OPPO ได้นำสมาร์ตโฟน Reno 14 5G ที่เน้นฟีเจอร์ไลฟ์สตรีม เปิดตัวในตลาดประเทศญี่ปุ่น พร้อมกลับมาสานต่อสมาร์ตโฟนในไลน์อัป A ที่เน้นราคาประหยัดอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว Reno 13A ซึ่งพัฒนาต่อเนื่องจาก Reno 11A ที่ได้รับการเปิดตัวเมื่อปี 2024 ที่ผ่านมา และเป็นการรีแบรนด์จาก Reno 13F ที่วางจำหน่า่ยในตลาดบางประเทศตั้งแต่เดือนมกราคม 2025 ที่ผ่านมา

OPPO Reno 13A ได้รับการติดตั้งแผงหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ซึ่งรองรับรีเฟรชเรต 120 Hz (รีเฟรชภาพ 120 ครั้งต่อวินาที) ช่วยให้แสดงการเคลื่อนไหวของภาพได้อย่างนุ่มนวลที่สุด, ความสว่างสูงสุด 1,200 Nit, ป้องกันรอยด้วยกระจก AGC Dragontrail STAR2, ติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้แผงหน้าจอ และกล้องหน้า ความละเอียดสูงถึง 32 ล้านพิกเซล

ด้านหลังตัวเครื่องได้รับการติดตั้งกล้องหลัก ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันภาพสั่น OIS (Optical Image Stabilization) เสริมด้วยกล้อง Ultrawide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมมุมกว้าง 112 องศา และกล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล

OPPO Reno 13A

OPPO Reno 13A ได้ใช้ศักยภาพจากชิปเซตระดับกลางอย่าง Qualcomm Snapdragon 6 Gen 1 ที่มีความเร็วสูงสุด 2.2 GHz ซึ่งจะทำงานร่วมกับแรม LPDDR4X ความจุ 8 GB พร้อมเสริมด้วยแรมเสมือน (Virtual RAM) ได้สูงสุด 16 GB และสตอเรจ UFS 3.1 ความจุ 128 GB พร้อมเสริมด้วย MicroSD Card ได้สูงสุด 1 TB

นอกจากนี้ยังได้รับการติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดความจุ 5,800 mAh ซึ่งรองรับการชาร์จไฟเร็ว 45 W, ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ ColorOS 15 ซึ่งอ้างอิงพื้นฐานจากระบบ Android 15, รองรับการเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 802.11ac, Bluetooth 5.1, NFC และพอร์ต USB-C

OPPO Reno 13A มาพร้อมตัวเครื่องที่มีความบางเพียง 7.8 มม. และหนัก 192 กรัม โดยมีมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68/69 ซึ่งช่วยป้องกันตัวเครื่องในน้ำลึก 1.5 เมตร ได้ 30 นาที และน้ำแรงดันสูงที่อุณหภูมิสูงสุด 80 องศาเซลเซียส

OPPO Reno 13A มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Charcoal Gray, Ice Blue และ Luminous Navy โดยได้รับการวางจำหน่ายในวันที่ 26 มิถุนายน 2025 ในราคา 48,000 เยน หรือประมาณ 10,800 บาท