ช่วงนี้เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ทำอะไรก็ดูติดขัดไปซะหมด เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาตั้งแต่จำนวนสมาชิกที่ลดลง ไปจนถึงการปลดพนักงานออกหลายตำแหน่ง ตอนนี้มีข้อมูลใหม่ออกมาเปิดเผยอีกว่าแผนกเกมของบริษัทก็กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ยังไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะได้รึเปล่าด้วย

บริษัทวิเคราะห์แอปพลิเคชัน Apptopia ได้เสนอข้อมูลที่น่าตกใจ (และน่าสนใจ) ในจำนวนสมาชิก 221 ล้านคนของเน็ตฟลิกซ์นั้น มีน้อยกว่า 1% เท่านั้นที่เล่นเกมที่สร้างโดยบริษัทอยู่ ถ้าให้บอกตัวเลขที่ชัดเจนคืออยู่ที่ราว ๆ 1.7 ล้านคนเท่านั้นที่ยังเปิดเกมของเน็ตฟลิกซ์มาเล่นตั้งแต่เปิดตัวไปเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนเมื่อปี 2021

เมื่อถามผู้ใช้งานเน็ตฟลิกซ์ “หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเน็ตฟลิกซ์มีเกมให้เล่นด้วย”

สถิติที่น่าสนใจอีกอันหนึ่งที่ควรหยิบมาเสริมคือที่จริงแล้วเกมของเน็ตฟลิกซ์ถูกดาวน์โหลดไป 23.3 ล้านครั้งตลอดช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ถือว่ามากกว่า 10% ของจำนวนสมาชิกซะอีก แต่ปัญหาคือหลังจากโหลดไปแล้วกลับมีน้อยคนนักที่จะหยิบขึ้นมาเล่นแบบจริง ๆ จัง ๆ (ผู้เขียนคือหนึ่งในนั้น)

ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ? ทำไมเน็ตฟลิกซ์ถึงไม่สามารถโน้มน้าวให้สมาชิกที่โหลดเกมไปแล้วเล่นได้กัน? มันมีเหตุผลหลายอย่างเลยทีเดียว

อย่างแรก (และน่าจะชัดเจนที่สุดด้วย) คือว่าเกมของเน็ตฟลิกซ์ไม่ได้มีให้เล่นทุกที่ ข้อมูลจากเว็บไซต์ของพวกเขาบอกว่าต้องเป็น iPhone, iPad หรือ iPod Touch ที่มี iOS 15 ขึ้นไป และสมาร์ตโฟน Android หรือแท็บเล็ตที่มี Android 8.0 ขึ้นไป ปัญหามันอยู่ที่สมาชิกส่วนใหญ่ดูเน็ตฟลิกซ์บนทีวีครับ ข้อมูลจากเว็บไซต์ Finances Online บอกว่าคนกลุ่มนี้มีมากถึง 70% เลยทีเดียว และมีเพียง 10% เท่านั้นที่ดูผ่านสมาร์ตโฟน จึงไม่แปลกใจว่านี่เป็นเหตุผลหลักและมันก็ทำให้เกมไม่ได้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ กลายเป็นว่าหลายคนไม่รู้ว่ามีเน็ตฟลิกซ์มีเกมด้วยซ้ำ

ปัญหาต่อมาคือเรื่องจำนวนและคุณภาพของเกมครับ เมื่อมีเกมให้เลือกไม่เยอะคุณภาพไม่เจ๋งพอ คนเล่นแป๊บหนึ่งก็เลิก ตอนนี้มีประมาณ 26 เกม บางเกมก็สนุกดีอย่าง ‘Stranger Things 1984’ หรือ ‘Stranger Things 3 : The Game’ ที่พยายามพึ่งพาชื่อเสียงของซีรีส์ ‘Stranger Things’ ให้คนสนใจ แต่มันกลับไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่ เกมมันไม่ได้แย่ แต่มันก็ไม่ได้ดี ถ้าไม่ใช่แฟนซีรีส์ก็คงไม่เล่น ส่วนเกมอื่น ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ ไม่ได้เป็นเกมที่ ‘Must Play’ ต้องเล่นไม่งั้นคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง

ไม่เหมือนกับสตูดิโอใหญ่ ๆ อย่าง Nintendo, Microsoft, Sony หรือบริษัทผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาเกมอื่น ๆ บนแพลตฟอร์มอย่าง Switch, XBox, PlayStation หรือแม้แต่สตรีมมิงเกมอย่าง Amazon Luna และ Google Stardia ที่มีเกมให้เลือกเยอะมาก ๆ ตอนนี้เน็ตฟลิกซ์แทบไม่มีทางแข่งกับเจ้าอื่น ๆ ได้เลย

สำนักข่าว The Washington Post เปิดเผยว่าเน็ตฟลิกซ์ยังคงกัดฟันเดินหน้าต่อ เป้าหมายคือการสร้างเกมเพิ่มให้มากขึ้นเป็นสองเท่าภายในสิ้นปีนี้ โดยแน่นอนว่าจะมีเกมอ้างอิงจากซีรีส์ดังอย่าง ‘The Queen’s Gambit’ และ ‘Shadow and Bone’ เข้ามาเพิ่ม แถมยังควบรวมสตูดิโอสร้างเกมอีกสามแห่งเพื่อขยายขอบเขตของเกมให้เยอะขึ้น นอกจากนั้นยังดึงตัว ลีแอน ลูมบ์ (Leanne Loombe) อดีตผู้ดูแล Riot Games (เจ้าของเกมดังอย่าง League of Legends) และ ไมค์ เวอร์ดู (Mike Vrdu) อดีตรองผู้บริหารระดับสูงของ EA Mobiles และ Oculus ของ Facebook มาร่วมทีมเพื่อนำแผนกเกมให้เติบโตขึ้นตามที่วางเป้าหมายเอาไว้ด้วย

ถึงตอนนี้ยังไม่มีเกมไหนของเน็ตฟลิกซ์ที่ถือว่าฮิตจนสามารถดึงลูกค้าให้เข้ามาเป็นสมาชิกเพียงเพื่อจะเล่นเกมได้ คงใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะไปถึงตรงนั้น

การแข่งขันในอุตสาหกรรมเกมว่าเดือดแล้ว ยังต้องรับมือกับคู่แข่งที่ไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันที่แข็งแกร่งมาก ๆ อย่าง TikTok อีกด้วย เพราะเน็ตฟลิกซ์ไม่ได้แข่งกับสตูดิโอเกมอื่น ๆ เพื่อเวลาอันแสนมีค่าของผู้ใช้งานเท่านั้น พวกเขายังต้องแข่งกับโซเชียลมีเดียที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดในตอนนี้ด้วย

เน็ตฟลิกซ์อาจพูดได้ว่าพวกเขามีสมาชิกกว่า 221 ล้านคนทั่วโลก มันเป็นตัวเลขที่น่าภูมิใจก็จริง แต่มันดูน้อยไปทันทีเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ใช้งาน TikTok ที่ราว ๆ 1,400 ล้านคนทุกเดือนตั้งแต่ต้นปี 2022 เป็นต้นมา ในยุคที่การแข่งขันเพื่อแย่งชิงความสนใจของผู้ใช้งาน วิดีโอสั้นที่เน้นเรื่องความสนุกและเสพได้ง่ายกลายเป็นคู่แข่งในรูปแบบที่เน็ตฟลิกซ์อาจไม่ทันคาดคิด เพราะในเมื่อพวกเขาวางตัวเองไว้ว่าเป็นเกมบนสมาร์ตโฟน ผู้ใช้งานทุกคนก็สามารถเลือกได้ว่าจะใช้เวลาให้ตัวเองสนุกสนานยังไง และ TikTok ก็กลายเป็นตัวเลือกระดับต้น ๆ ไปแล้ว

นี่เป็นจุดจบเกมโอเวอร์แล้วรึเปล่าสำหรับการทำเกมของเน็ตฟลิกซ์ คิดว่าน่าจะยังเห็นการดิ้นรนสู้ต่อไปอีกพักใหญ่ กว่า Amazon หรือ Google จะเริ่มสร้างฐานลูกค้าของตัวเองในเกมสตรีมมิงได้ก็ไม่ง่าย ต้องสร้างเกมที่น่าดึงดูดมากพอให้คนสามารถเล่นได้แบบไม่ติดขัด การรองรับเกมบนสมาร์ตทีวีแล้วใช้มือถือควบคุมก็อาจช่วยขยายฐานผู้เล่นมากขึ้นได้ พวกเขายังมีจำนวนสมาชิกอยู่ในมือไม่น้อยที่พร้อมจะลอง ต่อไปในอนาคตเมื่อระบบสมาชิกแบบดูคอนเทนต์มีโฆษณาพร้อม ก็อาจจะช่วยทำให้เกมได้รับความนิยมมากขึ้นไปด้วย

ต้องยอมรับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ไม่ดีนักสำหรับเน็ตฟลิกซ์ พวกเขาน่าจะทำได้ดีกว่านี้กับจำนวนสมาชิกในมือ แต่นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วและคงแก้ไขอะไรไม่ได้ ตอนนี้ก็ได้แต่ลุ้นว่าเกมของเน็ตฟลิกซ์จะกลายเป็นเครื่องจักรทำเงินและสร้างสมาชิกใหม่ ๆ เหมือนอย่างที่หวังได้ไหม หรือจะกลายเป็นเหมือนกับซีรีส์เน็ตฟลิกซ์หลาย ๆ เรื่องที่ฉายไปซีซั่นหนึ่งแล้วเรตติงไม่ดี สุดท้ายก็ไม่ได้ไปต่อ เราต้องรอดูกันครับ

อ้างอิง

TechRadar 1 CNBC
TechRadar 2 The Washington Post
Finances Onilne Amazon Luna
Demand Sage Google Stadia

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส