แม้จะไม่สามารถนำมาเป็นขุมพลังขับเคลื่อนสมาร์ตโฟนเรือธงซีรีส์ Galaxy S25 ที่เปิดตัวเมื่อต้นปี 2025 ได้ทัน แต่ในที่สุด Samsung ได้เปิดตัวชิปเซตระดับเรือธงรุ่นล่าสุดของตน นั่นคือ Exynos 2500 ในช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากกำลังจะเปิดตัวสมาร์ตโฟนพับจอได้ระดับพรีเมียมอย่าง Galaxy Z Flip7 ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2025 นี้

Exynos 2500 ได้รับการติดตั้งทรานซิสเตอร์บนสถานปัตยกรรม GAA (Gate All Around) ระดับ 3 นาโนเมตร ที่มีความล้ำหน้าที่สุดของ Samsung ซึ่งปรัปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และใช้เทคโนโลยีการบรรจุชิปเซตขั้นสูง เรียกว่า Fan-Out Wafer-Level Packaging (FOWLP) ซึ่งช่วยให้ชิปเซตมีความบางลงและกระจายความร้อนในขณะประมวลผลอย่างหนักได้ดีขึ้น

ด้านการประมวลผลนั้น ได้รับการติดตั้งแกนซีพียู (CPU) จำนวน 10 คอร์ (Deca-Core) ในรูปแบบ 1+7 +2 ซึ่งจริง ๆ แล้วได้แบ่งคอร์กลาง (Mid-Core) เป็น 2+5 เพื่อลดการใช้พลังงาน ดังนี้

  • Cortex-X925 ความเร็วสูงสุด 3.30 GHz จำนวน 1 คอร์
  • Cortex-A725 ความเร็วสูงสุด 2.74 GHz จำนวน 2 คอร์
  • Cortex-A725 ความเร็วสูงสุด 2.36 GHz จำนวน 5 คอร์
  • Cortex-A520 ความเร็วสูงสุด 1.80 GHz จำนวน 2 คอร์
Samsung Exynos 2500

Samsung อ้างว่า แกนประมวลผลใหญ่ (Big-Core) นั่นคือ Cortex-X925 มีประสิทธิภาพสูงขึ้น 15% เมื่อเทียบกับ Exynos 2400

ด้านกราฟิกนั้น ได้รับการติดตั้งชิปประมวลผลกราฟิก (GPU) Xclipse 950 ซึ่งเป็นชิปที่มีพื้นฐานบนเทคโนโลยีของ AMD รุ่นที่ 4 โดยได้รับการออกแบบด้วยสถาปัตยกรรม RDNA 3 ของ AMD และเร่งการเรนเดอร์กราฟิกแสงแบบ Ray Tracing ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รวมถึงมาพร้อมกลุ่มหน่วยประมวลผลย่อย (WGP: Work Group Processor) จำนวน 8 ตัว และหน่วยเรนเดอร์แบ็กเอนด์ (RB: Render Backends) อีก 8 ตัว

Samsung กล่าวว่า Exynos 2500 สามารถเรนเดอร์กราฟิกแบบ Ray Tracing ของเกมแนว FPS (First Person Shooting) ได้สูงขึ้น 28% เมื่อเทียบกับชิปกราฟิกใน Exynos 2400 ที่มาพร้อมกลุ่มหน่วยประมวลผลย่อย จำนวน 6 ตัว และหน่วยเรนเดอร์แบ็กเอนด์ จำนวน 4 ตัว

Samsung Exynos 2500

ในส่วนของการประมวลผลด้วย AI นั้น ได้รับการติดตั้งชิปประมวลผลแบบโครงข่ายประสาท (NPU) ที่มีความเร็วสูงขึ้น ซึ่งช่วยให้รองรับการประมวลผลคำสั่งได้สูงสุด 59 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที (TOPS) ส่งผลให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น 39% เมื่อเทียบกับ Exynos 2400

ชิปเซตดังกล่าวยังรองรับการประมวลผลภาพด้วย AI สำหรับเซนเซอร์ภาพความละเอียดสูงสุด 320 ล้านพิกเซล, ถ่ายภาพพร้อมการลด Noise แบบหลายชั้น และบีบอัดช่วงกว้างของไดนามิก (DRC: Dynamic Range Compression) ได้สูงขึ้น, บันทึกวิดีโอ 8K สูงสุด 60 เฟรมต่อวินาที และรองรับการเข้ารหัส AV1

Exynos 2500 ยังรองรับการส่งข้อความส่งข้อความผ่านเครือข่ายดาวเทียม, ติดตั้งชิปโมเดม 5G มาตรฐาน 3GPP Rel. (3rd Generation Partnership Project Release) ซึ่งรองรับความเร็วสูงสุด 9.6 Gbps ในย่านความถี่ FR1 และสูงสุด 12.1 Gbps ในย่านความถี่ FR2 รวมถึงรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 และระบุตำแหน่งด้วยเครือข่ายดาวเทียม GNSS ที่ใช้ในระดับโลก

Samsung Exynos 2500

Samsung กล่าวว่า Exynos 2500 ได้เข้าสู่ขั้นตอนการผลิตอย่างเต็มกำลังแล้ว และคาดว่าจะผลิตได้อย่างเพียงพอสำหรับติดตั้งใน Galaxy Z Flip7 ในขณะที่ Galaxy Z Flip7 FE ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่มีราคาประหยัดมากกว่านั้น จะใช้ศักยภาพจาก Exynos 2400