International Data Corporation หรือ IDC บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลตลาดระดับโลก ได้เปิดเผยรายงานข้อมูลล่าสุด ระบุว่า ตลาดสมาร์ตโฟนทั่วโลกในช่วงไตรมาสที่ 2 (ระหว่างเดือนเมษายน – มิถุนายน) ปี 2025 มียอดจำหน่าย 295.2 ล้านเครื่อง ซึ่งมีการเติบโตเพียง 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ปี 2024 ที่ผ่านมา
นี่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ยากลำบากมากสำหรับผู้ผลิตสมาร์ตโฟน เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจหลายด้าน ยกตัวอย่างเช่น ความผันผวนด้านภาษี, ความไม่เสถียรของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, การว่างงาน และภาวะเงินเฟ้อ เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อความต้องการสมาร์ตโฟนทั่วโลก
นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากความต้องการในประเทศจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดสมาร์ตโฟนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ในระดับไม่น่าพึงพอใจ จึงส่งผลให้ตลาดสมาร์ตโฟนโดยภาพรวมระดับโลกแทบไม่มีการเติบโตในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา

เมื่อแบ่งยอดจำหน่ายสมาร์ตโฟนทั่วโลกออกตามแบรนด์แล้วนั้น ปรากฏว่า Samsung มียอดจำหน่ายประมาณ 58 ล้านเครื่อง ซึ่งคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 19.7% และมีการเติบโตขึ้น 7.9% โดยเป็นผลจากยอดจำหน่ายสมาร์ตโฟนระดับกล่างรุ่นใหม่อย่าง Galaxy A36 และ Galaxy A56 ที่อยู่ในระดับน่าประทับใจ
รองลงมา คือ Apple ซึ่งมียอดจำหน่าย 46.4 ล้านเครื่อง และคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 15.7% ซึ่งถึงแม้ว่าจะมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market : กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา) แต่ยอดจำหน่ายในตลาดประเทศจีนลดลง 1% แม้จะอยู่ในช่วงเทศกาลลดราคาสินค้าครั้งใหญ่กลางปีก็ตาม ซึ่งส่งผลให้ยอดจำหน่ายทั่วโลกมีการเติบโตเพียง 1.5% เท่านั้น
ลำดับที่ 3 คือ Xiaomi ซึ่งมียอดจำหน่าย 42.5 ล้านเครื่อง คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 14.4% และมีการเติบโตเพียง 0.6% เท่านั้น ตามมาด้วย vivo ซึ่งมียอดจำหน่าย 27.1 ล้านเครื่อง คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 9.2% และมีการเติบโต 4.8%

ในขณะที่ Transsion แบรนด์สมาร์ตโฟนจากประเทศจีนที่เน้นตลาดในแอฟริกาและตะวันออกกลาง โดยมีแบรนด์ลูกได้แก่ Infinix, Tecno และ itel อยู่ในอันดับที่ 5 ด้วยยอดจำหน่าย 25.1 ล้านเครื่อง ซึ่งคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 8.5% และมีการเติบโตลดลง -1.7%
แม้จะเผชิญความยากลำบากบนความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ แต่นักวิเคราะห์ของ IDC มองว่าตลาดสมาร์ตโฟนทั่วโลกยังคงมีการเติบโตในเชิงบวก และคาดว่าจะมีการขยายตัวขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้