เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทีมงาน #beartai ได้มีโอกาสเดินทางไปกับ เซ็นทรัล เจดี มันนี่ บริษัทในเครือของ เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค โฮลดิ้ง ซึ่งนำทีมโดย คุณญนน์ โภคทรัพย์ ประธานกลุ่มเซ็นทรัล และกรรมการบริษัท เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค โฮลดิ้ง และคุณรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค โฮลดิ้ง พร้อมผู้บริหาร พันธมิตรทางการเงินการธนาคาร และสื่อมวลชนจากสำนักต่าง ๆ เพื่อเยี่ยมชมนวัตกรรมทางการเงินที่สำนักงานใหญ่ของ JD.com และบริษัทในเครือ JD Digits ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

คณะผู้บริหารถ่ายภาพร่วมกัน ณ สำนักงานใหญ่ JD.com

คณะผู้บริหารถ่ายภาพร่วมกัน ณ สำนักงานใหญ่ JD.com

ก้าวแรกที่เดินเข้ามาภายในสำนักงานใหญ่ของ JD.com ซึ่งนอกจากความกว้างใหญ่ (ซึ่งพบได้ทุกอาคารในประเทศนี้) เราก็จะพบกับ ‘Joy’ น้องหมาสีขาวสุดน่ารัก สัญลักษณ์ของ JD.com ซึ่งได้รับการออกแบบจาก Pixar Animation Studios ประเทศสหรัฐอเมริกา ถือว่าเป็นน้องหมาที่ไม่ธรรมดาทีเดียว

ร้านค้าไร้พนักงานและระบบชำระเงินด้วยใบหน้า

ร้านค้า X Mart เป็นร้านค้าแบบไร้พนักงาน ที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ โดยตั้งแต่ประตูทางเข้าที่ใช้การสแกน QR Code จากบัญชีของ JD.com ของตัวเองเพื่อยืนยันตัวตน โดยใครที่เป็นคนเพื่อนเยอะ หรือผู้ปกครองที่พาเด็ก ๆ มาซื้อของก็สามารถเข้าใช้งานพร้อมกันได้ โดยรองรับการเข้าใช้งานสูงสุด 15 คนต่อ 1 บัญชี

X Mart Entrance

บรรยากาศและทางเข้าร้าน X Mart

หลายคนอาจจะสงสัยว่า ถ้าไม่มีพนักงานแล้วจะคิดเงิน จ่ายเงินอย่างไร คำตอบก็คือ ชั้นวางของและกล้อง นั่นเองค่ะ โดยชั้นวางของภายในร้านค้าแห่งนี้จะใช้วิธีการตรวจจับน้ำหนักของสินค้าที่ถูกหยิบออกไป ขณะเดียวกันกล้องที่ติดตั้งอยู่รอบบริเวณก็สามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวของลูกค้าและสินค้าได้อย่างแม่นยำ เมื่อลูกค้าทำการ Check Out ออกจากร้าน ระบบก็จะทำการตัดเงินจากบัญชีได้ทันที

QR Code to enter

สแกน QR Code ก่อนเข้าร้าน

Pick up

หยิบสินค้าที่ต้องการ (แอบเห็นป้ายราคาเป็นแบบดิจิทัลด้วยนะ แสดงราคาแบบเรียลไทม์เลย)

เดินถัดมาอีกนิด เราก็จะพบกับร้านค้าไร้พนักงานอีกแห่งหนึ่ง โดยร้านนี้ใช้ระบบการชำระเงินได้หลากหลาย ทั้งการสแกน QR Code หรือการสแกนใบหน้า สะดวกสุด ๆ เลยค่ะ ปัจจุบันเราจะสามารถพบร้านค้า X Mart ได้ที่ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ค่ะ

Face Pay

แค่สแกนหน้าก็จ่ายเงินได้

ระบบบริหารจัดการความเสี่ยงสำหรับบริการสินเชื่อ

ทาง JD Digits ได้นำ AI เข้ามาบริหารจัดการความเสี่ยงสำหรับบริการสินเชื่อ โดย AI สามารถรับมือกับข้อมูลจำนวนมหาศาล ยับยั้งการฉ้อโกงที่คนร้ายอาจใช้บัญชีปลอมหรือเอกสารปลอม และควบคุมความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อในระดับไมโครไฟแนนซ์

AI ตัวนี้ยังทำงานประสานกับระบบติดตามหนี้สินและการยืนยันตัวตนเพื่อทำธุรกรรมแบบอัตโนมัติอีกด้วย เรียกว่า JD Intelligent Voice ซึ่ง AI จะโทรไปหาลูกค้าเพื่อแจ้งข้อมูลการชำระเงินล่าช้า หรือเพื่อยืนยันว่าลูกค้าเป็นผู้ที่ทำธุรกรรมนั้นจริง ๆ ไม่ได้ถูกแอบอ้าง โดยใช้เวลาเพียง 5-7 นาทีเท่านั้น หลังจากยื่นขอสินเชื่อ

ระหว่างการสัมมนาในหัวข้อนี้ ทางทีมงานของ JD Digits ได้สาธิตการทำงานของ AI ตัวดังกล่าว โดยการโทรศัพท์เข้าไปเพื่อขอทำธุรกรรมแบบอัตโนมัติ เรียกได้ว่าเหมือนคุยกับคนจริง ๆ ถ้าไม่บอกก่อน ไม่รู้เลยว่าเป็น AI

Seminar

บรรยากาศระหว่างการบรรยาย

นวัตกรรมหุ่นยนต์ลาดตระเวน

นอกเหนือจากเรื่องการเงินแล้ว JD Digits ยังมีหุ่นยนต์ของตัวเองอีกด้วย แต่แยกออกมาเป็นแบรนด์ Roboditner ซึ่งปัจจุบันกำลังทำตลาดในกลุ่มหุ่นยนต์ลาดตระเวนสำหรับการตรวจสอบรางรถไฟและสภาพแวดล้อมใกล้เคียง เพื่อลดความเสี่ยงและอันตรายจากการที่มนุษย์ลงไปปฏิบัติในพื้นที่ดังกล่าว

นอกจากหุ่นยนต์ลาดตระเวนแล้ว ยังมีหุ่นยนต์สำหรับการขนส่งอุปกรณ์ภายในอาคาร หุ่นยนต์เพื่อการตรวจสอบ Data Center ซึ่ง Roboditner ไม่ได้มีแต่หุ่นยนต์ตัวใหญ่ ๆ เท่านั้น พวกเขายังพัฒนาแขนกล หรือ Bionic Hand อุปกรณ์สำหรับการสวมใส่สำหรับผู้พิการมือ หรือผู้ที่ต้องทำงานกับสารเคมีอันตราย

Robot for data center

หุ่นยนต์ตรวจการณ์ในห้อง Data Center

“จุดมุ่งหมายของเรา คือการนำเทคโนโลยีล้ำยุคที่ผ่านการพิสูจน์และใช้งานจริงแล้วจาก JD Digits และประเทศจีน ซึ่งถือเป็นชาติระดับแถวหน้าของโลกในด้านการปรับใช้นวัตกรรมทางการเงิน มาผสมผสานกับความรู้ความเข้าใจอันลึกซึ้งของกลุ่มเซ็นทรัลในอุตสาหกรรมค้าปลีกของประเทศไทย เราได้ทำงานกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่างใกล้ชิดเพื่อนำนวัตกรรมระดับโลกนี้มายังประเทศไทย ผ่านทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ร่วมกัน ควบคู่ไปกับการแบ่งปันความเชี่ยวชาญในด้านดังกล่าวให้กับองค์กรต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารของประเทศไทย”คุณรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค โฮลดิ้ง

นอกจากนี้ คณะผู้บริหารและสื่อมวลชนยังได้ร่วมรับฟังแนวทางการพัฒนาธนาคารเสมือนจริง (Virtual Bank) ในฮ่องกง ภายใต้ชื่อ “Livi Bank” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งประเทศจีน (Bank of China) , JD Digits และกลุ่มทุน Jardines ที่มีความแข็งแกร่งในตลาดค้าปลีกของฮ่องกง โดย Livi Bank เป็นธนาคารรูปแบบใหม่ที่ไม่มีสาขาให้บริการ ลูกค้าที่สนใจเปิดบัญชี สามารถใช้ระบบ E-KYC (Electronic Know-Your-Customer) ยืนยันตัวตนได้อย่างรวดเร็ว เพียงสแกนบัตรประชาชนและถ่ายเซลฟีผ่านแอปพลิเคชัน ขณะที่แพลตฟอร์มเทคโนโลยีจากพันธมิตรอย่างธนาคารแห่งประเทศจีน เปี่ยมศักยภาพด้วยนวัตกรรม AI และ Big Data ที่พร้อมรองรับการทำธุรกรรมออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างปลอดภัย

Michael Wang, CEO of Livi

Michael Wang ซีอีโอของ Livi

“เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าหน่วยงานและองค์กรจากภาคการเงินการธนาคารของไทย จะสามารถนำเทคโนโลยีระดับโลกทั้งหมดนี้มาประยุกต์ใช้จนเกิดเป็นประโยชน์กับระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเติบโตอยู่ในประเทศไทย สำหรับทางเซ็นทรัล เจดี มันนี่เอง เราก็ได้เริ่มนำนวัตกรรมอย่าง E-KYC (electronic know-your-customer) มาใช้งานใน แอปพลิเคชัน ดอลฟิน วอลเล็ท ในการยืนยันตัวตนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและช่วยลดขั้นตอนในการลงทะเบียนเปิดบริการแล้ว และยังมีความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับผู้บริโภคในอนาคต เช่น การชำระเงินด้วยใบหน้า เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมดิจิทัลไร้เงินสดอย่างเต็มตัวต่อไป” คุณรุ่งเรืองกล่าวเสริม

โดยแอปพลิเคชัน ดอลฟิน วอลเล็ท จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 กันยายนนี้

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส