สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) กำลังจะปล่อยดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (Starlink) V2 Mini ไปยังวงโคจรระดับต่ำของโลกเพิ่มอีกจำนวน 22 ดวง ในภารกิจ Group 6-5 ที่ขับดันโดยจรวด Falcon 9 ออกจากแท่นปล่อยจรวด SLC-40 ที่สถานีกองทัพอากาศแหลมคะแนเวอรัล รัฐฟลอริดา ในวันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน เวลา 4:36 a.m. ET (15:36 น. ในประเทศไทย) ภารกิจนี้จะเป็นเที่ยวบินที่ 44 ของจรวด Falcon 9 และภารกิจครั้งที่ 46 ของสเปซเอ็กซ์ในปี 2023

ล่าสุด ณ วันที่ 8 กรกฎาคม สเปซเอ็กซ์มีดาวเทียมสตาร์ลิงก์อยู่ในวงโครที่ 4,411 ดวง ซึ่งเป็นดาวเทียม Starlink V2 Mini ที่อยู่ในวงโคจรจำนวน 76 ดวง ทำงานผิดปกติก่อนที่จะถึงวงโคจร 10 ดวง ซึ่งมาจากภารกิจ Group 6-16-26-3 และ 6-4 ดังนั้นเมื่อภารกิจนี้สำเร็จก็จะทำให้สเปซเอ็กซ์มี Starlink V2 Mini อยู่ในวงโคจรเพิ่มขึ้นเป็น 98 ดวง และมีดาวเทียมในวงโคจรทั้งหมด 4,433 ดวง

ภารกิจ Group 6-5 เป็นการปล่อยดาวเทียม Starlink V2 Mini ที่อยู่ในกลุ่มหรือเชลล์ 6 มีวงโคจรอยู่ที่ 530 กิโลเมตร มุมเอียง 43 องศา ทั้งนี้ V2 Mini ได้ถูกลดขนาดลงจากรุ่น V2 เพื่อให้รองรับการขนส่งด้วยจรวด Falcon 9 เนื่องจากรุ่น V2 มีขนาดใหญ่จะต้องขนส่งด้วยยานสตาร์ชิปที่กำลังพัฒนาอยู่ในขณะนี้

ดาวเทียม Starlink V2 Mini มีเสาอากาศอาร์เรย์ที่ทรงพลังมากขึ้นและใช้ความถี่ย่าน E-band สําหรับ backhaul (เชื่อมต่อระหว่างโหนด) ซึ่งจะทําให้ดาวเทียมแต่ละดวงสามารถให้ความจุมากกว่า Starlink v1.0 และ v1.5 ได้ถึง 4 เท่า

ภารกิจนี้จะใช้บูสเตอร์ B1058 ขึ้นบินเป็นครั้งที่ 16 สำหรับนำกลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า โดยได้ผ่านภารกิจ Demo-2 ส่ง 2 นักบินอวกาศสหรัฐฯ ไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ, ภารกิจปล่อยดาวเทียมทางการทหารของเกาหลีใต้ ANASIS-II, ภารกิจ CRS-21 ปล่อยยานอวกาศ Dragon 2 ส่งเสบียงไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ, ภารกิจ Transporter-1 และ 3 ปล่อยดาวเทียมจำนวนมากในเที่ยวบินเดียว และถ้านับครั้งนี้จะเป็นการปล่อยดาวเทียมสตาร์ลิงก์ครั้งที่ 11

หลังจากจรวด Falcon 9 ถูกปล่อยขึ้นไปประมาณ 2 นาทีครึ่ง บูสเตอร์ B1058 จะแยกตัวกลับมาลงจอดบนเรือโดรน Just Read the Instructions ที่จอดรออยู่ในสมุทรแอตแลนติกในเวลาประมาณนาทีที่ 9 หลังจากปล่อยจรวด

ที่มา : spacex.com และ nextspaceflight.com

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส