แฟนๆ Spotify เตรียมเฮได้เลย ! หลังจากรอคอยกันมานานแสนนาน ดูเหมือนว่า Spotify กำลังจะเปิดตัวระบบเสียงคุณภาพสูงแบบ Lossless ที่จะยกระดับประสบการณ์การฟังเพลงของคุณไปอีกขั้น ก่อนหน้านี้ไม่นาน ทั้ง คริส เมสซิน่า จาก TechCrunch และ Spicetify จาก The Verge ได้ตาดีไปเจอโค้ดลับที่ซ่อนอยู่ในแอป Spotify เวอร์ชันเดสก์ท็อปและเว็บเพลเยอร์ ที่มีข้อความอ้างอิงถึง “Lossless” เต็มไปหมด นั่นเป็นสัญญาณแรกที่ทำให้เราตื่นเต้น และที่สำคัญกว่านั้นคือ อารอน เพอริส ได้ยืนยันแล้วว่า แอป Spotify เวอร์ชันเบต้าล่าสุดสำหรับ iPhone ก็มีโค้ดที่เกี่ยวข้องกับ Lossless ซ่อนอยู่ด้วยเช่นกัน งานนี้ของจริงมาแน่

สำหรับใครที่ยังสงสัยว่า Lossless คืออะไร? ง่าย ๆ เลยก็คือ ไฟล์เพลงแบบ Lossless จะเก็บข้อมูลเสียงทั้งหมดจากต้นฉบับเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้คุณได้ยินทุกรายละเอียดของเสียงดนตรีราวกับอยู่ในสตูดิโอ โค้ดที่พบในแอปยังบอกอีกว่า ระบบเสียง Lossless ของ Spotify จะมาพร้อมกับคุณภาพสูงถึง 24-bit ที่ 44.1 kHz โดยมีข้อความระบุชัดเจนว่า

“ขอแนะนำคุณภาพเสียงที่ดีที่สุดบน Spotify สำหรับเพลงที่มีความละเอียดสูงสุดถึง 24-bit/44.1 kHz”

นอกจากนี้ โค้ดยังระบุด้วยว่า คุณสามารถสตรีมหรือดาวน์โหลดเพลง Lossless ได้ในแอป Spotify บน iPhone เลย สะดวกสุด ๆ

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Lucas Shaw จาก Bloomberg ได้รายงานว่า Spotify กำลังวางแผนที่จะเปิดตัวบริการสมัครสมาชิกแบบใหม่ที่มีชื่อว่า “Music Pro” ซึ่งจะนำเสนอเสียงคุณภาพสูงขึ้น เครื่องมือรีมิกซ์ และสิทธิ์เข้าถึงตั๋วคอนเสิร์ตอีกด้วย

แต่ข่าวร้ายก็คือ มีความเป็นไปได้ที่ Spotify อาจจะคิดค่าบริการ Music Pro เพิ่มอีกประมาณ $5.99 ต่อเดือน นอกเหนือจากค่าสมาชิก Spotify Premium ปกติ ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่

แม้จะยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่า Spotify จะเปิดตัว Lossless เมื่อไหร่ แต่รายงานระบุว่าพวกเขาตั้งเป้าที่จะเปิดตัว Music Pro ภายในปีนี้ ที่น่าสนใจคือ Spotify เคยประกาศแผนสำหรับแพ็คเกจ “Hi-Fi” ที่มีเสียง Lossless มาตั้งแต่ปี 2021 ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่ Apple Music เริ่มเปิดให้เพลงส่วนใหญ่ในคลังเป็นแบบ Lossless โดยมีความละเอียดสูงสุดถึง 24-bit/192 kHz และที่สำคัญ Apple Music ให้บริการนี้กับสมาชิกฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ดังนั้น การมาของ Lossless จาก Spotify แม้จะช้ากว่าคู่แข่งอย่าง Apple Music และดูเหมือนจะต้องจ่ายเพิ่ม แต่ก็เป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีที่สุดบนแพลตฟอร์ม Spotify