Xiaomi ได้จัดเวนต์ที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี เพื่อเปิดตัวสมาร์ตโฟนระดับพรีเมียมในซีรีส์ T นั่นคือ 15T Pro ในระดับโลกอย่างเป็นทางการ ซึ่งใช้เลนส์ Leica ช่วยยกระดับการถ่ายภาพ, อัปเกรดการเชื่อมต่อ และทำงานบน HyperOS 3 ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุดของ Xiaomi
Xiaomi 15T Pro ได้รับการติดตั้งแผงหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.83 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (2,772 x 1,280 พิกเซล) ซึ่งมีความสว่างสูงสุด 3,200 Nit, รองรับรีเฟรชเรต 144 Hz, ใช้เทคโนโลยี LIPO ทำให้ขอบจอบางลงมาอยู่ 1.5 มม. เมื่อมอบประสบการณ์การรับชมอย่างดื่มด่ำมากขึ้น และลดการฉายแสงสีฟ้า/ปราศจากการกระพริบหนาจอ ตามมาตรฐานของ TÜV Rheinland เพื่อลดความเมื่อยล้าของดวงตาจากการใช้งานอย่างยาวนาน

ด้านฮาร์ดแวร์ภายในตัวเครื่อง ได้ใช้ศักยภาพจากชิปเซต MediaTek Dimensity 9400+ ที่ได้รับการผลิตด้วยเทคโนโลยี 3 นาโนเมตร, ซีพียูมีความเร็วสูงสุด 3.73 GHz, ชิปกราฟิก Immortalis-G925 MC12 และชิป NPU 890 เร่งการประมวลผลด้วย AI ให้เร็วขึ้น ซึ่งทำงานรวมกับแรม ความจุ 12 GB และสตอเรจ UFS 4.1 ความจุสูงสุด 1 TB
นอกจากนี้ยังได้รับการติดตั้งแบตเตอรี่ ความจุ 5,500 mAh ซึ่งรองรับเทคโนโลยี HyperCharge ชาร์จไฟเร็ว 90 W, ชาร์จไฟไร้สาย 50 W และระบบ 3D IceLoop ของ Xiaomi ช่วยให้ลดความร้อนภายในตัวเครื่องได้ดีขึ้น

ฮาร์ดแวร์ทรงพลังนี้ ได้รับการติดตั้งภายใต้บอดีที่มีความบาง 7.96 มม., หนัก 210 กรัม, ป้องกันรอยด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 7i และมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68 ช่วยป้องกันตัวเครื่องในน้ำลึกสุด 3 เมตร และโครงสร้างตัวเครื่องได้รับการผลิตด้วยวัสดุอะลูมิเนียมอัลลอย 6M13 ที่มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น


ด้านระบบถ่ายภาพนั้น ได้รับการติดตั้งกล้อง ดังนี้
- กล้องหลัก เลนส์ Leica Summilux, เซนเซอร์ภาพ Light Fusion 900 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
- กล้องซูม เลนส์ Leica ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, ซูมแบบไม่เสียความละเอียดด้วยเลนส์ได้ 5 เท่า, ซูมแบบไม่เสียความละเอียดด้วยซอฟต์แวร์+เลนส์ ได้ 10 เท่า, ซูมดิจิทัลด้วยซอฟต์แวร์ได้ 20 เท่า
- กล้อง Ultrawide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล

ระบบกล้องดังกล่าวได้ใช้ศักยภาพจากเทคโนโลยี Xiaomi AISP 2.0 พร้อมด้วย PortraitLM 2.0 และ ColorLM 2.0 ช่วยปรับปรุงการเก็บรายละเอียดความลึกของภาพ, สี และคอนทราสต์ให้สูงขึ้น รวมถึงโหมด Master Portrait ช่วยเพิ่มเอฟเฟกต์ Bokeh ได้หลายสไตล์ และโหมด Leica Street Photography ซึ่งช่วยให้ถ่ายภาพบนหน้าจอล็อกได้ทันที โดยมีระยะโฟกัสที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้า ตั้งแต่ 28 – 135 มม.
สำหรับการบันทึกวิดีโอนั้น รองรับการบันทึกวิดีโอ HDR10+ ความละเอียด 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที ในทุกความยาวโฟกัส, วิดีโอสโลว์โมชัน 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที, บันทึกวิดีโอ 8K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที และบันทึกในรูปแบบ Log บนค่าสี 10 บิต เพื่อนำไปปรับแต่งภายหลังได้

Xiaomi 15T Pro ทำงานบนซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ HyperOS 3 ที่ได้รับการปรับปรุงอินเทอร์เฟสใหม่, ทำงานหลายด้านพร้อมกันได้เร็วขึ้น, พร้อมฟีเจอร์ AI ขุมพลัง HyperAI ที่ Xiaomi พัฒนาขึ้น และปรับปรุงการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์อื่น ๆ ของ Xiaomi ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7 และ Bluetooth 6.0, รองรับ NFC, เทคโนโลยี Xiaomi Astral Communication และ Xiaomi Offline Communication ช่วยให้โทรด้วยเสียงระหว่าง Xiaomi 15T Pro สองเครื่อง ในระยะ 1.9 กม. ได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือเซลลูลาร์

Xiaomi 15T Pro มีด้วยกัน 3 สี ได้แก่ สีดำ, สีเทา และ Mocha Gold พร้อมราคาดังนี้
- 12 GB + 256 GB : 799.90 ยูโร หรือประมาณ 30,100 บาท
- 12 GB + 512 GB : 899.90 ยูโร หรือประมาณ 33,900 บาท
- 12 GB + 1 TB : 999.90 ยูโร หรือประมาณ 37,700 บาท

