วงการพัฒนาโปรแกรมกำลังสั่นสะเทือน เมื่อกลุ่มสตาร์ตอัป AI ด้านการเขียนโคด หรือ “code-gen” กลายเป็นพระเอกในยุคหลัง ChatGPT แม้หลายธุรกิจที่ใช้ AI จะยังไม่ทำกำไรได้จริง แต่บริษัทกลุ่มนี้กลับระดมทุนมหาศาลด้วยความหวังว่าจะสามารถแทนที่โปรแกรมเมอร์มนุษย์ได้บางส่วน ด้วยเครื่องมือที่ฉลาดและรวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่า

เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยลดงานซ้ำซากในวงการเขียนโปรแกรม เช่น การเขียนโคดพื้นฐานหรือการจัดรูปแบบโคด ทำให้ความสามารถในการจดจำไวยากรณ์โคดไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป ส่งผลให้บทบาทของนักพัฒนาเริ่มเปลี่ยน และตำแหน่งระดับเริ่มต้น (Entry-level) อาจถูกแทนที่ด้วย AI มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยในปี 2024 จำนวนพนักงานใหม่ที่มีประสบการณ์ต่ำกว่า 1 ปี ลดลงถึง 24% จากปีก่อนหน้า

หนึ่งในดาวรุ่งคือ Cursor สตาร์ตอัปจากซานฟรานซิสโกที่สามารถระดมทุนได้ถึง 900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่ากิจการกว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 330,000 ล้านบาท แม้จะมีพนักงานเพียง 60 คน

ขณะที่ Windsurf เจ้าของ Codeium เครื่องมือที่แปลงคำสั่งภาษาอังกฤษธรรมดาให้เป็นโคด กำลังอยู่ระหว่างเจรจาขายกิจการให้ OpenAI ที่มูลค่ากว่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 99,000 ล้านบาท

บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google, Microsoft และ Amazon ต่างเปิดเผยว่า โคดจำนวนมากในระบบของตนถูกสร้างด้วย AI แล้ว เช่น Microsoft ใช้ AI เขียนโคดถึง 30%

แม้บางบริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น Cursor ทำรายได้ประจำต่อปีทะลุ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ Windsurf ทำได้ 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในไม่ถึงปี แต่ทั้งคู่ยังเผชิญความเสี่ยงในการทำกำไร ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นติดลบ เพราะต้องพึ่งโมเดลพื้นฐานจากบริษัทใหญ่อย่าง Anthropic หรือ OpenAI ที่คิดค่าบริการต่อคำสั่งจำนวนมาก ทำให้กำไรยังอยู่ห่างไกล

ความเสี่ยงอีกอย่างคือการถูกแย่งตลาดโดยบิ๊กเทค เช่น GitHub Copilot ของ Microsoft ที่ทำรายได้ถึง 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2024 และมีผู้ใช้งานกว่า 15 ล้านคน ขณะที่ Windsurf และ Cursor ต่างเริ่มพัฒนาโมเดล AI ของตัวเองเพื่อลดต้นทุน แต่การฝึกโมเดลระดับนี้ต้องใช้เงินมหาศาล บางรายอย่าง Replit ก็ถอนตัวจากแผนนี้ไปแล้ว