เมื่อเดือนกันยายน 2025 ที่ผ่านมา มีรายงานว่า Nokia ได้ขยายข้อตกลงการใช้สิทธิร่วมกับ HMD Global ออกไปอีกหลายปี ซึ่งส่งผลให้ HMD Global สามารถผลิตและจัดจำหน่ายฟีเจอร์โฟนแบรนด์ Nokia ต่อไปได้ ในขณะที่ Nokia เองก็จะคงบทบาทสำคัญในตลาดฟีเจอร์โฟนระดับโลกต่อไปได้เช่นกัน

ล่าสุดทั้ง HMD Global และ Nokia กำลังสานต่อธุรกิจร่วมกันด้วยการเดินหน้าพัฒนาฟีเจอร์โฟนรุ่นใหม่ที่เน้นความทนทน และมาพร้อมแป้นกดขนาดใหญ่

ทั้งนี้ ทิปสเตอร์นามว่า HMD_MEME’S (@smashx_60) ได้โพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X เปิดเผยว่าทั้ง 2 บริษัท กำลังพัฒนา Nokia 800 Tough รุ่นที่ 2 ภายหลังจากเปิดตัวรุ่นแรกไปเมื่อปี 2019 และจะยังคงเน้นที่ความทนทานเช่นเดิม

Nokia 800 Tough _render
ภาพเรนเดอร์ Nokia 800 Tough รุ่นที่ 2

รายงานดังกล่าวอ้างว่า Nokia 800 Tough รุ่นที่ 2 จะได้รับการปรับเปลี่ยนดีไซน์เพียงเล็กน้อย, เปลี่ยนจากพอร์ต microUSB ในรุ่นแรก มาเป็น USB-C และอัปเกรดซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ KiaOS 2.5.2 มาเป็น KiaOS 3.1 แทน

ทิปสเตอร์ยังได้เปิดเผยภาพเรนเดอร์ของ Nokia 800 Tough รุ่นที่ 2 ซึ่งมีรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับรุ่นแรกมาก โดยยังคงมาพร้อมกล้องหลัง จำนวน 1 ตัว, แฟลช LED และตะแกรงลำโพง

นอกจากนี้ คาดว่า Nokia 800 Tough รุ่นที่ 2 จะมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68 ซึ่งช่วยป้องกันตัวเครื่องในน้ำลึก 1.5 เมตร นาน 30 นาที และมาตรฐานความทนทานเกรดกองทัพ MIL-STD-810G ซึ่งรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น อุณหภูมิสูง-ต่ำมาก, ฝน, ทราย และแรงสั่นสะเทือน เป็นต้น เช่นเดียวกับรุ่นแรกด้วย

Nokia 800 Tough
Nokia 800 Tough รุ่นที่ 1 (2019)

สำหรับสเปกด้านอื่น ๆ นั้น คาดว่าจะจะใกล้เคียงกับ Nokia 800 Tough รุ่นแรกเช่นกัน ดังนี้

  • หน้าจอ TFT ขนาด 2.4 นิ้ว ความละเอียด 240 x 320 พิกเซล
  • ชิปเซต Qualcomm Snapdragon 205, 28 นาโนเมตร, ความเร็วสูงสุด 1.1 GHz (ซีพียู Cortex-A7), ชิปกราฟิก Adreno 304
  • รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE
  • แรม ความจุ 512 MB
  • สตอเรจ ความจุ 4 GB
  • กล้องหลัง ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
  • แบตเตอรี่ ความจุ 2,100 mAh
  • ตัวรับคลื่นวิทยุ FM

สำหรับราคานั้น คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ Nokia 800 Tough รุ่นแรกที่เปิดตัวเมื่อปี 2019 นั้น มีราคาอยู่ที่ 110 ยูโร หรือประมาณ 4,200 บาท