The Washington Post รายงานว่า อีลอน มัสก์ (Elon Musk) มีปากเสียงรุนแรงกับรัฐมนตรีคลัง สก็อตต์ เบสเซนท์ (Scott Bessent) ที่ทำเนียบขาว หลังถูกกล่าวหาว่าเป็น “พวกหลอกลวง” ซึ่งเหตุการณ์นี้กลายเป็นชนวนให้มัสก์บาดหมางกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา

ตามคำบอกเล่าของสตีฟ แบนนอน (Steve Bannon) อดีตเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว เหตุเกิดกลางเดือนเมษายน ระหว่างที่มัสก์และเบสเซนท์ต่างเสนอแผนปฏิรูปกรมสรรพากรสหรัฐฯ ต่อหน้าทรัมป์ในห้องทำงานรูปไข่ ซึ่งสุดท้าย ทรัมป์เลือกสนับสนุนแผนของเบสเซนท์

หลังจากประชุมจบ ทั้งคู่ยังคงโต้เถียงกันเสียงดัง จนถึงขั้นได้ยินไปถึงห้องของประธานาธิบดี เบสเซนท์กล่าวหามัสก์ว่า “คุณมันหลอกลวง เป็นพวกหลอกลวงสิ้นดี” โดยอ้างถึงแผนของมัสก์ที่เสนอให้ตัดงบประมาณรัฐบาลกลางลงถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 32.7 ล้านล้านบาท)

สก็อตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา

จากนั้นเรื่องก็เลยเถิด เมื่อมัสก์พุ่งไหล่ชนชายโครงเบสเซนท์คล้ายจังหวะนักรักบี้ จนเบสเซนท์ตอบโต้กลับทันที สถานการณ์ชุลมุนจนต้องมีหลายคนเข้ามาห้าม และในที่สุด มัสก์ก็ถูกเชิญให้ออกจากปีกตะวันตกของทำเนียบขาว

แบนนอนเล่าว่า “ทรัมป์รู้เรื่องแล้วก็บอกว่ามันเกินไปมาก” พร้อมเผยว่า เขาเองก็วิจารณ์มัสก์มาตลอดเกี่ยวกับบทบาทของเขาในแคมเปญและการบริหารของทรัมป์

เหตุการณ์นี้ถูกเปิดเผยเพียงไม่กี่วันหลังมัสก์ออกมาโจมตีทรัมป์อย่างรุนแรงในโซเชียลมีเดีย กรณีร่างกฎหมายใหม่ที่ทรัมป์ให้การสนับสนุน ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า เขารู้สึกผิดหวังกับมัสก์ และบอกว่า “ผมเคยช่วยเขาไว้ตั้งเยอะ” ขณะที่มัสก์ก็ไม่ยอมเงียบ โต้กลับด้วยข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลทรัมป์ปกปิดเอกสารเกี่ยวกับเจฟฟรีย์ เอปสไตน์ (Jeffrey Epstein) เพราะอาจมีชื่อของทรัมป์เอี่ยวด้วย

ทรัมป์ไม่อยู่เฉย ตอกกลับว่า “มัสก์เสียสติไปแล้ว” พร้อมขู่จะยกเลิกสัญญาและเงินสนับสนุนจากรัฐบาลกลางที่มัสก์ได้รับ ซึ่งมีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ

ไม่เพียงเท่านั้น แบนนอนยังเรียกร้องให้ตรวจสอบสถานะการเข้าเมืองของมัสก์ และเสนอให้เนรเทศออกนอกประเทศทันที แม้จะมีกระแสข่าวว่ามัสก์ถือสัญชาติสหรัฐฯ แล้วในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ ทั้งทำเนียบขาว กระทรวงการคลัง และทีมงานของมัสก์ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต่อกรณีนี้