คืนที่ผ่านมา เชื่อว่าคนไทยหลายคนอาจนอนไม่หลับจากสถานการณ์ตึงเครียดที่ชายแดน ที่แม้ว่าทั้งไทยและกัมพูชาจะตกลงหยุดยิงกันในเวลา 24.00 ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 แล้ว แต่ยังมีข่าวออกมาเรื่อย ๆ ว่ามี “มีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง” คำถามคือ ข้อตกลงหยุดยิงคืออะไร ละเมิดได้ไหม ถ้าละเมิดแล้วจะมีผลอะไรตามมา แล้วกลับมายิงกันได้หรือเปล่า ?

ข้อตกลงหยุดยิงคืออะไร ?

“ข้อตกลงหยุดยิง” หรือที่เรียกอีกอย่างว่า การสงบศึก หรือ การพักรบ (Ceasefire / Truce) คือการที่คู่ขัดแย้งตกลงกันว่าจะยุติการสู้รบ ไม่ว่าจะเป็นชั่วคราวหรือไม่มีกำหนด จุดประสงค์หลักคือเพื่อลดความรุนแรง เปิดพื้นที่ให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม หรือเปิดทางให้เกิดการเจรจาทางการเมือง

การหยุดยิงอาจเกิดขึ้นจากการเจรจาโดยตรง หรือมีบุคคลที่สามเข้ามาไกล่เกลี่ย เช่น องค์การสหประชาชาติ โดยเฉพาะภายใต้มาตรา 7 ของกฎบัตรสหประชาชาติ

ในหลายกรณี ข้อตกลงหยุดยิงมีระยะเวลาชัดเจน เช่น 3 วัน, 7 วัน หรือจนกว่าจะมีข้อตกลงใหม่ บางครั้งก็ไม่กำหนดเวลาสิ้นสุด เปิดทางให้มีการเจรจาต่อเนื่องในระดับการเมืองหรือทางทหาร

แล้ว “หยุดยิง” สามารถละเมิดได้ไหม ?

แม้จะชื่อว่า “ข้อตกลง” แต่ในความเป็นจริง สามารถละเมิดได้ และเกิดขึ้นบ่อยครั้ง การละเมิดอาจเกิดได้หลายรูปแบบ เช่น

  • การลอบโจมตีตอนกลางคืน
  • การย้ายกำลังพลหรือติดอาวุธเพิ่มเติมโดยไม่แจ้งอีกฝ่าย
  • การอ้างว่าอีกฝ่ายละเมิดก่อน จึงต้อง “ตอบโต้กลับ”

สาเหตุของการละเมิดก็มีหลายอย่าง เช่น

  • ความไม่ไว้วางใจกัน : แต่ละฝ่ายเกรงว่าอีกฝ่ายจะฉวยโอกาส
  • ไม่มีองค์กรกลางมาควบคุม : เช่น กองกำลังรักษาสันติภาพ
  • ใช้หยุดยิงเป็นยุทธศาสตร์ : เพื่อรวบรวมกำลังหรือวางแผนใหม่

ทั้งหมดนี้ทำให้การหยุดยิงกลายเป็นแค่ “ช่วงพักระหว่างรบ” มากกว่าจะเป็นการเดินหน้าสู่สันติภาพจริง ๆ

ถ้าละเมิดแล้วจะมีผลอะไรตามมา ?

เมื่อละเมิดข้อตกลงการหยุดยิงแล้ว จะมีผลอะไรตามมา หลัก ๆ เลยคือ จะส่งผลเสียต่อทั้งกระบวนการสันติภาพและชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างแน่นอน ความรุนแรงและความไม่ไว้ใจระหว่างประเทศทวีคูณขึ้น ส่งผลให้การเจรจาหรือข้อตกลงในอนาคตทำได้ยาก และเกิดสงครามที่ยืดเยื้อไม่รู้จบ 

แล้วจะกลับมายิงกันต่อได้ไหม ?

คำตอบคือ ได้ โดยเฉพาะหากข้อตกลงไม่มีระยะเวลาชัดเจน หรือไม่มีระบบตรวจสอบกำกับ

ในกรณีที่ไม่มีการกำหนดวันสิ้นสุด หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมองว่าการสู้รบเป็นทางเลือกที่ยังได้เปรียบ พวกเขาก็อาจกลับมาเปิดฉากโจมตีได้อีกครั้ง

แม้ในอนุสัญญาระหว่างประเทศ เช่น อนุสัญญาเฮก ปี 1899 จะระบุว่า หากไม่มีการกำหนดเวลาในข้อตกลงสงบศึก แต่ละฝ่ายสามารถกลับมารบได้หลังจากแจ้งอีกฝ่ายล่วงหน้า แต่ในโลกความเป็นจริง หลายครั้งไม่ได้เป็นแบบนั้น

แล้วข้อตกลงหยุดยิงจะมีไว้ทำไม

แม้จะละเมิดได้หรือกลับมายิงกันอีกได้ แต่การหยุดยิงยังมีความสำคัญในหลายด้าน เช่น

  • ลดความสูญเสียในระยะสั้น โดยเฉพาะในหมู่พลเรือน
  • เปิดพื้นที่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
  • เป็นจุดเริ่มต้นของการเจรจาทางการเมือง
  • สร้างบรรยากาศที่อาจนำไปสู่การตกลงยุติความขัดแย้งระยะยาว

ข้อตกลงหยุดยิงที่ยั่งยืนมักต้องมีองค์ประกอบเสริม เช่น

  • การถอนกำลังหรือเว้นเขตปลอดทหาร
  • การมีหน่วยกลางตรวจสอบความเคลื่อนไหว
  • การลดแรงจูงใจในการโจมตีของแต่ละฝ่าย

สุดท้ายจะหยุดจริง หรือแค่พัก ?

คำว่า “หยุดยิง” อาจดูเป็นสัญญาณแห่งสันติภาพ แต่ในทางปฏิบัติ มันอาจเป็นเพียง “การหยุดเพื่อเตรียมรบใหม่” ก็ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่า แต่ละฝ่ายมองเป้าหมายของข้อตกลงนี้อย่างไร และพร้อมจะเดินหน้าสู่ความสงบ หรือยังต้องการใช้สนามรบเป็นเครื่องมือกดดันต่อไป