DJI เปิดตัวไม้กันสั่นกิมบอลรุ่นใหม่ ‘DJI RS 4 และ RS 4 Pro’ ที่แม้จะรองรับน้ำหนักได้เท่ากับรุ่นก่อน แต่ก็ได้มีการตีบวกทั้งด้านคุณภาพ มอเตอร์ที่ทรงพลังกว่าเดิม รวมไปถึงรองรับการถ่ายวิดีโอแนวตั้งแบบ Native ที่หลายคนรอคอย และครั้งนี้ทีมงาน BT ก็ได้รับเชิญจากทาง Big Camera และ Piccasus ให้ไปลองจับลองทดสอบเจ้ากิมบอล 2 รุ่น นี้ครับ

DJI

สำหรับ RS 4 และ RS 4 Pro รองรับน้ำหนักอุปกรณ์สูงสุดที่ 3 กิโลกรัม และ 4.5 กิโลกรัม ตามลำดับ แม้จะไม่ได้เพิ่มขึ้นจากรุ่นที่แล้ว บ แต่แค่นี้ก็รองรับทั้งกล้อง DSLR และมิเรอร์เลสพร้อมเลนส์ในตลาดได้อย่างสบายแล้วครับ รวมถึงประสิทธิภาพหลาย ๆ อย่างถูกอัปเกรดขึ้น เช่นมอเตอร์ที่ประสิทธิภาพดีกว่าเดิมมีแรงบิดสูงขึ้นถึง 20% ในทุกแกนของรุ่น RS 4 Pro ทำให้ประสิทธิภาพของระบบกันสั่นดีขึ้นไปด้วย ซึ่งในบางครั้งงานรีบ ๆ ที่ต้องสลับจากการถ่ายแนวแนวปกติเป็นการถ่ายแนวตั้ง ก็สามารถทำได้ไวโดยไม่ต้องมานั่งจูนบาลานซ์มากนักให้เสียเวลา (แต่ถ้าในกรณีที่ต้องถ่ายยาว ๆ แนะนำบาลานซ์ก่อนจะดีกว่าครับ)

และการที่รองรับการถ่ายแนวตั้งแบบ Native ได้แล้ว คือเราไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมใด ๆ มาติดให้ยุ่งยาก ใช้ Plate ที่ให้มาได้เลย เหมาะกับวิดีโอยุคใหม่ที่คอนเทนต์เน้นไปในสัดส่วนแนวตั้งของหน้าจอสมาร์ตโฟนมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีการเพิ่มความยาวของแกน Tilt ขึ้น 8.5mm ทำให้ติดอุปกรณ์เสริมที่หน้าเลนส์ได้มากขึ้นด้วย เช่น ND Filter

DJI

ส่วนรูปลักษณ์ยังคงคล้ายกับรุ่นก่อนครับ ทั้งจอ OLED ระบบสัมผัส, Joy Stick ร่วมถึงมีระบบ Auto-lock ล็อกแกนเผื่อในจังหวะที่ไม่ตั้งใจขยับ กับแบตเตอรี่ BG21ใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 12 ชั่วโมง และเพิ่มสูงสุดถึง 29.5 ชั่วโมง เมื่อใช้อุปกรณ์เสริม BG70 High-Capacity Battery Grip

DJI

ทั้ง 2 รุ่น ยังรองรับการควบคุมไร้สายด้วยระบบ Bluetooth กับอุปกรณ์ DJI Focus Pro Motor ไว้ควบคุมการปรับโฟกัส, ซูม ที่เคลมว่ามีความเร็วสูงขึ้น 30% ทำงานได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น

ยิ่งในรุ่น RS 4 Pro จะพิเศษกว่าคือมีโหมดใหม่เพิ่มเข้ามาครับ นั้นก็คือ ‘โหมด Car mount’ ที่มีการปรับ Algorithm ระบบกันสั่นให้เหมาะกับการใช้งานบนยานพาหนะ และแรงลม ทำให้การถ่ายบนรถมีความสเถียรมากยิ่งขึ้นด้วย

DJI
DJI RS 4 Pro ติด LiDAR

ยิ่งถ้าใครทำงานคนเดียวเป็นหลัก เจ้า RS 4 Pro ยิ่งตอบโจทย์ครับ เพราะรองรับอุปกรณ์เสริมหลายอย่างทั้ง Focus Pro LiDAR และ Focus Pro Motor เปลี่ยนเลนส์ Cine มือหมุนให้สามารถใช้งาน AF ได้ไกลถึง 20 เมตร กันแล้ว กับ Ranging Point ที่เพิ่มขึ้นถึง 77% รวมทั้งหมด 76,800 จุด ซึ่งจากที่ได้ลองร่วมกับระบบ ActiveTrack Pro ก็ถือว่าทำงานโฟกัสติดตามวัตถุได้อย่างแม่นยำ และค่อนข้างนิ่มนวลทีเดียว!

ด้านวัสดุ RS 4 จะทำจากอะลูมิเนียม ส่วน RS 4 Pro เป็น Carbon fiber ซึ่งก็จะมีการเคลือบ Teflon coating ทำให้การปรับแกนต่าง ๆ ทำได้ง่ายมากขึ้นด้วย

สุดท้ายต้องขอบคุณทาง Big Camera และ Piccasus ที่เชิญเราให้ไปร่วมงานในครั้งนี้ครับ 🙏

ราคา

  • DJI RS4 16,000 บาท
  • DJI RS4 Combo 21,000 บาท
  • DJI RS4 Pro 29,000 บาท
  • DJI RS4 Pro Combo 37,000 บาท