Vivo ได้ประกาศเปิดตัวสมาร์ตโฟนพับจอได้ระดับเรือธง ซีรีส์ X Fold3 ซึ่งมาพร้อมบอดีที่บางเบาลงกว่าซีรีส์ X Fold2 ที่เปิดตัวเมื่อปี 2023 และยังได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพกล้องและแบตเตอรี่ โดยมีด้วยกัน 2 รุ่น คือ รุ่นมาตรฐาน และรุ่น Pro

ด้วยน้ำหนักเพียง 219 กรัม ทำให้ X Fold3 เป็นสมาร์ตโฟนพับจอเข้าด้านในแนวนอนที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในขณะนี้ (แม้ว่า Honor V Purse จะมีน้ำหนักเบากว่า อยู่ที่ 214 กรัม แต่ก็เป็นสมาร์ตโฟนที่พับจอออกด้านนอก และไม่มีจอที่ 2) อีกทั้งยังเบากว่าสมาร์ตโฟนเรือธงอีกหลายรุ่น เช่น iPhone 15 Pro Max (221กรัม) หรือ Samsung Galaxy S24 Ultra (232 กรัม) เป็นต้น ในขณะที่บอดี (เมื่อพับจอเข้าหากัน) มีความบางเพียง 10.2 มม. เท่านั้น

ทั้ง X Fold3 และ X Fold3 Pro มาพร้อมขนาดหน้าจอเท่ากัน คือ

  • หน้าจอพับด้านใน ขนาด 8.03 นิ้ว ความละเอียด 2,480 x 2,200 พิกเซล, รีเฟรชเรต 120 Hz, ความสว้างสูงสุด 4,000 Nit (อัปเกรดจาก 1,800 Nit ในรุ่นก่อน)
  • หน้าจอด้านนอก ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด 1,172 x 2,748 พิกเซล, รีเฟรชเรต 120 Hz และความสว่างสูงสุด 4,500 Nit (อัปเกรดจาก 1,600 Nit ในรุ่นก่อน)

สมาร์ตโฟนพับจอได้ทั้ง 2 รุ่น ยังใช้บานพับที่ผลิตด้วยวัสดุคาร์บอน น้ำหนักเพียง 14.98 กรัม ซึ่งรับรองทนทานโดย TÜV Rhinenland ว่าสามารถรองรับการพับได้ 500,000 ครั้ง และยังมีสเปกอื่น ๆ ที่เหมือนกัน ดังนี้

  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7, NFC และอินฟาเรด IR Blaster (รุ่น Pro มีพอร์ต USB 3.2 Gen 2 ด้วย)
  • ลำโพงสเตอริโอ รองรับเสียง Wireless Lossless Hi-Fi
  • ปุ่มปิด/เปิดเสียง

ในส่วนของการประมวลผลนั้น X Fold3 Pro ได้รับการติดตั้งชิปเซตระดับเรือธงอย่าง Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3 ซึ่งทำงานร่วมกับชิปประมวลผลภาพ Vivo V3 พร้อมแรม LPDDR5X และสตอเรจ UFS 4.0 ขนาด 16 GB/ 512 GB และ 16 GB/ 1 TB

กล้องหลักด้านหลังใช้เซนเซอร์ OmniVision OV50H ขนาด 1/1.3 นิ้ว (ใหญ่กว่าเซนเซอร์ Sony IMX866v ที่ใช้ใน X Fold2 ที่มีขนาด 1/1.49 นิ้ว) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง f/1.68 และ OIS

เสริมด้วยกล้อง Telephoto ที่ใช้เซนเซอร์ OmniVision OV64B ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ซูมได้ 3x พร้อมรูรับแสง f/2.57 และกล้อง Ultrawide ที่ใช้เซนเซอร์ Samsung JN1 ขนาด 1/2.76 นิ้ว ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ในขณะที่กล้องหน้าคู่มีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล

Vivo X Fold3

X Fold3 รุ่นมาตรฐาน ได้รับการติดตั้งชิปเซต Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 เช่นเดียวกับ X Fold2 ซึ่งทำงานร่วมกับชิปประมวลผลภาพ Vivo V3 พร้อมแรม/สตอเรจ ขนาด 12 GB/ 256 GB ไปจนถึง 16 GB/ 1 TB

ในส่วนของกล้องหลักนั้น ใช้เซนเซอร์ Sony IMX920 ขนาด 1/1.49 นิ้ว ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง f/1.75 และ OIS เสริมด้วยกล้องถ่ายภาพบุคคล เซนเซอร์ Sony IMX816 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง f/1.85 และกล้อง Ultrawide เซนเซอร์ Samsung JN1 เช่นเดียวกับรุ่น Pro ในขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล เท่ากับรุ่น Pro อีกด้วย

Vivo X Fold3

นอกจากนี้ X Fold3 Pro ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญถึง 5,700 mAh (ชาร์จไฟ 100 W, ชาร์ไฟไร้สาย 50 W), มาตรฐานกันน้ำระดับ IPX8 (ป้องกันน้ำลึกมากกว่า 1 เมตร ได้ไม่เกิน 30 นาที) และติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic 3 มิติ ภายใต้แผงหน้าจอ

ในขณะที่ X Fold3 รุ่นมารตรฐานนั้น มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,500 mAh (ชาร์จไฟ 80 W เท่านั้น), มาตรฐานกันน้ำ IPX4 (ป้องกันน้ำกระเด็นใส่) และติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง

Vivo X Fold3

Vivo ได้วางจำหน่าย Fold 3 และ X Fold3 Pro ผ่านสโตร์ออนไลน์ของ Vivo ในประเทศจีนแล้ว โดย X Fold 3 มีราคาดังนี้

  • 12 GB/ 256 GB: 7,000 หยวน (ประมาณ 35,200 บาท)
  • 16 GB/ 256 GB: 7,500 หยวน (ประมาณ 37,800 บาท)
  • 16 GB/ 512 GB: 8,000 หยวน (ประมาณ 40,300 บาท)
  • 16 GB/ 1 TB: 9,000 หยวน (ประมาณ 45,300 บาท)

X Fold 3 Pro มีราคาดังนี้

  • 16 GB/ 512 GB: 10,000 หยวน (ประมาณ 50,300 บาท)
  • 16 GB/ 1 TB: 11,000 หยวน (ประมาณ 55,400 บาท)