เป็นเวลา 9 ปีแล้วนับตั้งแต่ Apple ได้เริ่มวางจำหน่าย iPhone รุ่นแรก จนกลายเป็นสมาร์ทโฟนอันดับต้นๆของโลกในปัจจุบับ หากมองย้อนกลับไปจะรู้ว่า iPhone ได้พัฒนามาจากจุดเริ่มต้นมากขนาดไหน

that-said-its-fun-to-look-back-and-see-how-many-really-basic-features-were-missing-from-the-first-iphone

iPhone รุ่นแรกเป็นเหมือนตัวเปลี่ยนรูปแบบสมาร์ทโฟนให้แตกต่างออกไป เนื่องจากสมาร์ทโฟนในยุคนั้นมีรูปลักษณ์เป็นหน้าจอครึ่งหนึ่งและคีย์บอร์ดครึ่งหนึ่ง ไม่สามารถแสดงหน้าเว็บไซต์แบบเต็มๆได้ ดังรูปที่ปรากฏด้านล่าง

yes-the-original-iphone-was-a-miracle-as-a-reminder-heres-what-the-competition-looked-like-at-the-time

แน่นอนว่ามันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้สมบูรณ์แบบตั้งแต่แรก

iPhone ในยุคนั้นยังมีข้อผิดพลาดและขาดฟีเจอร์พื้นฐานต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

ความเร็วในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตระดับ EDGE หรือ 2G ที่ค่อนข้างช้ามาก

iphone_2007_home_screen_hero

ในยุคนั้นยังไม่มี App Store ที่สร้างความโด่งดังและเป็นเอกลักษณ์สำหรับ iPhone และสมาร์ทโฟนในยุคต่อๆมา นั่นหมายความจะยังไม่มีเกมส์ Angry Birds, Facebook, Instagram หรือ Candy Crush ที่สร้างความบันเทิงให้แก่ผู้ใช้ เนื่องจาก Steve Jobs ต้องการควบคุมการทำงานของสมาร์ทโฟนแบบเบ็ดเสร็จ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยอมให้มี App Store ในเวลาต่อมา

there-was-no-app-store-so-there-was-no-angry-birds-no-instagram-no-candy-crush-no-anything-fun

สิ่งหนึ่งที่น่ายินดีสำหรับผู้ใช้ iPhone ในปัจจุบัน คือ iPhone รุ่นแรกไม่สามารถเปลี่ยนภาพพื้นหลังได้ จะมีเพียงสีดำเป็นพื้นหลังเท่านั้น

hopefully-you-liked-a-black-background-because-that-was-the-only-choice-you-had-you-couldnt-change-the-iphones-wallpaper-picture

การพิมพ์ข้อความใน iPhone รุ่นแรกนั้นค่อนข้างลำบากและใช้เวลานานพอสมควร เนื่องจากขาดฟีเจอร์ Cut, Copy และ Paste ข้อความต่างๆ ซึ่งต้องใช้เวลานานถึง 3 ปีเลยทีเดียวกว่า Apple จะเพิ่มฟีเจอร์ดังกล่าวให้กับ iPhone ได้

it-took-three-years-for-apple-to-add-cut-copy-and-paste

ไม่เพียงแค่นั้น มันยังไม่สามารถพิมพ์ข้อความในโหมด Landscape และส่งรูปไปพร้อมกับข้อความได้

you-couldnt-send-people-images-in-your-text-messages

ผู้ใช้จะต้องเชื่อมต่อ iPhone เข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อตั้งค่าตัวเครื่อง และ Apple ต้องใช้เวลานานถึง 5 ปีจึงจะแก้ไขปัญหานี้ได้

you-had-to-plug-the-iphone-into-a-computer-to-set-it-up-you-had-to-do-this-for-five-years

ใน iPhone รุ่นแรกยังไม่มีแอปนำทางเหมือนในปัจจุบัน อีกทั้งยังไม่อนุญาตให้นักพัฒนาแอปสร้างแอปในลักษณะดังกล่าวนานอยู่หลายปีเลยทีเดียว

there-were-no-turn-by-turn-directions-apps-its-not-just-that-apple-didnt-have-turn-by-turn-it-didnt-let-other-app-developers-do-it-for-years-either

กล้องหลังมีความละเอียดเพียง 2 ล้านพิกเซลเท่านั้น และยังไม่สามารถบันทึกวิดีโอได้

the-camera-was-2-megapixels

ไม่มีฟีเจอร์ Notification Center,  Siri และ Control Center ที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ในปัจจุบัน เนื่องจากฟีเจอร์ดังกล่าวค่อนข้างซับซ้อนและใช้เวลาในการพัฒนานานมาก

แต่อย่าลืมว่าในปี 2007 ทาง Apple ได้มีการเพิ่มฟีเจอร์สำคัญต่างๆเข้ามาในระบบปฏิบัติการณ์อย่างมากมาย

there-was-no-notification-center-no-siri-and-no-control-center-these-are-all-complicated-features-so-this-isnt-surprising-but-its-still-a-reminder-of-how-many-huge-features-apple-has-added-since-2007

และท้ายที่สุด คือ ราคาของ iPhone รุ่นแรกนั้นสูงถึง “499 เหรียญ” เลยทีเดียว สำหรับรุ่นที่มีเนื้อที่ภายในตัวเครื่องเพียงแค่ 4 GB เท่านั้น

and-it-cost-499-for-a-4gb-model-there-was-no-200-or-0-subsidized-option

ประเด็นก็คือ…..

เทคโนโลยีนั้นต้องใช้เวลาในการพัฒนาอยู่นานกว่าจะเป็นรูปเป็นร่างเหมือนเช่นในปัจจุบันนี้

ถึงแม้ว่า iPhone จะเคยเป็นสมาร์ทโฟนที่สร้างปรากฏการณ์เมื่อตอนเปิดตัวครั้งแรก แต่มันก็ยังต้องพัฒนาอีกมาก และในปัจจุบันมันก็ยังไม่สามารถเรียกว่าสมบูรณ์แบบได้อย่างเต็มที่นัก

so-what-you-may-be-saying--

ดังนั้นถ้าหากมีบริษัทเทคโนโลยีรายใดเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ มุมมองและทัศนคติที่ทางบริษัทนำเสนอในผลิตภัณฑ์นั้นเป็นจะการทดสอบเสียงตอบรับจากผู้ใช้ เพราะเวอร์ชั่นแรกเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น

ที่มา :techinsider