Huawei nova 4 ถือเป็นสมาร์ตโฟนเครื่องแรกที่ขายจริงในไทยที่ใช้ดีไซน์แบบ Punch Display หรือหน้าจอเจาะช่องเป็นรูสำหรับกล้องแทน แทนที่ดีไซน์จอบากของปีที่แล้วนะครับ ซึ่งหลังจากเราได้ใช้ Huawei nova 4 ในชีวิตประจำวันมาพักหนึ่ง เราจะขอเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับจอรูตัวนี้ให้ฟังกัน

ว่าด้วยเรื่องเทคนิคของ Punch Display กันก่อน

หน้าจอ IPS LCD ของ Huawei nova 4 นั้นมีขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียดเป็น Full HD+ คือ 2310 x 1080 pixel ให้สัดส่วนพื้นที่การแสดงผลต่อพื้นที่ด้านหน้าสูงถึง 86.3% ซึ่งเทคนิคการทำหน้าจอให้ได้พื้นที่แสดงภาพเยอะขนาดนี้คือการออกแบบที่เรียกว่า Blind-hole ที่จะออกแบบกล้องให้อยู่ในแผงวงจรควบคุมของเครื่องแล้วจะใช้กระจกทับลงมาเลย แทนที่จะใช้การเจาะรูที่หน้าจอโทรศัพท์แล้วค่อยใส่กล้องลงไป ซึ่งการออกแบบแบบ Blind-hole จะทำให้ขนาดของรูกล้องเล็กกว่าการออกแบบปกติ โดย nova 4 มีขนาดเลนส์เพียง 3.05 มม. ซึ่งเล็กกว่าหน้าจอแบบรูที่มีในท้องตลาด 20% และการออกแบบแบบนี้ยังลดช่องว่างจากการผลิตที่จะให้อากาศ ฝุ่นฝงเข้าไปในเครื่องด้วย

นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีหลายอย่างในการขยายขอบบนของหน้าจอให้แสดงผลจนสุดเครื่องได้ ตั้งแต่ช่องลำโพงสนทนาขนาดเล็ก 0.85 มิลลิเมตรที่วางตัวบางเฉียบอยู่ด้านบนสุดของ nova 4 พร้อมซ่อนไฟ LED แสดงสถานะในช่องลำโพงตัวนี้ นอกจากนี้ตัวเซนเซอร์วัดแสงสำหรับปรับแสงหน้าจอยังซ่อนอยู่ที่ขอบจอสุดบางนี้ (สังเกตจากตำแหน่งที่ฟิล์มกันรอยหน้าจอเว้าลงไป) และเทคโนโลยีที่แปลกที่สุดคือเซนเซอร์ตรวจจับการแนบหู (proximity sensor) ย้ายไปอยู่ขอบเครื่องด้านบน แล้วใช้การเอียงทำมุมสะท้อนเข้าหาตัวผู้ใช้เวลาเอามาแนบหูแทน ซึ่งความท้าทายในการการออกแบบทั้งหมดนี้คือเพื่อให้ขอบด้านบนของจอมีน้อยที่สุด ให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ภาพเต็มจอมากที่สุดครับ

proximity sensor ที่ซ่อนอยู่ขอบจอด้านบน แต่ก็ยังใช้งานได้ดี

แต่จุดสังเกตของการทำหน้าจอแบบ Full View ในสมาร์ตโฟนแทบทุกรุ่นคือขอบด้านล่างจะยังไม่สามารถขยายไปจนสุดขอบล่างได้ อาจเพราะข้อจำกัดของเทคโนโลยีหน้าจอที่ต้องเหลือพื้นที่ด้านล่างสำหรับการเชื่อมต่อของหน้าจอ หรือข้อจำกัดด้านการออกแบบเสาอากาศ ซึ่งก็หวังว่าในอนาคตจะสามารถทำให้ขอบจอล่างไปจนสุดได้ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป

ว่าด้วยประสบการณ์การใช้ Punch Display

การใช้งานปกติ รูบนหน้าจอจะแสดงอยู่บน Status Bar ทำให้ใช้งานได้เนียน

เอาแหละครับ จบภาคเทคโนโลยีกันไปแล้ว คราวนี้มาเล่าความรู้สึกและประสบการณ์ในการใช้ Huawei nova 4 มือถือ Punch Display รุ่นแรกที่ขายในไทยกันบ้าง

ต้องยอมรับเลยว่า Punch Display ให้ความรู้สึกในการใช้ที่ดีกว่าหน้าจอบากแบบเดิม คือแม้ว่าหลังๆ หน้าจอบากจะพัฒนามาจนเหลือเป็นแค่ทรงหยดน้ำเล็กจิ๋ว แต่มันก็ยังแอบรำคาญสายตาอยู่ดีเพราะมันอยู่ตรงกลางจอครับ ซึ่งหน้าจอเจาะรูนั้นย้ายกล้องไปอยู่ตรงมุมแทน ซึ่งหลายจังหวะในการใช้ก็ไม่ได้สังเกตเลยว่ามีกล้องอยู่ตรงมุมจอ จึงได้ความรู้สึกว่าเป็นหน้าจอเต็มมากกว่า ซึ่งคุณภาพหน้าจอของ Huawei Nova 4 ก็จัดว่าดีเลย เป็นจอ IPS ที่ให้มุมมองภาพกว้าง สีสันสดใส ภาพละเอียดคมชัด ไม่ได้ด้อยไปกว่าจอ IPS ที่ใช้ในสมาร์ตโฟนตัวท็อปเลย

จากการทดลองใช้ แอปส่วนใหญ่นั้นรองรับ Punch Display ได้สวยงามดีครับ ซึ่งเจ้ารูบนหน้าจอนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ใน Status Bar ด้านบนของเครื่อง ระบบก็มีการปรับให้ไอคอนและข้อความต่างๆ ใน Status Bar หลบหลุมบนหน้าจอได้อย่างดี แอปอย่าง facebook หรือ LINE ก็แสดงผลได้สวยงามเต็มตา แต่เมื่อใช้หน้าจอในแนวนอน พื้นที่ที่เป็นกล้องจะถูกถมดำไปทั้งหมด เหมือนเรียกใช้งานในโหมดซ่อนรูบนหน้าจอ

เวลาเล่นเกมบางเกมอย่าง Contra ก็จะเป็นอย่างนี้เช่นกันครับ พื้นที่บริเวณกล้องจะถูกถมดำไปทั้งแถบเพื่อป้องกันไม่ให้ปุ่มต่างๆ ไปแสดงอยู่ตรงนั้น แต่ก็มีเกมอย่าง Asphalt 9, ROV ที่สามารถแสดงผลได้เต็มจอจริงๆ ซึ่งก็ต้องแล้วแต่ผู้พัฒนาจะปรับแอปให้รองรับหน้าจอแบบนี้รึเปล่านะครับ แต่เกมที่แสดงผลเต็มหน้าจอคือดีย์งามมาก

Youtube สามารถแสดงวิดีโอจนเต็มจอได้ สวยงามมาก

ส่วน Netflix จะแสดงแบบถมดำที่ด้านบน

ส่วนการใช้งานกับแอปวิดีโอต่างๆ เท่าที่ทดสอบจะมีแค่ Youtube ที่สามารถขยายภาพไปจนเต็มจอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 1080p ส่วน LINE TV นั้นสามารถขยายได้แบบถมดำที่บาร์ด้านบนที่ความละเอียดสูงสุด 1080p เช่นกัน และ Netflix ก็ขยายแบบถมดำเช่นกัน แต่แสดงความละเอียดสูงสุดที่ 540p (960 x 540 pixel) ครับ

Huawei nova 4 ผู้นำเทรนด์หน้าจอเจาะรู!

สำหรับใครที่สนใจ Huawei nova 4 ก็เปิดตัวมาด้วยราคาแค่ 16,990 บาท ซึ่งเป็นราคาของสมาร์ตโฟนระดับกลาง/บน แถมได้สเปกน่าสนใจคือใช้ชิป Kirin 970 พร้อม RAM 8 GB และหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 128 GB ซึ่งมาพร้อม EMUI 9.0 ที่เป็น Android 9.0 เรียบร้อย กล้องหลัง 3 เลนส์พร้อมเลนส์มุมกว้าง ตัวเครื่องพร้อมขายแบบจำกัดจำนวนในงาน Thailand Mobile Expo 2019 ระหว่างวันที่ 7-10 กุมภาพันธ์นี้ และขายออนไลน์ Huawei Flagship store ผ่าน Lazada ในช่วงเดียวกัน ซึ่งหลังจากช่วงนี้แล้วก็ต้องรอสักพักกว่าจะมีกลับมาขายอีกครั้งทั่วประเทศครับ ใครอยากได้ให้รีบจัดนะ