ในโลกที่ AI กำลังกลายเป็นผู้ช่วยประจำตัวคนทำงานยุคใหม่ หลายคนคงคุ้นชื่อกับสองแบรนด์ยักษ์ใหญ่ที่กำลังครองตลาดในตอนนี้อย่าง Gemini จาก Google และ ChatGPT จาก OpenAI ซึ่งต่างก็มีเวอร์ชันระดับสูงอย่าง Gemini 2.5 Pro และ GPT-4.5 ที่เปิดให้ใช้งานในปี 2025 นี้แล้ว โดยต่างก็ได้รับการพัฒนาให้ฉลาดขึ้น ตอบสนองเร็วขึ้น และ “เข้าใจมนุษย์” มากกว่าเดิม
แม้ทั้งสองค่ายดังจะเป็นโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานครอบคลุม แต่เทียบกันแล้วค่อนข้างแตกต่างกันอย่างชัดเจนค่ะ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของภาษาหรือรูปแบบที่ AI จะทำออกมาได้ดี วันนี้แอดรวบรวมมาไว้ให้แล้วค่ะ ว่าค่ายไหนทำถึงเรื่องอะไรบ้าง

Gemini 2.5 Pro
Gemini 2.5 Pro เป็นโมเดลที่ Google พัฒนาภายใต้ทีม DeepMind ซึ่งจุดเด่นหลักคือการรองรับ Context ขนาดใหญ่ถึง 1 ล้าน Tokens (สำหรับผู้ใช้แบบ Early access) หรือประมาณเทียบเท่ากับหนังสือหลายเล่ม AI ตัวนี้สามารถจดจำและประมวลผลบทสนทนายาว ๆ ได้ต่อเนื่องโดยไม่หลงประเด็น แถมยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากเอกสารหลายไฟล์หรือวิดีโอยาว ๆ ได้ภายในคำสั่งเดียว
นอกจากนี้ Gemini ยังผสานเข้ากับบริการของ Google ได้ดี เช่น การเรียกดูไฟล์จาก Google Drive, Gmail, Docs หรือการสั่งงานบน Android ทำให้คนที่ใช้งานผลิตภัณฑ์ของ Google อยู่แล้วใช้งานได้ง่ายดายยิ่งขึ้นค่ะ และ Google เค้าก็ไม่ได้ขายแค่ Gemini เพียงอย่างเดียว แต่ยังได้บริการเสริมต่าง ๆ อีกด้วย มาพร้อมแพ็กเกจ AI Premium ราคาก็ประมาณ 750 บาทต่อเดือน ตรงนี้ก็ยังไม่มีแพ็กเกจรายปี แต่เราจะได้พื้นที่เก็บข้อมูลถึง 2 TB และหารกันได้สูงสุด 6 คนเหมือนแพ็กฯ Google One แพ็กฯ อื่น
โดยส่วนตัวแอดทดลองใช้แล้ว คิดว่าเรื่องภาษายังไม่ค่อยธรรมชาติเท่าไหร่ค่ะ แต่ภาษาอื่น ๆ เช่น ภาษาอังกฤษก็ทำได้ดีเลยทีเดียวค่ะ สำหรับใครที่อยากลองว่าคุ้มค่ามากหรือไม่ก็สามารถใช้โปรโมชันให้ทดลองใช้งานฟรี 2 เดือนแรกได้เลยค่ะ
GPT 4.5
มาที่ตัวแมสของตลาด ณ เวลานี้เลยก็ว่าได้ค่ะ สำหรับ GPT 4.5 ต้องเล่าก่อนว่าในขณะที่ Gemini เน้น Context ที่ยาวและมีความสามารถเชิง Technical ที่ลึกมาก GPT จาก OpenAI กลับโดดเด่นในเรื่องของการโต้ตอบอย่างลื่นไหลและความแม่นยำของภาษาธรรมชาติ ผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์แบบ “AI คุยรู้เรื่อง” ในที่นี้คือจะเป็นแบบที่เราเห็นใน TikTok เวลาอินฟลูฯ เล่นคุยตอบโต้กับ AI ก็จะลื่นไหลแบบนั้นจริง ๆ ค่ะ
นอกจากนี้แล้วยังสามารถทำงานละเอียด ๆ วิเคราะห์โหด ๆ ได้ เช่น การวิเคราะห์ภาพ การแก้โคด ดูเอกสาร รวมถึงการทำงานร่วมกับเครื่องมือเฉพาะด้าน เช่น Python, การวาดภาพ หรือการเชื่อมต่อข้อมูลเรียลไทม์ผ่านเว็บ เหมาะกับทั้งนักวิเคราะห์ข้อมูล นักออกแบบ UX ไปจนถึงนักเรียน นักศึกษา ได้เลย
โดยส่วนตัวสำหรับ GPT 4.5 แอดรู้สึกน้องมีภาษาที่ค่อนข้างธรรมชาติ ในที่นี้หมายถึงภาษาไทยเราเองด้วย ที่ทำได้ดีมาก ๆ แต่ Gemini ก็จะโดดเด่นกว่าเล็กน้อยในเชิงการเข้าใจภาษาท้องถิ่นหลากหลาย โดยเฉพาะการสลับภาษาและการแปลตามบริบทวัฒนธรรม และแน่นอนคนใช้ก็จะรู้กัน ถ้าเราซื้อ ChatGPT Plus หรือ GPT 4.5 ที่ราคาก็ประมาณ 730 บาทต่อเดือน เราจะได้แค่ AI เพียงอย่างเดียวไม่ได้มีแพ็กเกจเหมารวมเหมือน Google Gemini นะคะ
แอดว่าทั้งสองตัวก็เหมาะกับงานที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับเราจะเอาไปใช้งานในด้านไหนบ้าง คือถ้าใครกำลังมองหา AI ที่เก่งเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก คิดเป็นระบบซ้อนกันหลายชั้น Gemini 2.5 Pro ก็คือตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้าต้องการผู้ช่วยที่คิดเร็ว ตอบไว ช่วยเขียนงานได้ มีไอเดียเฉียบคม มีภาษาที่ธรรมชาติ GPT GPT-4.5 ก็ตอบโจทย์ไม่แพ้กัน