เข้าสู่เดือนแรกของปี 2022 กับการเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ ๆ ของใครหลายคน ขณะที่หลายอย่างที่ค้างคาจากปีที่แล้วก็ยังคงมีอยู่ เราก็หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นในปีนี้ และเมื่อพูดถึงวงการเกมเรามักจะคิดถึงเกมที่เล่นสนุก เกมที่ให้เรารู้สึกหัวร้อนหรือเครียดเมื่อเล่นไม่ผ่าน แต่โดยรวมแล้ววิดีโอเกมก็คือความบันเทิงที่หลายคนขาดไม่ได้ ซึ่งที่ใดมีด้านสว่างก็ต้องมีด้านมืด ที่บางครั้งในวิดีโอเกมก็มีด้านมืดชนิดที่ว่ามืดจนมิด หรือไม่เหมาะกับเด็ก ๆ ไปจนถึงคนทั่วไปเลยก็มี ซึ่งในต่างประเทศนั้นมีการจำกัดอายุคนซื้อเกม แต่ในบางประเทศโดยเฉพาะในบ้านเราที่ไม่มีสิ่งนี้  การที่เด็กจะซื้อเกมที่รุนแรงมาก ๆ จึงเกิดขึ้นบ่อยซึ่งแน่นอนว่าการเล่นเกมโหด ๆ ไม่ได้ทำให้เราไปหยิบมีดมาฟันคนตามในเกม แต่ก็อย่าลืมว่าบางอย่างก็ควรมีขอบเขต อะไรที่มันรุนแรงไปก็ไม่ควรเอามาใส่อยู่ดี และบางครั้งเราที่ซื้อเกมมาก็ไม่รู้ว่าจะมีฉากเหล่านี้อยู่ในเกม แถมบางทีระบบเกมมันก็บังคับให้เราคนเล่นทำความรุนแรง หรือเรื่องเพศใส่ตัวละครในเกมทั้งที่ไม่เต็มใจก็มีอยู่ในหลายเกม และนี่คือ 10 เกมที่มีความรุนแรงไม่เหมาะสมเกินไปและบังคับผู้เล่นให้ทำโดยไม่เต็มใจ จะมีอะไรบ้างนั้นมาดูไปพร้อมกันเลย

คำเตือน เนื้อหาในบทความมีเรื่องเพศความรุนแรงโปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสิน

การฆ่าหมา จากเกม The Last of Us Part II

The Last of Us Part II

เริ่มต้นเรื่องแรกที่ทำเอาใครหลายคนรู้สึกแย่ตอนเล่นเกม ‘The Last of Us Part II’ ที่ถ้าไม่นับเนื้อเรื่องที่เราต้องทนเห็นตัวละครหลักที่เรารักตายแล้ว การเล่นเกมนี้ยังบีบหัวใจคนเล่นเกมที่รักสัตว์อีกด้วย กับการที่เราต้องฆ่าน้องหมาในเกมนี้ ซึ่งเอาจริง ๆ การฆ่าหมาในเกมมันคือเรื่องปกติ เพราะถ้าไม่ฆ่ามันก็จะวิ่งมามาทำร้ายเราซึ่งมันก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร แต่ในเกมนี้เนื้อหาหลายส่วนมันพยายามผูกปมให้เรารักน้องหมาเหล่านั้น ยกตัวอย่าง อลิซ (Alice) หมาเพศเมียที่ แอ๊บบี้ (Abby) ได้เจอในเนื้อเรื่องของเธอ ที่เราจะได้เห็นความน่ารักและเล่นกับอลิซในหลาย ๆ ฉาก แถมมันยังช่วยเราในภารกิจต่าง ๆ ก่อนที่ทางผู้พัฒนาเกมจะใจร้ายให้เราควบคุมเป็น เอลลี่ (Ellie) เพื่อฆ่ามันกับมือตามเนื้อเรื่อง นี่ยังไม่นับการฆ่าน้องหมา NPC ตัวอื่น ๆ ด้วย ที่พอหมาตายเจ้าของหมาจะมานั่งร้องไห้และเรียกชื่อหมาของตนด้วยความเศร้า เรียกว่าทำร้ายจิตใจคนรักหมาแบบสุด ๆ ถ้าจะมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราเกลียดเกมนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องนี้

The Last of Us Part II

ทรมานคน จากเกม Grand Theft Auto V

Grand Theft Auto V

มาต่อกันที่เกมซึ่งมักเป็นประเด็นของสังคมทั้งในบ้านเราและต่างประเทศ กับเกมในซีรีส์ ‘Grand Theft Auto’ ที่เรียกว่าไม่มีภาคไหนที่ไม่มีประเด็นให้พูดถึง เพราะตัวเนื้อหาของเกมนี้คือการขายความรุนแรงทางเพศ การใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสำหรับเด็กอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่เกมนี้จะถูกยกมาพูดถึงเป็นเกมแรก ๆ แต่ก็มีฉากหนึ่งที่มันดูจะล้ำเส้นที่คนเล่นเกมจะรับได้มากเกินไป กับฉากการทรมานตัวละครในภารกิจ ‘By the Book’ ที่เราจะได้ควบคุม เทรเวอร์ (Trevor) เพื่อทรมานตัวละครด้วยเครื่องมือต่าง ๆ ที่เราสามารถเลือกได้ด้วยตัวเองว่าจะให้ตัวละคร NPC เจ็บปวดขนาดไหน ซึ่งแต่ละอย่างที่ทำนั้นเรียกว่าโหดมาก ๆ จนคนเล่นเกมต่างประเทศยังทนกับการล้ำเส้นตรงนี้ไม่ไหว จนเป็นข่าวอยู่ช่วงหนึ่งเลยทีเดียว

Grand Theft Auto V

ทำไปได้นะเกมแบบนี้ จากเกม Custer’s Revenge

 Custer's Revenge

ถ้าคุณคิดว่าเรื่องความรุนแรงเพศการใช้ภาษา มันเพิ่งจะมีในเกมยุคนี้เพราะกราฟิกเกมที่สมจริงกว่าสมัยก่อนคุณคิดผิด เพราะในอดีตสมัยที่เกมยังเป็นแค่เม็ดสีจุด ๆ มาเรียงกันอย่างบนเครื่อง ‘Atari 2600’ ก็มีเกมที่เกี่ยวกับเรื่องเพศและการเหยียดเชื้อชาติเกิดขึ้นแล้ว กับเกม ‘Custer’s Revenge’ ที่เราจะได้เล่นเป็น นายพล อาร์มสตรอง คัสเตอร์ (General Armstrong Custer) ที่เปลือยกายเพื่อไปหาหญิงอเมริกันพื้นเมืองเปลือยที่ผูกติดอยู่กับเสา ซึ่งระหว่างทางเราต้องหลบสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ที่ตัวเกมแม้จะดูไม่ค่อยออกว่ามันเป็นยังไง  แต่โดยรวมมันก็คือการเหยียดเชื้อชาติและเรื่องเพศอย่างชัดเจน เพราะนายพลอาร์มสตรอง คัสเตอร์ก็มีตัวตนจริง ๆ ในประวัติศาสตร์ ที่เขายกพลมาทำลายชาวพื้นเมืองในปี 1876 แค่รู้ว่ามีและมันเคยเกิดขึ้นก็พอไม่ต้องไปหามาเล่นให้เสียเวลา เพราะต่างประเทศก็ไม่พอใจกับเกมนี้

 Custer's Revenge

ตัดแขนตัดขา จากเกม Ninja Gaiden II

Ninja Gaiden II

อีกหนึ่งสิ่งที่คนเล่นเกมส่วนมากต้องการ นั่นคือความสมจริงที่เหมือนในโลกปกติเป็น  โดยเฉพาะฉากการฆ่าการตายของ NPC ซึ่งส่วนมากนักพัฒนาเกมจะพยายามหลีกเลี่ยง หรือจงใจไม่ใส่ลงไปอย่างบาดแผลหรือเครื่องในอวัยวะที่ไหลออกมาหลังการโจมตี ที่มันดูสมจริงและน่ากลัวเกินไป จนอาจจะทำให้เกมถูกจัดในหมวดหมู่ความรุนแรงที่มันจะทำให้ยอดขายตก  แต่บางเกมที่นักพัฒนาเขาตั้งใจจงใจทำเพื่อให้มันมาอยู่ในจุดนี้ก็มี อย่างเช่นเกม ‘Ninja Gaiden II’ ที่ตัวเกมนั้นจะให้เรารับบทเป็นนินจาที่ใช้อาวุธมีคมฟาดฟันศัตรู ที่แน่นอนว่าด้วยความคมและแรงตัดของพระเอก ร่างกายของศัตรูจึงขาดกระเด็นกระจัดกระจายเต็มฉาก ที่แรก ๆ เล่นมันก็สนุกดีแต่พอเล่นไปมาก ๆ เข้าเห็นเยอะ ๆ เข้ามันก็รู้สึกแปลก ๆ แถมกว่าตัว NPC จะตายก็จะดิ้นรนต่อสู้ต่อบ้าง บางตัวก็หนีทั้งที่แขนขาขาดไปแล้ว เรียกว่าเล่นไปเอียนไปเลยทีเดียว จนเราต้องตั้งคำถามว่าความรุนแรงที่สมจริงและมากไปมันก็ใช่ว่าจะดี

Ninja Gaiden II

มาเป็นฆาตกรโรคจิตกับวิธีฆ่าสุดโหด จากเกม Manhunt

Manhunt

อย่างที่คนเล่นเกมเคยบอกคนที่ไม่ได้เล่นเกมมาตลอดว่า “การเล่นเกมไม่ได้สร้างความก้าวร้าวให้เราอยากเอาปืนเอามีดไปไล่ฆ่าคน” แต่ความรุนแรงที่บางทีมันก็มากเกินโหดดิบไปมันก็ดูไม่ดีเหมือนกัน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในเกม ‘Manhunt’ เกมที่เราจะได้รับบทเป็นชายที่พยายามเอาชีวิตรอดจากคนที่จะมาฆ่าตน ซึ่งความโหดโรคจิตของเกมนี้คือวิธีฆ่าคนแบบโหดดิบ ชนิดที่เรียกว่าการจับคนปาดคอตัดชิ้นส่วนตัวละคร หรือแทงกันไส้ไหลเป็นเรื่องปกติไปเลยเมื่อเล่นเกมนี้ เพราะวิธีการฆ่าของตัวละครในเกมนี้เรียกว่าเข้าขั้นโรคจิต ที่กว่าเราจะสังหารเหยื่อให้ตาย ตัวละคร NPC ต้องโดนทรมานแบบสาหัสด้วยความเจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นการเอาถุงพลาสติกมาคลุมหัวให้ขาดอากาศ แล้วกระทืบซ้ำก่อนจะเอาขวดแตกมาแทกควักลูกตาออกมาอะไรแบบนั้น เรียกว่าเข้าขั้นโรคจิตชนิดที่ว่าถ้าเกมนี้มีภาคต่อและเอาความโรคจิตนี้มาสานต่อ ตัวเกมคงได้รับการจัดอันดับให้อยู่จุดสูงสุดอย่าง ‘AO’ หรือ ‘Adults Only’ และห้ามวางจำหน่ายในหลายประเทศอย่างแน่นอน ซึ่งเกมซีรีส์ ‘Manhunt’ ทุกภาคก็อยู่ในการจัดหมวดหมู่นี้ แบบเล่นแล้วชวนจิตตกแบบแปลก ๆ เลยทีเดียว

Manhunt

ฉากมีอะไรกับหญิงสาว  จากเกม God of War 

God of War 

ย้อนเวลากลับไปสมัยที่เฮียโล้นซ่าฆ่าทวยเทพอย่างเกม ‘God of War’ ภาคแรกวางจำหน่าย สมัยนั้นระบบอินเทอร์เน็ตยังไม่ทันสมัยเท่าตอนนี้ และการรับรู้ข่าวสารก็มาจากนิตยสารเกมเป็นหลัก เมื่อพ่อแม่ที่ซื้อเครื่อง ‘PlayStation 2’ มาให้ลูกเล่นก็คงไม่รู้เรื่องนี้ บวกกับคำชมจากร้านขายเกมที่บอกว่าเกมนี้สนุกมาก ๆ (ขายพร้อมเกม) พอซื้อมาเล่นไปไม่นาน เราก็จะได้เจอฉากสาวสวยเปลือยอกนอนรอเฮียโล้นอยู่ พร้อมฉากที่ถูกตัดออกไปเป็นมุมมองอื่นกับการกดปุ่ม ‘Quick Time Events’ ที่มาพร้อมเสียงร้องของสาว ๆ ที่บังคับให้เราต้องเล่น (จะข้ามก็ได้แต่หลายคนที่ไม่รู้ก็คงต้องกดไปดูแน่นอน) ซึ่งนั่นคือการยัดเยียดเรื่องเพศและความไม่เหมาะสมในเกม ซึ่งในหลายประเทศที่ไม่จำกัดอายุคนซื้อคนเล่นเกมแบบไทยมันดูไม่ค่อยเหมาะสมเอาเสียเลย

God of War 

การสังหารหมู่ที่สนามบิน จากเกม Call of Duty Modern Warfare 2

Call of Duty Modern Warfare 2

เมื่อพูดถึงการเล่นเกมเรามักจะคิดถึงความสนุกตื่นเต้น มีหัวร้อนมีความกลัวมีความรู้สึกกดดันระหว่างเล่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ความบันเทิงทั้งหลายควรมี แต่การยัดเยียดความรู้สึกสะเทือนใจตอนเล่นมันคือสิ่งที่นักพัฒนาเกมไม่ควรใส่ลงไปเกม ซึ่งแน่นอนว่าตอนซื้อเกมเราก็ไม่รู้ว่าจะต้องเจอฉากเหล่านี้ หนึ่งในนั้นคือการควบคุมเป็นตัวละครในเกม ‘Call of Duty Modern Warfare 2’ ที่เราต้องรับบทเป็นสายลับ CIA เพื่อแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มผู้ก่อการร้ายรัสเซียในภารกิจ ‘No Russian’ ซึ่งสิ่งที่เกมบังคับให้เราทำนั้นคือการกราดยิงผู้คนในสนามบิน ที่แม้เราจะรู้ว่ามันคือเกมการยิงคนในเกมมันคือเรื่องปกติ แต่เมื่อสิ่งนี้มันไปเหมือนกับสิ่งที่ผู้ก่อการร้ายในชีวิตจริงเคยทำ มันจึงเป็นการยัดเยียดความรู้สึกแย่ให้คนที่รับรู้ข่าวสาร หรือเคยได้รับผลกระทบกับการก่อการร้ายมา ได้รับรู้ความรู้สึกสะเทือนใจแบบนั้นอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว ยกตัวอย่างเหยื่อหรือญาติที่ผ่านเหตุการณ์ทหารกราดยิงคนในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินัล 21 มาเล่นฉากนี้จะรู้สึกอย่างไร ซ้ำร้ายตัวเกมยังบังคับให้เราต้องยิงคน (ไม่ยิงไม่ได้ด้วย) ใครที่เคยเล่นมาแล้วน่าจะเข้าใจความรู้สึกกดดันนี้

Call of Duty Modern Warfare 2

มาเป็นผู้คุมทรมานคนกันเถอะ จากเกม Chiller

Chiller

ถ้าคุณคิดว่าเกม ‘Custer’s Revenge’ คือเกมเก่าที่มีปัญหาเรื่องเพศความรุนแรงและเหยียดเชื้อชาติแล้ว มาดูอีกหนึ่งเกมเก่าที่มีความรุนแรงเต็มที่ไม่ต่างกัน ซึ่งถ้าเป็นยุคนี้คงได้การจัดความรุนแรงให้หมวด ‘AO’ ไปแบบไม่ยากเย็น กับเกม ‘Chiller’ บนเครื่อง ‘Nintendo Entertainment System’ หรือ ‘NES’ กับเกมตู้ในปี 1990 ที่เราจะได้รับบทเป็นผู้คุมที่ต้องทรมานนักโทษ ให้มีความเจ็บปวดทรมานที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ยิ่งตัวละครเจ็บปวดทรมานตายช้าเรายิ่งได้คะแนนเยอะ ผ่านเครื่องมือต่าง ๆ ที่ในแต่ละด่านก็จะเป็นฉากและเครื่องมือที่ใช้ทรมานคน ที่อ้างอิงมาจากเครื่องมือทรมานจริง ๆ ในอดีตมาให้เล่น นอกจากนี้ตัวเกมยังมีโหมดการเอาชีวิตรอด ที่เราต้องไปตามจับผู้โชคร้ายมาทรมาน ตัวเกมค่อนข้างรุนแรงแม้จะเป็นกราฟิกแบบเม็ดสีเรียง ๆ กันก็ตาม บอกเลยรูปที่เราเอามาให้ดูเป็นแค่ส่วนเดียวจากทั้งหมด และไม่ต้องไปหาซื้อหาเล่นเพราะไม่มีใครเอามาให้เล่นกันหรอกเกมโหดดิบแบบนี้ ขนาดในต่างประเทศยังรับไม่ได้กับเกมรุนแรงแบบนี้ แค่รู้ว่าเคยมีเกมแบบนี้อยู่ก็พอ

Chiller

จะเหมาะหรือ จากเกม Mario Teaches Typing

Mario Teaches Typing

ในยุคอดีตการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ให้เก่งและเป็น ด่านแรกที่เราต้องเจอเลยคือการฝึกใช้แป้นพิมพ์ให้เป็น ที่ขนาดมีการเรียนการสอนแบบจริงจังกันเลยทีเดียว ซึ่งถ้าใครไม่มีเวลาไปเรียนก็มีเกมที่ออกมาสอนใช้แป้นพิมพ์ออกมามากมาย หนึ่งในนั้นคือเกม ‘Mario Teaches Typing’ ที่จะมาในรูปแบบของเกมเพื่อฝึกเราให้กดแป้นพิมพ์ให้เป็น ซึ่งประเด็นไม่ได้อยู่ที่ตัวเกม แต่อยู่ที่ตัวละครอย่างลุงหนวด มาริโอ้ ( Mario) ที่ต่างชาติมองว่ามันดูไม่เหมาะสม และไม่ควรทำที่เอาตัวละครในเกมที่พูดได้แค่เพียงไม่กี่ประโยคอย่าง “It’s-a me Mario!” มาเป็นคนสอนเด็ก ๆ แถมในเกมยังมีรูปถุงมือที่เหมือนเป็นการบอกเด็ก ๆ ให้สวมถุงมือเพื่อพิมพ์ ซึ่งความเป็นจริงมันเกะกะมาก ๆ และไม่เหมาะสม ซึ่งในบ้านเราอาจจะดูไม่เป็นประเด็น แต่ต่างประเทศตอนนั้นจริงจังมาก ๆ และมองว่าสิ่งนี้คือการยัดเยียดให้เด็ก ๆ ที่กำลังเรียนฝึกใช้คอมพิวเตอร์ทำตาม

Mario Teaches Typing

Mod Hot Coffee จากเกม Grand Theft Auto San Andreas

Grand Theft Auto San Andreas

ปิดท้ายกับเกมซีรีส์ ‘Grand Theft Auto’ อีกครั้ง กับเกม ‘Grand Theft Auto San Andreas’ ที่ในอดีตเกมนี้เคยถูกจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่ม ‘AO’ มาก่อน เมื่อมีคนไปค้นพบภารกิจที่ชื่อว่า ‘Hot Coffee mod’ ซ่อนอยู่ในตัวเกม ซึ่งสำหรับคนที่ยังไม่เคยเล่นเกมภาคนี้เราจะได้รับบทเป็น ซีเจ (CJ) ตัวละครผิวสีที่ให้ความอิสระกับเราไม่ต่างกับเกม ‘GTA’ ภาคอื่น ๆ แต่ที่เกมภาคนี้เป็นประเด็นในยุคนั้น ก็เพราะมีคนดันไปเจอตัวเกมที่ถูกนำออกไปจากเกมหลักที่เรียกว่า ‘Hot Coffee mod’ ซึ่งเป็นภารกิจที่เราสามารถจีบสาว และพาตัวละครสาว NPC ตัวนั้นไปมีอะไรกันได้ ซึ่งสิ่งที่ทำให้เกมนี้เป็นประเด็นเพราะมันดันมีฉากมีอะไรกันของตัวละครอย่างชัดเจน ซึ่งแม้ตัวเกมจริง ๆ จะถูกตัดภารกิจนี้ไปแล้ว แต่ในเกมก็ยังหลงเหลืออยู่ และมีคนเอามันออกมาให้เล่นได้ผ่านการแก้ไขตัวเกม ร้อนถึงทาง ‘Rockstar’ ต้องขอเรียกคือแผ่นพร้อมแถมเงินให้คนที่ยอมคืนแผ่นเกมนี้ และเอาแผ่นเกมชุดใหม่ที่ลบส่วนนี้ออกไปแล้วมาขายใหม่อีกครั้ง ซึ่งกว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติก็เล่นเอาเสียหายไปมากมาย เพราะหลายประเทศได้ห้ามเกมนี้วางขาย จนเมื่อทุกอย่างแก้ไขจึงเอามาขายได้ตามปกติ เรียกว่าล้ำเส้นเกินไปจริง ๆ คราวนี้

Grand Theft Auto San Andreas

ก็จบกันไปแล้วกับ 10 เกมที่ไม่เหมาะสมและยัดเยียดคนเล่นให้ทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศความรุนแรงที่มันดูมากเกินไป จนแม้แต่คนเล่นเกมด้วยกันเองได้เล่นหรือมาเห็นก็มองว่ามันไม่ดีและไม่ควรมีอยู่ในเกม หรือถ้ามีก็ควรตัดเบี่ยงฉากหรือลดลงไปจะดีที่สุด ซึ่งแม้ในต่างประเทศจะมีการจำกัดอายุคนซื้อก็ยังมีประเด็นขนาดนี้ แต่ในหลายประเทศที่ไม่จำกัดอายุคนซื้อแบบในบ้านเรา ถ้าเด็ก ๆ มาเล่นจะเป็นอย่างไร เพราะขนาดผู้ใหญ่ที่เล่นเกมยังรับไม่ไหวกับความรุนแรงขนาดนี้เลย ซึ่งนั่นคือเป้าหมายของบทความนี้ ที่ต้องการบอกคนที่เล่นเกมหรือไม่ได้เล่นให้ทราบว่า แม้เกมจะไม่ทำให้เกิดความรุนแรง แต่บางอย่างมันก็มากเกินไปจนรับไหวก็มีอยู่ ซึ่งถ้าลูกหลานคุณกำลังเล่นหรือมีเกมเหล่านี้อยู่ก็ให้คำแนะนำและดูแลดี ๆ เพราะเด็กสมัยนี้ฉลาด การสอนบอกอะไรพวกเขาจะรับฟัง มากกว่าการดุด่าห้ามนั่นนี่จะยิ่งยุเด็กให้สนใจสิ่งนั้นมากขึ้น ในฐานะผู้ใหญ่ที่เล่นเกมต้องเข้าใจเด็ก ๆ กับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ยังไงก็ฝากให้ทุกคนเอาไปคิด เพราะเด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ที่เล่นเกมในวันหน้านั่นเอง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส