เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้วสำหรับสมาร์ตโฟนราคาประหยัด Nothing Phone (2a) สมาร์ตโฟนรุ่นที่ 3 ของ Nothing ที่แม้จะมีราคาอยู่ในหลักหมื่นต้น ๆ แต่ Nothing โฆษณาว่าจะยังคงมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดในแต่ละวันให้กับผู้ใช้ และยังมีดีไซน์ที่แสดงตัวตนของ Nothing อย่างชัดเจนไม่ลดลงเลย

จุดเด่นในด้านดีไซน์ของ Nothing Phone (2a) ที่แตกต่างไปจากรุ่นก่อน ๆ คือระบบกล้องคู่วางตัวแนวนอนที่ในครั้งนี้ย้ายมาอยู่ตำแหน่งตรงกลางของส่วนบนที่ด้านหลังคล้าย ‘ลูกตา’ ล้อมรอบไปด้วยคอยล์ NFC, มีฝาหลังโปร่งใส และมีไฟ Glyph 26 โซน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มซึ่งรองรับ Glyph Timer, ข้อความแจ้งเตือน, Glyph Torch และ Glyph Progress

ที่ด้านหน้าของ Phone (2a) ยังมีขอบจอที่มีความหนาเท่ากันทั้งบน ล่าง ซ้าย และขวา โดยรุ่นนี้จะทำงานบน Nothing OS 2.5 ที่ครอบทับ Android 14 ที่ยังคงเน้นการปรับแต่งน้อย และการใส่แอปติดเครื่องที่น้อยกว่า OS ของแบรนด์สมาร์ตโฟนส่วนมาก เรียกได้ว่า เน้น ‘ความลื่นไหลและเรียบง่าย’

สำหรับสเปกของ Nothing Phone (2a) มีดังนี้

  • ชิป Dimensity 7200 Pro ที่ทาง Nothing ร่วมออกแบบกับ MediaTek ผลิตด้วยกระบวนการ 4nm ของ TSMC
  • หน้าจอ 10-bit AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1084 x 2412 พิกเซล, ความสว่างสูงสุด 1300 นิตส์, รองรับรีเฟรชเรต 30-120Hz
  • วัสดุหน้าจอ Corning Gorilla Glass 5
  • ทำงานบน Nothing OS 2.5 ที่มีพื้นฐานจาก Android 14 รองรับอัปเดต Android 3 ปี และอัปเดตความปลอดภัย 4 ปี
  • กล้องหลังคู่ 50 ล้านพิกเซล ได้แก่ กล้องหลัก f/1.88 เซนเซอร์ขนาด 1/1.56 นิ้ว พร้อม OIS, กล้องอัลตราไวด์ 114 องศา
  • กล้องเซลฟีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
  • แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh มากที่สุดในสมาร์ตโฟนทั้ง 3 รุ่นของ Nothing รองรับการชาร์จ 45W โดยแบตเตอรี่จะยังคงประสิทธิภาพอยู่ที่ 90% หากใช้งานในแต่ละวันตามปกติเป็นเวลา 3 ปี (90% หลังรอบการชาร์จ 1000 รอบ)
  • มาตรฐานกันน้ำและฝุ่นระดับ IP54
  • เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ

ในตอนนี้ Nothing Phone (2a) เริ่มต้นให้ pre-order แล้วทั่วโลกจาก nothing.tech และจะเริ่มการจำหน่ายในวันที่ 12 มีนาคม ซึ่งตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม ในประเทศไทยจะมีแคมเปญ #THE100 Drops ที่มีจำนวนจำกัด 100 เครื่อง แถมพิเศษเคส Phone (2a) แบบสั่งทำและของแถมอื่น ๆ โดยเริ่มต้นรุ่นนี้จะมีตัวเลือก 2 สีด้วยกัน ได้แก่ สีดำและสีขาว โดยจะวางขายใน 2 เวอร์ชัน ดังนี้

  • เวอร์ชัน 8GB/128GB = 11,499 บาท
  • เวอร์ชัน 12GB/256GB = 12,999 บาท