ความเสี่ยงทางการเงินไม่ได้จำกัดอยู่แค่การโจรกรรมเงินในตู้เซฟอีกต่อไป แต่มาในรูปแบบของ “บัญชีม้า” ที่สร้างความเสียหายมูลค่ามหาศาล และ “กระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์” ที่สามารถสั่นคลอนความเชื่อมั่นขององค์กรได้ในพริบตา

นี่คือจุดที่ SCBX ในฐานะกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงินที่ประกาศวิสัยทัศน์ “AI-First Organization” ก้าวเข้ามาพร้อมคำตอบ โดยตั้งเป้าว่า 75% ของรายได้ในปี 2027 จะต้องมาจากธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI และรวมไปถึงกระบวนการทำงานจะถูกเปลี่ยนเป็นระบบอัตโนมัติ หรือใช้ AI ในกระบวนการทำงาน 75% เช่นกัน

การเดินตามวิสัยทัศน์นี้ได้นำไปสู่การพัฒนาระบบ AI อัจฉริยะที่เข้ามาจัดการกับความเสี่ยงอันซับซ้อน ได้แก่ PITAG (Predictive Intelligence for Tactical Anti-fraud Guardian) ระบบตรวจจับการทุจริตอัตโนมัติแบบครบวงจร และ SCBX ARIS (Advanced Reputation Intelligence System) สำหรับการเฝ้าระวังและบริหารจัดการความเสี่ยงด้านชื่อเสียงขององค์กร

“PITAG” (พิทักษ์) หน่วยพิทักษ์ภัยทุจริตแบบครบวงจร

ปัญหา “บัญชีม้า” ได้สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจไทยไปแล้วกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี (ข้อมูลในปี 2024) จากความท้าทายคือการตรวจจับภัยร้ายเหล่านี้แบบ Near Real-time และเข้าถึงเหยื่อก่อนที่เงินจะสูญหาย

“พิทักษ์” (PITAG: Predictive Intelligence for Tactical Anti-fraud Guardian) คือคำตอบที่ SCB ธนาคารภายใต้กลุ่ม SCBX กำลังจะพัฒนาขึ้น โดยเป็นระบบตรวจจับและจัดการภัยทุจริตทางการเงินที่ประกอบไปด้วย 4 AI Agent หลัก ทำงานประสานกันอย่างครบวงจร

  1. Data Collector Agent (หน่วยข่าวกรอง) ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลทุกรูปแบบ ทั้งข้อมูลธุรกรรมภายในธนาคาร ข้อมูลข่าวสาร และประกาศจับบัญชีม้าจากทางการ
  2. Investigator Agent (หน่วยสืบสวน)
  • ตรวจสอบ ธุรกรรมแบบ Real-time บน SCB
  • ใช้ AI ที่เรียนรู้จากพฤติกรรมของบัญชีม้าที่เคยจับได้ในอดีตมาจำแนกพฤติกรรมที่ผิดปกติ ที่ไม่ใช่แค่บอกว่าผิดปกติ แต่ยัง “แนบเหตุผล” ประกอบการตัดสินใจว่าเพราะเหตุใดธุรกรรมนี้จึงมีความเสี่ยง เช่น พื้นที่เกิดธุรกรรมอยู่ในพื้นที่เสี่ยง หรือมีการทำธุรกรรมที่น่าสงสัย
  1. Executor Agent (หน่วยปฏิบัติการ) คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุด ทำหน้าที่ปฏิบัติการอัตโนมัติตามนโยบาย เช่น
  • AI Agent Call โทรหาเหยื่อที่มีความเสี่ยงสูงโดยอัตโนมัติด้วยเสียง AI เพื่อให้เหยื่อยืนยันความตั้งใจในการทำธุรกรรม
  • การอายัดยอดเงินปลายทาง หากเหยื่อยืนยันว่า “ไม่ได้ทำ” หรือ “ถูกหลอกให้โอนเพื่อตรวจสอบ” ระบบจะดำเนินการอายัดยอดเงินที่บัญชีปลายทางชั่วคราวในทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เงินไหลไปยังบัญชีม้าทอดถัดไป
  1. Governance Agent (หน่วยบริหาร) ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของ Agent ทั้งหมดให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบธนาคาร

ปัจจุบันในกระบวนการทดสอบระบบ “พิทักษ์” มีความแม่นยำในการตรวจจับบัญชีม้าอยู่ที่ 80% โดยมีเป้าหมายในระยะยาวคือการขยายผล มุ่งลดภาระงานตรวจสอบของเจ้าหน้าที่อย่างมีนัยสำคัญ พร้อมเป้าหมายสูงสุดในการจัดการเคสบัญชีม้า

Scaling AI จาก Transaction สู่ Loan Fraud 

ความสามารถของ “พิทักษ์” ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การป้องกันบัญชีม้า แต่ยังสามารถขยายขอบเขตไปจัดการกับภัยทุจริตประเภทอื่น ๆ ได้ เช่น Loan Fraud (การทุจริตสินเชื่อ)

ในการจัดการ Loan Fraud นั้น AI Agent ของ “พิทักษ์” จะเข้ามาทำหน้าที่ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น

  • Data Collector + OCR : ใช้ระบบ OCR (Optical Character Recognition) และ AI ในการอ่านเอกสารสำคัญ เช่น รายการเดินบัญชี ใบแจ้งยอดธนาคาร เพื่อตรวจหา Font ที่ผิดปกติ หรือการเดินบัญชีที่ส่อไปในทางการตกแต่งบัญชี
  • Investigator Agent: เพื่อค้นหาความเชื่อมโยงของลูกค้ากับเคส Fraud ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต รวมถึงการยืนยันตัวตนของร้านค้า ด้วยการถ่ายวิดีโอ เพื่อยืนยันว่าร้านมีอยู่จริง

หากทำสำเร็จ ระบบนี้จะเป็นต้นแบบของ Agentic AI เพื่อสร้างระบบการเงินที่ปลอดภัยและยั่งยืน ปกป้องและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยในยุคดิจิทัล

SCBX ARIS ปิดจุดบอดความเสี่ยงชื่อเสียงออนไลน์

ความเสี่ยงด้านชื่อเสียงออนไลน์ (Online Reputation Risk) คือเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทางออนไลน์และมีศักยภาพที่จะสร้างความเสียหายสำคัญต่อชื่อเสียงของบริษัทได้อย่างมหาศาล 

ก่อนหน้านี้ ระบบการจัดการชื่อเสียงของ SCBX นั้นต้องอาศัยเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าระวังผ่านแพลตฟอร์มแบบเรียลไทม์ ทำให้บางครั้งอาจเกิดความล่าช้าในการแจ้งเตือน

ในโลกดิจิทัลที่ดราม่าเกิดได้ใน 1 วินาที กระบวนการทำงานเดิมที่ต้องใช้แรงงานมนุษย์ในการเฝ้าระวัง และทำงานได้แค่ในบางช่วง เวลาทำงานจึงไม่เพียงพอ เพราะการแจ้งเตือนที่ช้าไปเพียง 2 ชั่วโมง หมายถึงการแพร่กระจายตัวของการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์ที่หยุดไม่ได้แล้ว

SCBX ARIS (Advanced Reputation Intelligence System) จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้ โดยมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยน Information ให้เป็น Action ผ่านกระบวนการทำงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI 

ระบบ ARIS ทำงานผ่าน 4 ขั้นตอนหลัก ดังนี้

  1. Data Pruning (การกรองข้อมูล) รวบรวมข้อมูลจากโซเชียลมีเดียและกรองเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป เพื่อให้เหลือเฉพาะข้อมูลที่สำคัญสำหรับการวิเคราะห์ 
  2. Sentiment Analysis & Insights (การวิเคราะห์ความรู้สึกและข้อมูลเชิงลึก) วิเคราะห์หัวข้อและความรู้สึก (Sentiment) ของข้อความ เพื่อให้ทราบว่าสาธารณชนมีความคิดเห็นอย่างไร เช่น แบ่งเป็นเชิงลบ, เป็นกลาง, เชิงบวก ตามหัวข้อต่าง ๆ 
  3. Incident Detection (การตรวจจับเหตุการณ์) รวมข้อมูลและตั้งค่าเหตุการณ์ที่สำคัญ โดยประเมินว่าหัวข้อใดเป็นเหตุการณ์วิกฤตและประเมินระดับความรุนแรง เพื่อส่งการแจ้งเตือนตามความจำเป็น กฎในการประเมินจะพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปริมาณของข้อความเชิงลบที่ถึงเกณฑ์, อัตราการเติบโตของข้อความเชิงลบ และขนาดของหัวข้อ
  4. Real-Time Dashboard (แดชบอร์ดเรียลไทม์) ระบุสัญญาณและตรวจจับแนวโน้มในขณะที่กำลังเกิดขึ้น และแสดงภาพรวมการวิเคราะห์ข้อมูลความรู้สึกจากช่องทางต่าง ๆ 

ด้วยวิสัยทัศน์ AI-First Organization ทำให้ SCBX ก้าวข้ามการมอง AI เป็นเพียงเทคโนโลยีเสริม แต่ยกระดับให้เป็นแกนหลักของการขับเคลื่อนองค์กรและความรับผิดชอบต่อสังคม การนำ AI มาใช้ในระบบ PITAG และ ARIS ไม่ได้เป็นแค่กลยุทธ์ทางธุรกิจเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นให้กับประเทศชาติ สอดคล้องกับความเชื่อที่ว่า “หนึ่งคนที่ได้รับการปกป้อง คือหนึ่งก้าวที่ประเทศไทยจะไปสู่จุดที่ดีกว่า”