ข่าวใหญ่สะเทือนวงการฟาสต์แฟชั่น เมื่อ SHEIN ยักษ์ใหญ่จากสิงคโปร์ ถูกหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของฝรั่งเศส (CNIL) สั่งปรับเป็นเงินมหาศาลถึง 150 ล้านยูโร (ประมาณ 6,400 ล้านบาท) จากการใช้คุกกี้ (Cookies) บนเว็บไซต์อย่างไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการเก็บคุกกี้แม้ผู้ใช้ปฏิเสธ สื่อถึงการไม่เคารพทางเลือกของผู้ใช้ แม้ SHEIN จะออกมาโต้แย้งและเตรียมยื่นอุทธรณ์ แต่เหตุการณ์นี้ได้จุดประกายคำถามสำคัญที่ใกล้ตัวเราทุกคนมากกว่าที่คิด

ทำไมการใช้คุกกี้โดยไม่ยินยอมถึงเป็นเรื่องใหญ่ ?

หลายคนอาจเคยเห็นคุกกี้ผ่านตา เวลาเข้าเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ป็อปอัปขึ้นมาบนหน้าเว็บไซต์ ให้เรากดยอมรับหรือปฏิเสธ คุกกี้เป็นไฟล์ข้อมูลเล็ก ๆ ที่ช่วยให้เว็บไซต์จดจำเราได้ ซึ่งส่วนหนึ่งถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้และข้อมูลทางการตลาด เพื่อยิงโฆษณาตามพฤติกรรมหรือความสนใจของเรา การแอบติดตั้งคุกกี้โดยที่ผู้ใช้ไม่ได้ยินยอมหรือปฏิเสธไปแล้ว เลยเหมือนถูกสตอล์กดูพฤติกรรมโดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งผลกระทบที่ตามมาอาจมากกว่าความรำคาญจากโฆษณา

  1. การสูญเสียอำนาจในการควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล : กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (GDPR) ของสหภาพยุโรปคือการคืนอำนาจให้ผู้บริโภค โดยคุกกี้สามารถบันทึกพฤติกรรมการเข้าชมเว็บไซต์ของเราได้อย่างละเอียด ตั้งแต่สินค้าที่คลิกดู, เวลาที่ใช้ในแต่ละหน้า, ไปจนถึงความสนใจส่วนตัว กลายเป็นโปรไฟล์ดิจิทัล การบังคับใช้คุกกี้จึงเท่ากับการปล้นชิงสิทธิ์ในการตัดสินใจว่าใครสามารถติดตามและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตดิจิทัลของเราได้บ้าง
  2. การตกเป็นเป้าของการตลาดที่ชี้นำและอาจบิดเบือน : ข้อมูลที่คุกกี้รวบรวมไปไม่ได้มีไว้แค่แสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้อง แต่มันถูกใช้เพื่อสร้างแคมเปญการตลาดที่ปรับตามความสนใจของเรา เช่น การแสดงโฆษณาสินค้าที่เราเพิ่งค้นหาซ้ำ ๆ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ สิ่งนี้นำไปสู่การบริโภคเกินความจำเป็น และในบางกรณีอาจสร้างฟองสบู่ข้อมูล (Filter Bubble) ที่บิดเบือนการรับรู้ของเราให้เห็นแต่สิ่งที่อัลกอริทึมอยากให้เราเห็น

สำหรับแบรนด์แล้ว การละเมิดคำปฏิเสธคุกกี้ของผู้ใช้นับว่าเป็นการทำลายความไว้วางใจของผู้บริโภค ซึ่งในระยะยาวจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ได้

กรณีของ SHEIN เมื่อ “ไม่” ไม่ได้แปลว่า “ไม่”

สิ่งที่หน่วยงาน CNIL ของฝรั่งเศสตรวจพบในการทดสอบเว็บไซต์ SHEIN เมื่อเดือนสิงหาคม 2023 คือแม้ผู้ใช้จะเลือกปฏิเสธการใช้คุกกี้ แต่กลับพบว่ายังมีคุกกี้บางส่วนถูกติดตั้งลงบนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้อยู่ดี CNIL ระบุว่าขนาดของค่าปรับที่สูงลิ่วนี้พิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า SHEIN เพิกเฉยต่อข้อบังคับหลายข้อ ทั้งการติดตั้งคุกกี้โดยไม่ได้รับความยินยอม, การไม่เคารพทางเลือกของผู้ใช้ และการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องชัดเจน โดย SHEIN มีผู้เข้าชมในฝรั่งเศสสูงถึง 12 ล้านคนต่อเดือน

แน่นอนว่าทาง SHEIN ได้ออกมาโต้แย้งคำตัดสินนี้ โดยบอกว่าค่าปรับนั้นไม่ได้สัดส่วน และอาจมีแรงจูงใจทางการเมืองแฝงอยู่ พร้อมยืนยันว่าบริษัทได้ให้ความร่วมมือกับ CNIL มาโดยตลอดและได้ปรับปรุงแนวปฏิบัติด้านการคุ้มครองข้อมูลให้สอดคล้องกับกฎระเบียบแล้ว

อย่างไรก็ตาม ค่าปรับ 150 ล้านยูโรนี้ คิดเป็นประมาณ 2% ของรายได้ SHEIN ในยุโรปปี 2023 แม้ว่าคดีความนี้ยังไม่สิ้นสุด แต่ยุคของการเก็บข้อมูลผู้ใช้โดยปราศจากการยินยอมอาจกำลังจะสิ้นสุดลง พร้อมกับความตระหนักรู้ของผู้ใช้ และมาตรการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแลข้อมูลดิจิทัลของประชาชน