เดี๋ยวนี้ใครจะซื้อหูฟังใหม่ นอกจากคุณภาพเสียงแล้ว คนก็มักมองหาหูฟังที่มาพร้อม ระบบตัดเสียงรบกวน หรือ Noise Cancelling ซึ่งฟังก์ชันนี้ถือเป็นคุณสมบัติยอดฮิตของคนรักเสียงเพลงและคนที่ต้องการสมาธิ ไม่ว่าจะเพื่อฟังเพลง พอดแคสต์ ใช้ประชุมออนไลน์ เพราะฟังก์ชันนี้ช่วยให้คุณได้ยินเสียงที่ต้องการอย่างชัดเจน เพิ่มประสบการณ์การดูหนัง ฟังเพลง ให้ดีขึ้นกว่าเดิมเมื่อเทียบกับหูฟังแบบปกติ
ทำความรู้จักเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน (Noise Cancelling)
ระบบตัดเสียงมี 2 แบบหลัก ๆ ซึ่งให้ผลลัพธ์และการใช้งานต่างกัน
1. Active Noise Cancellation (ANC)
เทคโนโลยีที่สามารถสร้างความเงียบสงบและให้คุณได้อยู่ในโลกของตัวเองอย่างแท้จริง โดยหลักการทำงาน คือหูฟังจะใช้ไมโครโฟนตรวจจับเสียงรบกวน จากนั้นจะสร้างคลื่นเสียงกลับด้านเพื่อ “ตัด” และลบล้างเสียงเหล่านั้นออกไป ด้วยกลไกนี้ ผู้ใช้งานจะได้สัมผัสกับเสียงที่คมชัด ไม่ถูกรบกวนจากเสียงภายนอก อย่างไรก็ตาม หูฟังตัดเสียงรบกวนไม่สามารถตัดเสียงรบกวนได้ทั้งหมด
2. Environmental Noise Cancellation (ENC)
เทคโนโลยีที่ช่วยให้เสียงชัดเจนในทุกสภาพแวดล้อม ในยุคปัจจุบันที่เราใช้หูฟังสำหรับการสื่อสารและเพื่อความบันเทิงในทุก ๆ วัน เทคโนโลยีที่ช่วยให้ประสบการณ์การใช้งานของเราดียิ่งขึ้นคือสิ่งสำคัญ หนึ่งในนั้น คือ “ระบบตัดเสียงแบบ ENC” หรือ ระบบตัดเสียงรบกวนจากสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยลดเสียงรบกวนภายนอก ทำให้การสื่อสารผ่านหูฟังชัดเจนขึ้น ไม่ว่าเราจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสียงดังเพียงใดก็ตาม
โดยทั่วไปแล้ว หูฟังตัดเสียงรบกวนจะมีเทคโนโลยี ANC หรือ ENC หรือทั้งสองอย่างรวมกันในหูฟังตัวเดียว
เพียงแต่ ANC และ ENC จะมีหลักการทำงานที่แตกต่างกันดังที่กล่าวไปข้างต้น โดย ANC จะใช้ไมโครโฟนเพื่อวิเคราะห์และสร้างเสียงที่หักล้างเสียงรบกวนจากภายนอก ในขณะที่ ENC จะใช้ไมโครโฟนเพื่อตัดเสียงรบกวนรอบข้างขณะสนทนา
เคล็ดลับเลือกหูฟัง Noise Cancelling ให้คุ้มและเหมาะกับการใช้งาน
การเลือกหูฟังตัดเสียงรบกวนไม่ใช่แค่รู้ว่ามีระบบ Noise Cancelling เท่านั้น แต่ควรวิเคราะห์จากองค์ประกอบอื่นที่สัมพันธ์กันด้วย เพื่อให้หูฟังที่ได้ตรงกับฟังก์ชันการใช้งานและไลฟ์สไตล์ที่ต้องการมากที่สุด โดยควรคำนึงถึงฟีเจอร์ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญ ดังต่อไปนี้
- การเชื่อมต่อ หูฟัง Noise Cancelling ส่วนใหญ่เป็นแบบไร้สาย เพื่อความคล่องตัว ซึ่งปัจจุบันหูฟัง ANC แบบมีสายเริ่มหาได้ยาก เนื่องจากปรับไปเป็นรูปแบบบลูทูท (Bluetooth) เพื่อรองรับการใช้งานที่สะดวกกว่า
- ไมโครโฟนคุณภาพดี ไมโครโฟนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของระบบ ANC และการสนทนา ไมโครโฟนที่ดีจะสามารถจับเสียงรบกวนภายนอกได้แม่นยำ เพื่อหักล้างเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยให้เสียงพูดของคุณชัดเจนในขณะใช้โทรศัพท์หรือประชุมออนไลน์ โดยเฉพาะในหูฟังรุ่นใหม่ ๆ มักมีไมโครโฟนหลายตัวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดเสียงและรับเสียงพูด นอกจากนี้ จำนวนและตำแหน่งของไมโครโฟนบนหูฟังก็อาจมีผลด้วยเหมือนกัน
- ANC แบบปรับระดับได้ (Adaptive ANC) หูฟังรุ่นใหม่และรุ่นพรีเมียม มักมาพร้อมกับฟังก์ชันนี้ที่สามารถปรับระดับการตัดเสียงรบกวนให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมโดยอัตโนมัติ เช่น หากคุณอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดังมาก ANC จะทำงานเต็มประสิทธิภาพ แต่หากอยู่ในที่เงียบ ANC ก็จะลดระดับลงเพื่อไม่ให้รู้สึกอึดอัดหู
- รูปแบบและดีไซน์หูฟัง หูฟังแบบ Over-ear หรือแบบครอบหูมักตัดเสียงได้ดีกว่าหูฟังแบบ In-ear แต่แบบ In-ear ก็เบาและพกง่ายกว่า นอกจากนี้ หูฟังตัดเสียงรบกวนที่ดีบางรุ่นยังมี Passive Noise Cancellation คือการป้องกันเสียงรบกวนโดยอาศัยการออกแบบหูฟัง อย่างหูฟังแบบ Over-ear มี Earcup ที่หนานุ่มและปิดครอบหูได้สนิท หรือการที่หูฟัง In-ear มีจุกหูฟัง (Eartips) ที่พอดีกับช่องหู ซึ่งจะช่วยบล็อกเสียงจากภายนอกได้ดีขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพของ ANC ได้
- โหมด Transparency/Ambient Sound เป็นฟีเจอร์ที่สำคัญและพบได้บ่อยในหูฟัง ANC โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหูฟังแบบ In-ear ที่ช่วยให้คุณได้ยินเสียงรอบข้างได้ชัดเจนโดยไม่ต้องถอดหูฟังออก เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การคุยกับคนรอบข้าง, การข้ามถนน หรือการฟังประกาศในรถไฟฟ้า
- Bluetooth Multipoint ฟีเจอร์นี้ช่วยให้หูฟังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลายเครื่องพร้อมกัน (เช่น คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ) และสลับการใช้งานได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องเชื่อมต่อใหม่ทุกครั้ง
- รองรับ Codec คุณภาพสูง Codec คือเทคโนโลยีการบีบอัดและส่งข้อมูลเสียงแบบไร้สาย Codec ที่ดีจะช่วยให้คุณภาพเสียงใกล้เคียงกับต้นฉบับมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณฟังเพลงแบบ Hi-Res Audio
- LDAC เป็น Codec ที่พัฒนาโดย Sony รองรับการส่งข้อมูลเสียงคุณภาพสูงระดับ Hi-Res Audio Wireless
- aptX HD เป็น Codec จาก Qualcomm ที่รองรับคุณภาพเสียงระดับสูงเช่นกัน
- ความทนทานของแบตเตอรี่ หูฟังแบบ Over-ear มักมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานกว่า In-ear โดยทั่วไปแล้ว หูฟัง Over-ear อาจเปิดใช้งาน ANC ได้ประมาณ 30 ชั่วโมงหรือมากกว่า ส่วนหูฟัง In-ear อาจใช้งานได้ประมาณ 20 ชั่วโมง (รวมชั่วโมงการชาร์จจากเคสชาร์จ)
ตัวอย่างรุ่นแนะนำที่ตัดเสียงรบกวนได้ดี
1. Bose QuietComfort Ultra Earbuds (Gen 2) ANC แรงสุดในกลุ่ม True Wireless เสียงดี เบสหนัก ฟีเจอร์ครบ เหมาะกับคนอยากตัดเสียงขั้นเทพ
2. Sony WH-1000XM6 ANC ปรับอัตโนมัติ ฟีเจอร์เยอะ เสียงดี แบตฯ 30 ชม. เหมาะกับนักเดินทางและคนใช้ฟีเจอร์เต็ม
3. B&W Px7 S3 ดีไซน์พรีเมียม เสียงหรู ANC ดี แบตฯ 30 ชม. เหมาะกับคนเน้นภาพลักษณ์และเสียงคุณภาพ
4. LG Xboom ANC Buds ดีไซน์มีสไตล์ ราคาจับต้องได้ เสียงจูนโดย will.i.am เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่อยากได้ครบในงบไม่แรง
5. Beyerdynamic Aventho 300 เสียงละเอียด แบตฯ อึด 50 ชม. มี Dolby Atmos เหมาะกับคนเน้นเสียงและใช้นาน
6. Dali IO-8 เสียง Hi-Fi แบตฯ ยาว ใช้งานง่าย เหมาะกับคนอยากได้คุณภาพเสียงสูงโดยไม่ต้องยุ่งกับแอปฯ
7. Apple AirPods Max ANC ดี ใช้งาน Seamless กับ Apple เหมาะกับสาวก Apple
8. Technics EAH-AZ100 เสียงละเอียด รองรับ Dolby Atmos และเชื่อมต่อได้หลายเครื่อง เหมาะกับคนรักเทคโนโลยีเสียงล้ำ
หูฟัง Noise Cancelling ช่วยตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ทำให้ฟังเพลงหรือดูหนังได้ชัดเจนโดยไม่ต้องเร่งเสียงจนเป็นอันตรายต่อหู
ควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น ปรับระดับ ANC ได้, มีโหมด Transparency, รองรับ Bluetooth Multipoint และแบตเตอรี่ใช้งานได้นาน เมื่อใช้ถูกวิธีจะช่วยถนอมการได้ยิน และทำให้เพลิดเพลินกับเสียงได้ทุกที่ทุกเวลา