Canalys บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลตลาดเชิงลึก ได้รายงานว่า ตลาดสมาร์ตโฟนในแถบลาตินอเมริกาเริ่มมีการปรับตัวลดลง โดยในไตรมาสที่ 1 ปี 2025 มียอดจำหน่าย 33.7 ล้านเครื่อง ซึ่งลดลง 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2024 ที่มียอดจำหน่าย 34.9 ล้านเครื่อง และเป็นการสิ้นสุดสถิติยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 6 ไตรมาสติดต่อกัน
รายงานดังกล่าวระบุว่า บราซิลเป็นตลาดสมาร์ตโฟนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในแถบลาตินอเมริกา โดยมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 3% และครองส่วนแบ่งทั้งหมดในภูมิภาคนี้ถึง 38%
ตลาดที่มีขนาดใหญ่รองลงมา คือ เม็กซิโก โดยมียอดจำหน่ายลดลงถึง 18% ซึ่งเป็นผลมาจากการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นในปี 2024 และครองส่วนแบ่งตลาดในภูมิภาคนี้อยู่ที่ 22%

ลำดับที่ 3 คือ อเมริกากลาง (ประกอบด้วย เบลีซ, คอสตาริกา, เอลซัลวาดอร์, กัวเตมาลา, ฮอนดูรัส, นิการากัว และปานามา) ซึ่งมียอดจำหน่ายลดลง 7% ในขณะที่โคลอมเบียและเปรู อยู่ในอันดับที่ 4 และ 5 ตามลำดับ ซึ่งคาดว่ามียอดจำหน่ายลดลงเช่นกัน
ในด้านของแบรนด์นั้น Samsung ยังคงมียอดจำหน่ายสูงสุดในตลาดนี้ อยู่ที่ 11.9 ล้านเครื่อง ซึ่งเพิ่ม 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปี 2024 และมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 35% โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากยอดจำหน่ายสมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้นที่น่าประทับใจ
รองลงมาคือ xiaomi ที่มียอดจำหน่าย 5.9 ล้านเครื่อง ซึ่งเพิ่มขึ้น 10% และครองส่วนแบ่งตลาด 17% โดยเป็นผลจากยอดจำหน่ายสมาร์ตโฟนไลน์อัป Redmi (แบรนด์ย่อยของ xiaomi) ราคาประหยัดที่น่าประทับใจ


Motorola ได้ร่วงมาอยู่ในอันดับที่ 3 ด้วยยอดจำหน่าย 5.2 ล้านเครื่อง ซึ่งลดลงมากถึง 13% ในขณะที่ Honor ได้ขึ้นอยู่อันดับที่ 4 ซึ่งมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 2%
และอันดับที่ 5 คือ Transsion ซึ่งมียอดจำหน่ายลดลงถึง 38% โดยนักวิเคราะห์มองว่าเป็นผลจากการแข่งขันในตลาดที่เพิ่มขึ้น และการปรับโครงสร้างช่องทางการจำหน่าย
Transsion นั้น เป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนจากประเทศจีนที่เน้นทำตลาดในแถบลาตินอเมริกาและแอฟริกา โดยมีแบรนด์ย่อยที่ทำตลาดแตกต่างกันตามความต้องการของผู้บริโภคท้องถิ่น ดังนี้
- Tecno : เน้นผู้ใช้ระดับกลาง ซึ่งต้องการกล้องคุณภาพดีและเทคโนโลยีที่น่าสนใจ
- Infinix : เน้นคนรุ่นใหม่ ซึ่งต้องการสมาร์ตโฟนที่มีดีไซน์สวยงาม
- Itel : เน้นผู้ใช้ที่เน้นความคุ้มค่า ซึ่งต้องการสมาร์ตโฟนราคาประหยัด, มีความทนทาน และใช้งานได้อย่างเสถียร

Canalys ได้วิเคราะห์ว่า ตลาดสมาร์ตโฟนแถบลาตินอเมริกาในไตรมาสที่ 2 จะหดตัวลง 1% เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและปัญหากำแพงภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้บริโภคเน้นใช้งานสมาร์ตโฟนเครื่องเดิมให้คุ้มค่ามากกว่าจะซื้อเครื่องใหม่ในตอนนี้