Huawei ที่เราคุ้นเคยกัน ไม่ได้มีเเค่สมาร์ตโฟนหรืออุปกรณ์ไอทีในชีวิตประจำวัน เพราะความจริงเเล้ว Huawei มี core business อยู่ 3 ส่วนด้วยกัน มาลองไล่กันดีกว่า

1. Device หรือ อุปกรณ์ในชีวิตประจำวันที่เราเห็นกันใน Huawei Store มีทั้ง smartphone , workshop เเละ  ผลิตภัณฑ์ IoT

2. Carier หรือ ระบบเสาสัญญาณ (เช่น อินเทอร์เน็ต 5G)

3. Enterprise หรือ การวางระบบให้องค์กรทั้งภาครัฐเเละเอกชน

โดยรวมเเล้ว 3 ธุรกิจหลักนี้ก็มีจำนวนพนักงานกว่า 1.8 เเสนคนทั่วโลก เเต่สิ่งที่คนทั่วไปยังไม่รู้ คือส่วนของธุรกิจ enterprise เพราะส่วนใหญ่มักจะดีลกับบริษัทใหญ่ ๆ รวมถึงรัฐบาลของหลายประเทศ มากกว่า 200 เมืองทั่วโลก เเละโพรเจกต์ที่ Huawei ให้ความสำคัญอย่างมากในขณะนี้ก็คงหนีไม่พ้น smart city (เมืองอัจฉริยะ)  ไปดูกันว่ามีอะไรที่ทำให้เราต้องทึ่ง

Huawei Cloud

ในเมื่อ Apple มีระบบ icloud ทาง Huawei ก็มี Huawei Cloud เหมือนกัน!  เเต่ Huawei เขามักจะเน้นการจัดเก็บข้อมูลโครงการใหญ่ ๆ เช่นด้านการเงิน (financial cloud) ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 200 โครงการ, การเเพทย์ (medical cloud) ในเรื่องพยาธิวิทยา เเละระบบของทางราชการ (government cloud) มากกว่า 350 โครงการ  โดย Huawei มีความสามารถจัดเก็บข้อมูลความเคลื่อนไหวของคนทั้งเมืองด้วยระบบ cloud อย่างละเอียด เจาะเข้าถึงรายบุคคลกันเลยทีเดียว

ระบบจดจำใบหน้า (facial recognition)

กล้องวงจรปิดยุคใหม่มีระบบตรวจจับใบหน้า (facial detection) หรือบางเเห่งมี AI คาดคะเนอายุ หรือเพศ เเต่ Huawei  ทำได้เหนือกว่านั้น เพราะสามารถสรุปออกมาได้ว่าคนที่เดินผ่านกล้องนั้นมีใบหน้าเหมือนใครมากที่สุด โดยเเสดงค่าออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งสามารถนำไปติดตามท้องถนนเพื่อรักษาความปลอดภัย รวมถึงที่สนามบินเพื่อใช้ระบบจดจำใบหน้าในการเเจ้งข้อมูลให้ผู้โดยสารที่กำลังรอขึ้นเครื่องผ่านสมาร์ตโฟน

แม้วิดีโอที่นำมาจัดเเสดงเป็นเพียงตัว demo ที่ Huawei เกณฑ์พนักงานมาเป็นนักเเสดง เเต่ก็ชวนให้คิดว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็มีทั้งข้อดีเเละความน่ากลัวในเวลาเดียวกัน หากจับใบหน้าโจรได้ก็จะเป็นการช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ เเต่หากจับใบหน้าคนธรรมดาอย่างเรา ๆ ก็อาจจะกระทบถึงเรื่องสิทธิส่วนบุคคลเป็นเเน่ อย่างที่เฟซบุ๊กกำลังเจอข้อครหาอยู่ในขณะนี้

ห้องปฏิบัติการอัจฉริยะ ‘Brain of City Awareness’


หากใครชอบดูหนังแอ็กชันก็จะคุ้นตากับห้องบังคับการจอใหญ่ ๆ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่ง Huawei เขาก็มีเหมือนกัน เเละไม่ธรรมดาซะด้วยเพราะมีการเเสดงผลเเผนที่เเบบสามมิติ สามารถเลือกกล้องวงจรปิดเพื่อดูการจราจร รวมถึงรักษาความปลอดภัย ซูมระยะไกลได้ เเม้ผู้บรรยายไม่สามารถเผยว่าซูมได้กี่เท่า เเต่มองจากตาเเล้วไกลหลายร้อยเมตรลากยาวจากถนนไปถึงห้องพักในโรงเเรมเลยทีเดียว ซึ่งผู้บังคับบัญชาสามารถสั่งการผ่านวิทยุสื่อสารที่ติดตั้ง จอบนมองเห็นลูกความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เเบบ real time

ข้อดีของการมีระบบกล้องวงจรปิดเเละ big data บน cloud คือการจดจำข้อมูล ทะเบียนรถ สีของรถ เเละยี่ห้อรถ โดยเจ้าหน้าที่สามารถเสิร์ชหารถผู้ต้องสงสัยด้วยการใส่คีย์เวิร์ด (เหมือน เสิร์ชกูเกิ้ล) ซึ่งผู้บรรยายเเจ้งว่า เคยมีเคสเด็กหายเมื่อปีก่อน เเละเจ้าหน้าที่ได้ใช้ระบบดังกล่าวค้นหาจนพบตัวในเวลาเพียง 15 ชั่วโมงเท่านั้น 

การมาเยี่ยมชมสำนักงาน Huawei ในครังนี้ทำให้มองเห็นอีกมุมของ Huawei ที่ไม่ได้เพียงผลิตเเต่ smartphone ให้คนทั่วไป เเต่ยังรวมถึง ‘ลูกค้า’ จากภาครัฐ ซึ่งหนึ่งในนั่นก็คือประเทศไทยที่มีฝ่าย enterprise ดูเเลใสส่วนขององค์กรเช่นกับสำนักงานเเม่ในจีน

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส