็นเกมยิงจนเสียความเป็นตัวเองไป เพราะมันคือ Resident Evil แบบที่เราคุ้นเคยแค่เปลี่ยนมุมมองเท่านั้น และหากภาคนี้ประสบความสำเร็จขายดีขึ้นมา ไม่แน่ว่าทาง Capcom อาจนำรูปแบบนี้ไปสานต่อเป็นภาคต่อ หรือภาคเสริมออกมาให้เราเล่นอีก แต่ที่แน่ๆ Resident Evil 7 มันได้เป็นหนึ่งในเกมยอดเยี่ยมประจำปี 2017 ไปแล้ว

ขอบคุณร้านเกม Nadz Project ดิจิตอล เกตเวย์ ชั้น 2

Play video