เซอร์เกย์ มีเคย์โลวิช บริน (Sergey Mikhaylovich Brin) หรือเซอร์เกย์ บริน ที่หลายคนน่าจะรู้จักเขาดีในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง Google เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายรัสเชีย เกิดที่รัสเซียในปี 1973 โดยคุณพ่อของเขามีความฝันที่อยากจะเป็นนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ (Astrophysicist) แต่ด้วยความที่เป็นชาวยิวในสหภาพโซเวียตที่ต่อต้านชาวยิว ทำให้เขาไม่สามารถทำตามความทะเยอทะยานของตัวเองได้ ลงเอยด้วยการเป็นนักเศรษฐศาสตร์ให้กับหน่วยงานของรัฐบาลในภายหลัง

เมื่อตอนที่บรินอายุได้ 6 ขวบ ครอบครัวของเขาได้อพยพออกจากสหภาพโซเวียต มาอยู่ที่รัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกา ด้วยปัญหาและประสบการณ์ที่บรินได้เห็นครอบครัวประสบมาทำให้เขาเห็นคุณค่าของระบอบประชาธิปไตยและเสรีภาพเป็นอย่างมาก (ตอนอายุ 17 เขาได้มีโอกาสกลับไปที่รัสเซียในการทัศนศึกษาของโรงเรียน โดยพ่อเขาก็ไปด้วย เขาบอกพ่อตอนนั้นว่า ‘ขอบคุณมากครับที่พาพวกเราออกไปจากรัสเซีย’)

บรินเข้าศึกษาต่อระดับประถมและมัธยมในระบบมอนเตสซอรีที่เน้นย้ำเรื่องอิสรภาพและส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ (ซึ่งต่อมาภายหลังบรินก็มาทราบว่า แลร์รี เพจ (Larry Page) ผู้ร่วมก่อตั้ง Google อีกคนหนึ่งก็จบมาจากโรงเรียนมอนเตสซอรีเช่นกัน) จากนั้นเข้าเรียนต่อสาขาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยแมริแลนด์ (University of Maryland) และไปต่อปริญญาเอกสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่สแตนฟอร์ดในภายหลัง นอกจากความสนใจเรื่องทางคณิตศาสตร์และคอมพิวเตอร์แล้ว เขายังสนใจเล่นกีฬาที่หลากหลายอย่างสเก็ต สกี ยิมนาสติก และโหนบาร์

Larry Page และ Sergey Brin (ภาพจาก Wired)

ก่อนบรินจะเริ่มสร้าง Google เขาพยายามสร้างอัลกอริทึมที่ช่วยแนะนำภาพยนตร์ตามความชอบส่วนตัวของผู้ใช้งาน (คล้ายกับที่ Netflix ทำอยู่ตอนนี้) และสร้างระบบอัตโนมัติในการค้นหาการละเมิดลิขสิทธิ์ออนไลน์ แต่ทั้งสองอย่างก็ไม่ได้คืบหน้าไปไกลมากนัก จนกระทั่งพบกับเพจในปี 1995 ตอนแรกทั้งสองไม่ชอบขี้หน้ากันสักเท่าไหร่ (ภายหลังพวกเขาให้สัมภาษณ์บอกว่าตอนแรกที่เจอกันรู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้น ‘ไม่น่าคบหา’) แต่ก็เรียนห้องเดียวกันและมาสนิทกันเพราะความหลงใหลในเรื่องคอมพิวเตอร์

ไอเดียระบบค้นหา Search Engine เริ่มต้นในปี 1996 โดยใช้ชื่อโปรเจกต์ในตอนนั้นว่า ’BackRub’ และจดทะเบียนโดเมน Google.com ในเดือนกันยายน 1997 โดยมีเป้าหมายคือการจัดเรียงข้อมูลของโลก ทั้งคู่ตัดสินใจลาออกจากสแตนฟอร์ดในปีถัดมาแล้วทำงานตรงนี้อย่างเต็มที่ จนกลายเป็น Google ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้

นอกจากตัวระบบอัลกอริทึมค้นหาของ Google แล้ว บรินยังมีส่วนทำให้หลายโปรเจกต์เกิดขึ้นในบริษัทด้วย อย่างเช่น Google Doodle ที่ถือกำเนิดในปี 1998 เป็นการเปลี่ยนโลโก้ของ Google ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกหรือวันสำคัญต่าง ๆ จนเมื่อบริษัทเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ บรินก็กลายเป็นผู้นำของแผนก X ที่มักเอาโปรเจกต์แบบสุดโต่ง (Moonshot) มาลองทำ อย่างเช่น Google Plus, รถยนต์ไร้คนขับ, สมาร์ตคอนแทคเลนส์ และ สมาร์ตกลาส หลายโปรเจกต์จะล้มเหลวไปแล้ว สิ่งที่สำคัญสำหรับบรินคือการได้ใช้ความรู้และความสามารถเพื่อทำให้โลกนี้ดีขึ้น (สื่ออย่าง Economists เคยเรียกเขาว่า ‘ชายผู้รู้แจ้ง’ – Enlightenment Man ด้วย) ภายหลังเขาก็ออกมายอมรับว่าหลาย ๆ โปรเจกต์ก็อาจจะไม่เหมาะกับเขาด้วย อย่าง Google Plus ที่เป็นโซเชียลมีเดีย เขาก็บอกว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเข้าสังคมอยู่แล้ว มันเลยแปลกสักหน่อยที่เขาจะมีส่วนร่วม เคยให้สัมภาษณ์กับ Business Insider ว่า

“มันแน่นอนอยู่แล้วแหละว่าทุกคนอยากประสบความสำเร็จ แต่ผมอยากจะถูกมองว่าเป็นคนที่สร้างนวัตกรรม น่าเชื่อถือ และมีจริยธรรม สุดท้ายอยากจะสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ให้กับโลกใบนี้”

แม้ว่า Google จะเติบโตเป็นบริษัทขนาดใหญ่มากแค่ไหน บรินก็ยังทำตัวเหมือนวันแรก ๆ ของการก่อตั้งบริษัท ส่วนใหญ่ก็จะใส่ชุดที่พร้อมไปออกกำลังกายมาทำงาน ใส่รองเท้ายี่ห้อไวแบรมที่เหมือนเดินเท้าเปล่า สวมโรลเลอร์เบลดเดินไปตามออฟฟิศต่าง ๆ ระหว่างการประชุมบางทีมีลุกมาทำท่าโยคะ บางครั้งนึกสนุกก็ตีลังกาเดินด้วยมือบนสนามหญ้าก็มี ดักลาส เอ็ดเวิร์ดส์ (Douglas Edwards) หนึ่งในอดีตพนักงานของ Google บอกว่าบรินเป็นหนึ่งในคนที่มีนิสัยแปลก ๆ ติดตลกอยู่เสมอ

“เขาเคยแต่งตัวเป็นวัวไปสัมภาษณ์พนักงานครั้งหนึ่งด้วยนะ”

ในปี 2007 บรินแต่งงานกับ แอนน์ วอยซิกกี (Anne Wojcicki) ซีอีโอของบริษัทเทคโนโลยีพันธุกรรม DNA อย่าง 23andMe (ซึ่งเป็นน้องสาวของ ซูซาน วอยซิกกี (Susan Wojcicki) อดีตพนักงาน Google และเป็นซีอีโอของ YouTube ตอนนี้) โดยงานแต่งถูกจัดขึ้นที่หมู่เกาะบาฮามาส คนที่เข้ามาร่วมงานจะได้บัตรเชิญไปยังโลเกชันลับบนชายหาดแห่งหนึ่ง เดรสโคดคือชุดว่ายน้ำ รวมถึงคู่บ่าวสาวด้วย

ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 2 คนใช้นามสกุลว่า ‘Wojin’ ที่มาจากการผสมนามสกุลของ วอยซิกกี (Wojcicki) และ บริน (Brin) เข้าด้วยกัน แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เริ่มระหองระแหงในปี 2013 จนตัดสินใจแยกกันอยู่และสุดท้ายก็จดทะเบียนหย่าในปี 2015 เพียงแค่ 8 ปีหลังจากแต่งงานเท่านั้น มีข่าวออกมาภายหลังว่าในช่วงที่แยกกันอยู่ในปี 2013 บรินมีความสัมพันธ์กับพนักงานสาวชื่อ อแมนดา โรเซนเบิร์ก (Amanda Rosenberg) ที่ทำงานอยู่แผนก Google Glass ซึ่งตอนนั้นเธอก็มีความสัมพันธ์กับพนักงานระดับสูงของ Google อีกคนหนึ่งอยู่แล้วด้วย (เป็นดราม่าดังอยู่พักหนึ่งเลย)

ในหนังสือ ‘Valley of Genius’ ได้เขียนบรรยายบรินเอาไว้ว่าเป็น ‘Google Playboy’ ในช่วงแรก ๆ ที่เขาทำงานที่บริษัท ในหนังสือเขียนเอาไว้ว่า “คนรู้จักเขาว่ามักจะหาเศษหาเลยกับพนักงานที่ทำงานในห้องนวดของบริษัทบ้าง […] เขาก็ไปทั่วแหละ”

มาในปี 2015 ตำแหน่งของบรินก็ถูกยกระดับให้สูงขึ้น กลายเป็นประธานบริษัท Alphabet ที่เป็นบริษัทแม่ของ Google และเครือบริษัทต่าง ๆ ส่วนเพจก็ขึ้นเป็นซีอีโอของ Alphabet แทน มูลค่าทางทรัพย์สินตอนนี้หลายพันล้าน ทั้งคู่ซื้อเครื่องบินขนาด 50 ที่นั่งด้วยกันในปี 2005 และบรินก็ซื้อเรือยอชต์ขนาดใหญ่ในปี 2011 ด้วยเงิน 80 ล้านเหรียญ (ประมาณ 2,900 ล้านบาท) ตั้งชื่อว่า ‘Dragonfly’ นอกจากนั้นยังเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่นิวยอร์กและแคลิฟอร์เนียจำนวนหนึ่งด้วย

Sergey Brin และ Nicole Shanahan (ภาพจาก Page Six)

เขาตัดสินใจแต่งงานใหม่อีกครั้งในปี 2018 กับ นิโคล ชานาฮาน (Nicole Shanahan) ผู้ประกอบการชาวอเมริกันและทนายความมืออาชีพด้านสิทธิบัตร เป็นผู้ก่อตั้งและซีอีโอของแพลตฟอร์มการจัดการสิทธิบัตรชื่อ ‘ClearAccessIP’ และในปีนั้นทั้งคู่ก็มีลูกสาวด้วยกัน

ข่าวใหญ่ของ Google เกิดขึ้นในปี 2019 เมื่อบรินและเพจประกาศพร้อมกันว่าจะลงจากตำแหน่งของพวกเขาจากบริษัท Alphabet โดยบอกว่า

“เราไม่ใช่พวกที่จะยึดถือตำแหน่งเอาไว้ถ้าคิดว่ามีวิธีที่ดำเนินธุรกิจได้ดีกว่านี้”

แต่ทั้งคู่ก็ยังคงอยู่ในบอร์ดบริหารของบริษัทจนถึงตอนนี้

ในรายงานของ The Wall Street Journal บอกว่าหลังจากบรินลงจากตำแหน่งก็ยังคงแอ็กทีฟอยู่เสมอ ออกกำลังกายเป็นประจำ ทำงานในองค์กรการกุศลของตัวเองเกี่ยวกับการศึกษาโรคพากินสันและลงทุนในสตาร์ตอัปต่าง ๆ ด้วย

ข่าวล่าสุดของบรินที่ทำให้สื่อกลับมาสนใจเขาคือเรื่องของการหย่าร้างกับชานาฮานเมื่อต้นปี 2022 ที่ผ่านมา หลังจากที่แยกกันอยู่ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว ให้เหตุผลว่า ‘เป็นความแตกต่างที่ไม่สามารถหาจุดลงตัวได้’ แต่ในภายหลังมีรายงานหลุดออกมาจาก The Wall Street Journal ว่าสาเหตุในการหย่าร้างครั้งนี้เกิดจากมือที่สามที่ชื่อ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซีอีโอของบริษัทเทสลาที่โด่งดังต่างหาก

ในข่าวบอกว่าบรินได้ยื่นหย่าหลังจากที่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของชานาฮานกับมัสก์ แต่ภายหลังข่าวนี้ออกไป มัสก์ก็ออกมาโต้ว่าไม่เป็นเรื่องจริงเลย เขาทวีตว่า

“นี่มันงี่เง่าสุด ๆ เซอร์เกย์กับผมเป็นเพื่อนกัน เรายังไปปาร์ตี้ด้วยกันอยู่เลยเมื่อคืน

ผมเคยเจอนิโคลแค่ 2 ครั้งใน 3 ปีที่ผ่านมา ทั้งสองครั้งมีคนอยู่เต็มเลย ไม่มีอะไรโรแมนติก”

ถึงมัสก์จะออกมาปฏิเสธแบบนั้นก็ตาม The Wall Street Journal ก็ยังคงยืนยันเกี่ยวกับเรื่องนี้ เชื่อมั่นว่าแหล่งข่าวนั้นเชื่อถือได้ ส่วนบรินนั้นเป็นคนที่ลงทุนในบริษัทเทสลามาตั้งแต่ปี 2008 ตอนนี้มีรายงานว่าเขาตัดสินใจขายหุ้นของบริษัทออกไปแล้ว โดยเว็บไซต์ Bloomberg ได้ประเมินมูลค่าทางทรัพย์สินของบรินเอาไว้ที่ประมาณ 95,000 ล้านเหรียญในตอนนี้ ถือเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของโลกอันดับ 8 รองจากเพจและวอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ที่อยู่อันดับ 6 และ 7 ตามลำดับ

The Economist Hollywood Reporter The Verge
Vanity Fair BBC Bloomberg
The Wall Street Journal Twitter

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส