หลังจบงาน Sharing Digital Experience By CS Loxinfo คุณหนุ่ย-พงศ์สุขได้กลั่นความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในงาน และโพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัว ทีมงานเว็บแบไต๋เห็นว่าบทความชิ้นนี้น่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทำงานได้จึงขอคัดมาลงเว็บแบไต๋ครับ

วันนี้ (4 ก.พ. 2559) ผมและทีมได้ทุ่มเทแรงกายและเวลาทั้งวันให้กับการ “กลับไปรับจ้างจัดงาน” ธุรกิจที่หลายท่านคงจำได้ว่าผมพากเพียรทำมา 10 ปีเต็มๆ จนเลิกไปเพราะสุดท้ายค้นพบเรื่องเศร้า 2-3 ประการคือ

  1. เป็นธุรกิจที่มีโปรดักส์คือ”คน”
  2. “คน”นี่แหละเป็นโปรดักส์ที่น่ากลัวที่สุด
  3. เรากำลังแก่ลง ไม่พร้อมต่อการเอาก้านสมองไปแช่ไว้กับความเครียด เครียดเพื่อให้งานเสร็จสมบูรณ์ที่สุดตามนิสัยไม่ยอมอะไรง่ายๆ ซึ่งมันกลับกลายมาทำร้ายสุขภาพเราเอง

และที่สำคัญผมค้นพบว่าสิ่งที่ผมกำลังทำมันไม่ใช่ธุรกิจ แต่มันคือการ “รับจ้างในนามบริษัท” เท่านั้น… ธุรกิจที่แท้จริงเราต้องสร้างแบรนด์สร้างโปรดักส์เป็นของตนเองได้ เพื่อที่ตอนเหนื่อยแล้วจะได้พักได้บ้างเมื่อมันออกดอกออกผลเป็นรางวัลจากความเพียรพยายาม แต่นี่กรูต้องเพียรพยายามทุกงาน ไล่ฆ่าศัตรูเป็นนักดาบวิ่งโร่ออกสนามไปก่อน สร้างวิมานให้คนอื่นฟินแต่เราเริ่มไม่ฟินด้วยระบบการค้าที่ไม่เป็นธรรมคือ “ดึงเช็ค” เราจ่ายไปก่อน ทำเสร็จก็ต้องทุบมันทิ้งแล้วไปรอวางบิลเก็บเงินเค้าภายหลัง บวกกับระยะหลังมีเหตุผลกระปอดกระแปดอย่าง “เบื่อสุงสิงกับคน” …แก่แล้ว…จะให้มานั่งทรีตคนแบบทุกคนคือพระเจ้าก็ไม่ไหว เผอิญเจอพระเจ้าตัวจริงแล้ว จึงอยากรีไทร์จากการที่ต้องเจอใครแล้วชวนคุยแต่เรื่องงานเพื่อจะหาทางเอาเงินเขาตลอด.. อยากหาคนคุยด้วยที่ไม่ต้องคุยแต่เรื่องงานบ้าง

 ลือกันเลยเถิดว่าผม “เลิกรับงานพิธีกรอีเว้นต์” ซึ่งนี่ก็ยิ่งไม่จริงใหญ่

ห้า-หกปีที่ผมร้างลางานด้านนี้ไป โดยไม่ได้หวนคิดถึงทั้งสิ้นแล้วก็ไม่ได้เสียดายการตัดสินใจ .. มีข่าวลือผิดๆบ้างเช่นผม “รวยแล้วเลิก” ซึ่งไม่จริง (ถ้ารวยจริงต้องได้เป็น ‪#‎KingOfLifeStyle‬ อย่างคุณฟลุ๊คไปแล้วครับ) ซึ่งนอกจากลือผิด ก็ลือกันเลยเถิดว่าผม “เลิกรับงานพิธีกรอีเว้นต์” ซึ่งนี่ก็ยิ่งไม่จริงใหญ่ เนื่องจากสาเหตุที่เปิดบริษัทรับจ้างจัดงานเมื่อ 15 ปีก่อนก็เพราะ “ชอบเป็นพิธีกร” อยากเป็นพิธีกรแต่ตอนโนเนมชีวิตมันไม่ง่าย จะให้วิ่งไปเร่ขายโปรไฟล์ตนก็หน้าบาง จึงต้องเปิดบริษัทบังหน้าแล้วบอกเค้าว่า “ผมจัดงานให้พร้อมเป็นพิธีกรให้ได้ด้วย” … พอเลิกรับจ้างจัด ผมก็ยังดำเนินธุรกิจในนามเดิมแต่เปลี่ยนมาสร้างสรรค์คอนเท้นต์ของตัวเองเพื่อสะสมทรัพย์สินทางปัญญาไว้ให้ลูกหลาน สร้างแบรนด์งานมหกรรมประจำปีที่มี Trademark ที่สำคัญกว่าตัวบุคคล (เผื่อตาย ลูกหลานยังได้มีหม้อมีไหไว้จับปลาต่อได้)

…ส่วนงานพิธีกรนั้นตนเองปวารณาตัวเป็น “วัตถุดิบคุณภาพดี” ให้ผู้จัดคนอื่นๆหยิบเอาไปใช้ได้เลย.. เรียกใช้สอยได้ เทคิวให้ได้ ตกลงราคากับคุณตุ๊กได้ ผมก็ไป ร่างกายผมให้เป็นธุรกิจของคุณตุ๊กแล้ว ใครเจรจาค้าขายกับคุณตุ๊กเรียบร้อยผมก็จะเป็น”สินค้าที่ไปส่ง”ให้ในวันนั้น และไม่ขอรู้ค่าตัวตนเองก่อนขึ้นเวทีด้วยเพื่อที่จะได้ “ทำเต็มที่จริงๆให้กับทุกงาน”…ทำแบบนี้เรื่อยมาจนคิดว่าชีวิตลงตัวแล้วและพอใจกับสถานภาพนี้ ไม่จำเป็นต้องดังขึ้นอีกแล้วหรือต้องมีข่าวฉาวใดๆ ให้สังคมคิดถึง ..ผมไม่ต้องการเลย ผมอยู่แบบนี้สบายแล้ว

CSlox-anan

ปรากฏงาน Sharing Digital Experience By CS Loxinfo วันนี้ที่โรงละครอักษรา คิงพาวเวอร์ ผมเผือกต้องคืนคำ กลับไปทำการ “รับจ้างจัดงาน” เฉกเช่นอดีตอันเคยรุ่งโรจน์แต่ปิดตำนานแล้ว… เหตุเพราะ “ลูกค้าเก่า” ที่มีบุญคุณกันแต่ครั้งเค้ายังสาว ได้ “บังคับให้รับงาน” ..ไม่ได้ขอร้องกันดีๆนะครับ เรียกว่า “สั่ง” เลยดีกว่า แถมสั่งงานล่วงหน้ากันเกือบปีนึง เตรียมงานให้นานเกินจนเกือบลืม และต้องหมั่นหันไปถามทีมงานว่าไอ้งานนี้สรุปมันจัดไปรึยังวะ? ทำไมมันเตรียมโปรดักชั่นนานจัง…

เอาเป็นว่าเล่าสั้นๆ ดีกว่า เพราะนี่มันคือการโพสต์ลงเฟซบุ๊ก ไม่ใช่การพิมพ์หนังสือพ็อกเก็ตบุ๊ก! … งานวันนี้เริ่ม 14.00 สิ้นสุด 17.41 น. ผมไปให้ตั้งแต่ก่อน 8โมงเช้า และคลุกตัวร่วมหัวจมท้ายอยู่ในโรงละครจนถึงช่วงเก็บข้าวของแยกย้าย (ช่วงเวลาคุณภาพที่ทำเราเห็นคุณค่าในหัวใจคนได้เสมอ) … ลูกค้า (เคย) สาวท่านนั้น ท่านที่เห็นผมมาแต่เด็กๆ เห็นผมกับตุ๊กจับมือกันครั้งแรกๆ จนมีลูกสาวเดินพล่านหาแผลทุกวี่วันแล้ว (และจนเค้าก็มีลูกโตเป็นหนุ่มสาวแล้ว) เสร็จงานเธอก็ได้เดินมากอดผมและ …”เธอร้องไห้” …ร้องไห้แบบฟูมฟาย ไม่ใช่ด้วยอารมณ์ยกภูเขาออกจากอกหรือสลัดความเครียดได้ แต่เธอร้องไห้แบบคนพบ “ความดีงาม” ..เนื้องานอีเว้นต์ในวันนี้ที่ผมพูดให้ตามเนื้อผ้าว่า “โคตรเป็นงานที่ดีงาม” …ทุกคนทำได้ดี ทำได้ดีกว่าซ้อม เทคนิครันคิวสมูธไม่มีอะไรผิดพลาด แถม “คนดูมีอารมณ์ร่วมตลอดเวลา” และคนดูได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ผมในฐานะคนทำงานพูดคือ “เสียงฮาครืน” ที่ส่งกลับมาให้ตลอด …

 เสร็จงานเธอก็ได้เดินมากอดผมและ “เธอร้องไห้” ร้องไห้ฟูมฟาย แต่ร้องไห้แบบคนพบ “ความดีงาม”

พี่เล็ก (ผมเผยนามลูกค้าสาวรายนี้แล้วนะครับ) เธอทำงานคุมบังเหียนด้าน Marketing ที่ CS Loxinfo มาหลายปี มีความรักบริษัทมาก แต่ก็ต้องทำงานภายใต้ข้อจำกัดของบริษัทคือ “ไม่มาร์เก็ตติ้งจ๋า” หน้าที่เธอคือขายของดีเลิศแบบถ่อมเนื้อถ่อมตัว ขายแบบเงียบๆ (ขายแบบงงๆ ด้วยนะบางที) บริษัทมีกำไรนะ เพราะเห็นปันผลกันทุกปี แต่เธอต้องเห็นช้างขี้ไม่ขี้ตามช้าง เพราะถ้าเธอทำมาร์เก็ตติ้งจ๋าก็เท่ากับเธอออกไปเผาเงินแข่งกับยักษ์ที่มีพ่อขายเป็ดไก่ สู้ยังไงก็สู้เค้าไม่ได้ …เธอจึงต้องข่มความครีเอทีฟในตัวเธอไว้นับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งเธอก็เข้าใจบริษัทดี … แต่กับงานนี้ งานที่เธอชวนผมเข้าไปร่วมคิดด้วยตั้งแต่ในห้องประชุมที่มีแค่คำว่า “อยาก จัด งาน” และขยายต่ออีกนิดว่า “อยากจัดงานพูดให้ได้อย่างงาน TED” … ผมและทีมงานอันน้อยนิดอย่าง “เอ้” และ “ลูกศร” ..ก็เนรมิตมันออกมาให้ตามที่เธอฝันและตั้งใจไว้ …นายใหญ่ของเธอได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ดิจิตอลแลนด์สเคปแก่วงการไอทีที่น่าทึ่ง สมแล้วกับศักดิ์ศรีและวัยวุฒิที่ท่านได้ผ่านวงการไอทีมานานถึง 20 ปี.. มันเป็นงานทอล์กโชว์ด้านไอทีโซลูชั่นเต็มรูปแบบแบบจริงจังที่จัดได้เป็นครั้งแรกและทำออกมาได้ดีเลยในคราเดียว ….ผมไม่เคยเจอลูกค้าร้องไห้ใส่บ่าไหล่ผมมาก่อนหรอกนะ แต่ผมก็ไม่แปลกใจเลยที่ลูกค้าร้องไห้ถาโถมใส่ผมอย่างปิติ…. มันคือความปิตินั่นแหละ และ “ความปิติจากการทำงาน” จะตกเป็นของคนที่ “ตั้งใจทำมันจริงๆ” เท่านั้นครับ ไอ้ความปิติภิรมย์ภักดีแบบนี้มันไม่เข้าใครออกใคร

เรารักลูกค้านะ แต่จะไม่หวนกลับไปรับจ้างจัดงานอีก …ฝีมือแรงงานดีๆเราสงวนไว้ทำให้คนที่เค้ารักเรา และเราก็รักเค้าครับ 🙂

หนุ่ย. พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์

CSlox-nui

บันทึก ณ คืนหลังสิ้นสุดงานหนัก … (ปิติด้วยเช่นกัน)
บางครั้งความปิติก็ทำให้เรารู้สึกอื้ออึงจนนอนไม่หลับในคืนนี้

กลับบ้านเล่าให้ภรรยาฟังว่าวันนี้ผมเกิดความรู้สึก”รัก”ให้กับลูกน้องหญิงของผมคนหนึ่ง เธอทำงานอยู่กับผมมานานแล้วล่ะแต่ผมเพิ่งรู้สึกรักเธออย่างจริงจัง ความรักมันฟูขึ้นมาห่อหัวใจผมเลยหลังจบงานนี้ เธอเอาใจใส่งานและใส่ใจในตัวผมอย่างดีจริงๆ ..เธอชื่อ “ลูกศร” ครับ ..คุณตุ๊กเฉลยว่าตุ๊กดูออกมานานแล้วว่า “ลูกศรมันรักเธอ” …ผมได้ยินแล้วก็รู้สึกดีนะ ความรักเนี่ย

ตี 1 สี่สิบนาที
5 กุมภาพันธ์ 2016