มือใหม่อยากเล่นมาทำความรู้จัก Dragon Quest ภาคหลักที่คุณควรหามาเล่น

ถ้าใครที่ติดตามวงการเกมมาตลอดจะทราบดีว่าทาง ‘Square Enix’ ได้จัดงาน ‘Dragon Quest 35th Anniversary’ ที่มีการเปิดตัวเกมในซีรีส์ ‘Dragon Quest’ ออกมาอย่างมากมาย แต่สิ่งที่ทำให้แฟน ๆ ตื่นเต้นมาที่สุดนั่นคือการเปิดตัวเกม ‘Dragon Quest XII The Flames of Fate’ ที่ทางทีมพัฒนาบอกว่าภาคนี้จะมืดมนกว่าทุกภาคที่ผ่านมา(เอาจริง ๆ ซีรีส์นี้ก็มืดมนแอบโหดอยู่ทุกภาคอยู่แล้ว) ส่วนอีกหนึ่งจุดสำคัญที่แฟน ๆ ของซีรีส์ตื่นเต้นไม่แพ้ภาคใหม่ นั่นคือการกลับมาของ ‘Dragon Quest lll’ ที่เอามาทำใหม่อีกครั้งในรูปแบบ HD ในเกม ‘Dragon Quest III HD-2D Remake’ ที่เอาใจแฟนรุ่นเก่า ขณะที่นักเล่นเกมรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้จักเกมนี้ว่ามันน่าสนใจขนาดไหน วันนี้เราเลยไปรวบรวมข้อมูล ‘Dragon Quest’ ภาคหลักทั้ง 10 ภาคมาให้มือใหม่ที่อยากเล่นเกมนี้ได้รู้จักกัน พอเกมออกมาจะได้เล่นเกมเหล่านี้ได้สนุกขึ้น ส่วนแฟนเก่าก็จะได้รำลึกอดีตในวันวานกันอีกครั้ง โดยเราจะเรียงลำดับจากเกมที่มือใหม่ควรเล่น โดยเริ่มจากภาคล่าสุดลงมา เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจและหามาเล่นสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มรู้จักซีรีส์นี้ ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมาดูกันเลย

จุดกำเนิดเกม Dragon Quest

Dragon Quest

ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาเรามาทำความรู้จักเกมซีรีส์ ‘Dragon Quest’ กันก่อน โดยต้องย้อนเวลากลับไปราว ๆ 35 ปีที่แล้วในช่วงปี 1986 เกม RPG หรือเกมสวมบทบาทที่บ้านเรารู้จักในชื่อเกมภาษาเกมแรก ๆ ของญี่ปุ่นได้วางจำหน่ายในชื่อว่า ‘Dragon Quest’ บนเครื่องเกม ‘Famicom’ โดยมียูจิ โฮะริอิ (Yuji Horii) เป็นผู้คิดค้นออกแบบเนื้อเรื่องและตัวเกม ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเคยมีชื่อเสียงจากการสร้างเกมแนวสืบสวนในชื่อ ‘The Portopia Serial Murder Case’ โดยเกม ‘Dragon Quest’ นั้นได้แรงบันดาลใจจากเกมแนว RPG ของต่างประเทศอย่าง ‘Wizardry’ มาเป็นต้นแบบ โดยตัดความยุ่งยากในการใส่คำสั่งและเลือกสิ่งต่าง ๆ ออกไป เพื่อให้ง่ายต่อการเล่นสำหรับมือใหม่ รวมถึงการบอกใบ้เส้นทางผ่านตัวละครในเกมแทนที่จะต้องพึ่งแต่คู่มือในการเล่นที่ยุ่งยาก จนเมื่อเกมเริ่มเป็นรูปร่างขึ้นมาก็ได้นักเขียนการ์ตูนชื่อดังอย่าง อากิระ โทริยาม่า (Akira Toriyama) ที่กำลังโด่งดังกับการ์ตูนซีรีส์ ‘Dragon Ball’ มาช่วยออกแบบตัวละครและสัตว์ประหลาดในเกม และได้นักแต่งเพลงชื่อดังอย่างโคอิจิ ซุงิยามะ (Koichi Sugiyama) มาแต่เพลงให้จนได้เกมในตำนานเกมนี้ขึ้นมา ซึ่งในปัจจุบันทั้งสามยังร่วมมือกันสร้างผลงานกันเรื่อยมาจนถึงภาคล่าสุด

‘Wizardry

Dragon Quest Xl

Dragon Quest 11

เริ่มต้นเกมแรกในซีรีส์ที่น่าจะจับต้องได้ง่ายที่สุด สำหรับมือใหม่ที่อยากเล่นเกมนี้เป็นครั้งแรก นั่นคือ ‘Dragon Quest Xl’ เพราะถ้าคุณเล่นเกมนี้แล้วชื่นชอบในเนื้อเรื่องระบบการควบคุมและสิ่งต่าง ๆ ในเกมนี้ คุณก็สามารถจะเล่นเกมในซีรีส์ ‘Dragon Quest’ ภาคอื่น ๆ ได้ สำหรับคนที่ไม่รู้จักเกม ‘Dragon Quest Xl’ คือเกมภาคล่าสุดของซีรีส์ (นับเฉพาะที่ตัวเลขภาคหลัก) ที่บอกเล่าเรื่องราวของผู้กล้าที่จะกำเนิดขึ้นมาบนโลก ซึ่งจอมมารที่รู้ถึงการกำเนิดของผู้กล้าจึงชิงลงมือฆ่าผู้กล้าตั้งแต่ยังเด็กทารก แต่ด้วยชะตาฟ้ากำหนดผู้กล้าจึงเติบโตขึ้นมาและออกเดินทางเพื่อกำจัดราชาปีศาจ ซึ่งระหว่างทางนั้นเขาต้องช่วยเหลือผู้คนและได้พบเพื่อนร่วมทีมมากมาย และเห็นเนื้อเรื่องเรียบ ๆ แบบนี้แต่เนื้อหาภายในนั้นกลับซับซ้อนมีมิติที่เรียกว่าต้องมานั่งคิดกันเลยว่าอะไรคืออะไร กับการเดินทางข้ามเวลาไปเปลี่ยนอดีตที่เดาทางไม่ถูกเลยว่าเนื้อเรื่องจะไปทางไหน บอกเลยว่า ‘Dragon Quest’ ภาคนี้เป็นหนึ่งในภาคที่มีเนื้อเรื่องดีที่สุดในซีรีส์เลย

Dragon Quest 11

ในส่วนของกราฟิกนั้นบอกเลยว่าสวยงามสมยุคจนแฟน ๆ ‘Dragon Quest’ ต่างแทบไม่เชื่อสายตาว่าเกมนี้จะสวยงามขนาดนี้ เพราะเกมในซีรีส์นี้จะเน้นที่เนื้อเรื่องกับระบบการเล่นมากกว่ากราฟิก แต่ในภาคนี้คือความดีงามที่ลงตัว ในส่วนของระบบการเล่นก็เป็นการเลือกคำสั่งให้ตัวละครเพื่อพลัดกันโจมตีศัตรู ที่แต่ละตัวละครก็จะมีพลังความสามารถที่ต่างกันไปตามการเลือกใส่ท่าและอาวุธที่สวมใส่ โดยแต่ละคนนั้นจะถูกำหนดเป็นอาชีพต่าง ๆ ในซีรีส์ที่แฟนเก่าคุ้นเคย แต่มือใหม่ก็สามารถเข้าใจระบบได้ในทันทีที่เล่น ทั้งการเลือกคำสั่งใช้ท่าต่าง ๆ รวมถึงการสวมใส่อาวุธชุดเกราะ ตารางเพิ่มพลังความสามารถให้ตัวละคร ไปจนถึงการหาวัตถุดิบมาสร้างอาวุธที่เป็นจุดเด่นของเกมนี้ก็เข้าถึงง่าย ใครที่สนใจก็ลองหามาเล่นกันได้เพราะมีทั้งบน ‘PC’, ‘Nintendo 3DS’, ‘Nintendo Switch’ และ ‘Playstation 4’ ในรูปแบบฉบับสมบูรณ์ที่เพิ่มเติมหลาย ๆ อย่างในเกมในชื่อ ‘Dragon Quest Xl S Echoes of an Elusive Age’ ตอนซื้อก็ดูดี ๆ ก่อนเดี๋ยวไปได้ภาคแบบเก่ามาจะไม่คุ้มค่า

Dragon Quest 11

Dragon Quest lX

Dragon Quest 9

มากันที่ภาคต่อของซีรีส์ ‘Dragon Quest’ ในภาคที่ 9 ของตำนานตามหามังกร (ภาคที่สิบจะเป็นรูปแบบเกมออนไลน์ที่บ้านเราเข้าไปเล่นไม่ได้จึงไม่ขอเอามาพูดถึง) โดยภาคนี้จะถูกทำลงบนเครื่องเกมพกพาอย่าง ‘Nintendo DS’ ในปี 2009 ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงเอาเกมนี้มาลงบนเครื่องพกพา ทำไมไม่เอาลงบนเครื่อง ‘Playstation 3’ นั่นก็เพราะเกมซีรีส์นี้จะเลือกลงเฉพาะเครื่องเกมที่ขายดีที่สุดในตลาดช่วงนั้นเป็นหลัก โดยในภาคนี้จะบอกเล่าเรื่องราวที่ต่างกับภาคก่อน ๆ ของซีรีส์ เพราะเราจะไม่ใช่มนุษย์ที่เกิดมาเป็นผู้กล้าเหมือนคนอื่น แต่เราจะเป็นเทวทูตที่เรียกว่า ‘Celestrians’ ที่ตามเก็บรวบผลไม้ ‘Fygg Yggdrasil’ แต่วันหนึ่งได้มีพลังบางอย่างมาทำลายต้นไม้จนผลไม้ตกลงไปบนโลก เราที่เป็นเทวทูตตกสวรรค์จึงต้องออกไปไปรวบรวมผลไม้คืนมา และหาต้นตอของสิ่งที่เกิดขึ้นว่ามาจากอะไร

Dragon Quest 9

ในส่วนของตัวเกมนั้นแม้จะเป็นเครื่องพกพา แต่ตัวเกมก็พยายามใส่กราฟิกที่มีสีสันสดใสลงไปเพื่อชดเชยแทนภาพที่ไม่ค่อยชัด โดยภาคนี้จะเป็นครั้งแรกที่เราสามารถสร้างตัวละครผู้กล้าเองได้ ว่าจะหน้าตาแบบไหนตัวสูงเตี้ยไปจนถึงถึงทรงผมและเพศของตัวละคร นอกจากนี้ตัวเกมยังอ้างอิงระบบการเล่นของ ‘Dragon Quest lll’ ในการเลือกเพื่อนร่วมทีมที่มีหลากหลายอาชีพ ซึ่งเราก็สามารถสร้างเพื่อน ๆ ขึ้นมาได้ด้วย อีกหนึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจคือการสวมใส่ชุดเกราะอาวุธที่ซื้อตามร้าน เราจะได้เห็นตัวละครเหล่านั้นสวมใส่ได้ด้วย ในส่วนของระบบการเล่นภาคนี้ก็จะเน้นที่ความเรียบง่ายไม่ซับซ้อน ซึ่งความสนุกของเกมนี้คือการหาอาชีพใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มความสามารถให้ตัวละคร กับเนื้อเรื่องที่สนุกน่าติดตามที่ในอดีตนั้นเมื่อเราเล่นจบแล้วก็สามารถโหลดไปรับภารกิจเนื้อเรื่องเล่นต่อได้ แต่ตอนนี้ไม่สามารถโหลดได้แล้ว ในส่วนของตัวเกมภาคนี้ยังมีให้เล่นแค่บน ‘Nintendo DS’ เท่านั้น อนาคตก็หวังว่าจะได้เห็นการ Remake เกมนี้แบบภาคอื่น ๆ ในอนาคต

Dragon Quest 9