วลี “The 1%” ถูกใช้เรียกกลุ่มคนที่รวยที่สุดในสหรัฐฯ มาอย่างยาวนาน แต่ความหมายที่แท้จริงคืออะไร? ข้อมูลล่าสุดจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เปิดเผยว่า ครัวเรือนที่จะเข้าข่ายกลุ่มคนรวยที่สุดนี้ จะต้องมีทรัพย์สินสุทธิ (Net Worth) ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของคนอเมริกันทั่วไปถึง 67 เท่าตัว

ข้อมูลล่าสุด ณ ไตรมาสแรกของปี 2025 จาก Federal Reserve Bank of St. Louis ระบุว่า ในสหรัฐฯ มีครัวเรือนประมาณ 132.6 ล้านครัวเรือน ดังนั้น กลุ่ม The 1% จึงหมายถึงประมาณ 1.3 ล้านครัวเรือน ที่รวยที่สุด โดยกลุ่มคนเหล่านี้ถือครองความมั่งคั่งรวมกันสูงถึง 30.8% ของความมั่งคั่งทั้งหมดในประเทศ หรือคิดเป็นมูลค่า 49.4 ล้านล้านเหรียญ

ตัวเลขชี้วัดความรวย ทรัพย์สินสุทธิเท่าไหร่ถึงเข้ากลุ่ม 1%?

เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ครัวเรือนที่อยู่ในกลุ่ม The 1% จะมีทรัพย์สินสุทธิเฉลี่ยสูงถึงประมาณ 38 ล้านเหรียญเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์มักจะใช้ค่ามัธยฐาน (Median) เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากกลุ่มอภิมหาเศรษฐีที่ทำให้ตัวเลขสูงเกินจริง ซึ่งค่ามัธยฐานของทรัพย์สินสุทธิสำหรับครัวเรือนในกลุ่ม 1% อยู่ที่ประมาณ 13 ล้านเหรียญ

นอกจากตัวเลขที่น่าตกใจแล้ว ยังมีคุณลักษณะบางอย่างที่กลุ่ม The 1% มีร่วมกัน เช่น พวกเขาส่วนใหญ่ถือครองหุ้นในตลาดหลักทรัพย์มากกว่าคนทั่วไป โดยกลุ่ม 1% นี้ถือครองหุ้นสามัญและกองทุนรวมของบริษัทต่างๆ ในสหรัฐฯ คิดเป็นครึ่งหนึ่งของทั้งหมด

นอกจากนี้ หลายครัวเรือนในกลุ่มนี้ยังได้รับมรดก และ/หรือเป็นเจ้าของธุรกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ความมั่งคั่งของพวกเขางอกเงยอย่างรวดเร็ว

เมื่อเทียบกับครัวเรือนทั่วไปในสหรัฐฯ ตัวเลขทรัพย์สินสุทธิยิ่งแสดงให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำอย่างชัดเจน จากการสำรวจล่าสุดของ Federal Reserve พบว่า ครัวเรือนอเมริกันโดยเฉลี่ย (ค่ามัธยฐาน) มีทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ประมาณ 192,900 เหรียญ นั่นหมายความว่า ทรัพย์สินสุทธิของกลุ่ม The 1% นั้นสูงกว่าทรัพย์สินสุทธิของครัวเรือนอเมริกันทั่วไปถึงประมาณ 67 เท่า

หากคุณอยากทราบว่าทรัพย์สินสุทธิของตัวเองอยู่ที่เท่าไหร่ สามารถคำนวณง่ายๆ ได้ด้วยการนำ “ทรัพย์สินทั้งหมด” (เช่น เงินฝากในธนาคาร, หุ้น, พันธบัตร, บัญชีเกษียณ, มูลค่าบ้านที่ผ่อนหมดแล้ว) ลบออกด้วย “หนี้สินทั้งหมด” (เช่น หนี้บัตรเครดิต, เงินกู้รถยนต์, เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา, หนี้จำนองบ้าน) ซึ่งผลต่างที่ได้คือ ทรัพย์สินสุทธิ ของคุณ