เว็บไซต์ GizmoChina ได้คาดการณ์ว่า Samsung จะกลับมาแบ่งการติดตั้งชิปเซต Samsung Exynos และ Qualcomm Snapdragon ให้แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาคอีกครั้ง ในสมาร์ตโฟนเรือธงซีรีส์ Galaxy S26 ที่จะเปิดตัวในต้นปี 2026 โดยเวอร์ชันที่จะจำหน่ายในตลาดยุโรปนั้น จะได้รับการติดตั้งชิปเซต Exynos 2600 และเวอร์ชันที่จะจำหน่ายในตลาดประเทศอื่น ๆ จะได้รับการติดตั้งชิปเซต Snapdragon 8 Elite Gen 2

เดิมที Samsung ใช้กลุยุทธแบ่งการติดตั้งชิปเซต Exynos และ Snapdragon ให้กับสมาร์ตโฟนเรือธงมาโดยตลอด จนกระทั่งซีรีส์ Galaxy S25 ที่เปิดตัวเมื่อต้นปี 2025 นั้น ได้ประสบปัญหาการผลิตชิปเซต Exynos ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งทำให้ Samsung ตัดสินใจติดตั้งชิปเซต Snapdragon 8 Elite ให้แก่ซีรีส์ Galaxy S25 ทุกรุ่นที่จำหน่ายทั่วโลกแทน

แหล่งข่าววงในนามว่า @Jukanlosreve ได้โพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X อ้างว่า Samsung เล็งจะนำชิปเซต Exynos 2600 มาใช้กับเรือธงซีรีส์ Galaxy S26 มาโดยตลอด แต่เนื่องจากกระบวนการผลิต 2 นาโนเมตร ที่ใช้ในการผลิตชิปเซตดังกล่าว ยังคงประสบปัญหาการผลิตได้อย่างไม่เต็มศักยภาพ ซึ่งส่งผลให้มีชิปเซต Exynos 2600 เพียงพอสำหรับติดตั้งในเวอร์ชันที่จะจำหน่ายในยุโรปเท่านั้น ในขณะที่เวอร์ชันในประเทศอื่น ๆ จะใช้ศักยภาพจาก Snapdragon 8 Elite

Samsung Exynos

แหล่งข่าวได้รายงานเพิ่มเติมว่า Samsung จะแยกการติดตั้งชิปเซต Exynos 2600 และ Snapdragon 8 Elite Gen 2 ให้แก่ Galaxy S26 รุ่นมาตรฐาน และ Galaxy S26+ เท่านั้น ในขณะที่รุ่นพรีเมียมที่สุดอย่าง Galaxy S26 Ultra ทุกเวอร์ชันทั่วโลก จะติดตั้งฃิปเซต Snapdragon 8 Elite Gen 2 ด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งเป็นกลยุทธเดียวกับที่ Galaxy S24 Ultra ทุกเวอร์ชันทั่วโลกเมื่อปี 2024 ได้รับการติดตั้งชิปเซต Snapdragon 8 Gen 3

Samsung นั้น ได้เลือกติดตั้งชิปเซต Exynos ให้แก่สมาร์ตโฟนเรือธงที่จำหน่ายในยุโรปมาอย่างยาวนาน แม้จะมีรายงานตรวจพบปัญหาประสิทธิด้อยกว่าเล็กน้อย, ใช้พลังงานสูงกว่า และปัญหาการจัดก่ารความร้อน เป็นต้น เมื่อเทียบกับเวอร์ชันที่ติดตั้งชิปเซต Snapdragon ยกตัวอย่างเช่น Galaxy S22 ในยุโรป ที่ติดตั้งชิปเซต Exynos 2200 เป็นต้น

อย่างไรก็ดี Samsung ยืนยันว่าได้ปรับปรุงประสิทธิภาพของ Exynos 2600 ในหลายด้าน เช่น ลดการใช้พลังงานลง 15 – 25% เป็นต้น