การเลือกตั้งทั่วไปของประเทศอินเดียเมื่อปี 2019 ได้ชื่อว่าเป็นกระบวนการทางประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากกว่า 900 ล้านคน มีพรรคการเมืองร่วมแข่งขันมากกว่า 450 พรรค และมีผู้สมัคร ส.ส. มากกว่า 8,300 คน โดยการเลือกตั้งครั้งนี้ใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น 39 วัน โดยเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน และสิ้นสุดในวันที่ 19 พฤษภาคม ปี 2019

แม้ว่าจะมีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมหาศาล แต่กระบวนการทางประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ สามารถทราบผลการเลือกตั้งได้ภายในวันที่ 23 พฤษภาคม ปี 2019 ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นวันที่เริ่มต้นการนับคะแนน โดยใช้เวลานับคะแนนเพียง 3 – 4 ชั่วโมงเท่านั้น ก็จะทราบผลการเลือกตั้ง ซึ่งความรวดเร็วนี้เป็นผลมาจากการที่อินเดียใช้เครื่องเลือกตั้งแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Electornic Voting Machine (EVM) ในการลงคะแนนเสียงนั่นเอง

เครื่อง EVM ถูกพัฒนาขึ้นในปี 1990 โดยเป็นเครื่องลงคะแนนระบบปิด ไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต หรือสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ ทำให้มีความน่าเชื่อถือ ยุติธรรม และรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีราคาเพียงเครื่องละ 6,000 บาทเท่านั้น ทำให้ประหยัดงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งไปได้มาก โดยอินเดียได้เริ่มนำเครื่อง EVM มาใช้ในการเลือกตั้งระหว่างปี 1998 และปี 2001 ซึ่งเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป

Electornic Voting Machine (EVM)
Photo By AFP

โดยเครื่อง EVM มีลักษณะเป็นคูหาและบัตรเลือกตั้งภายในตัว โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งแค่เข้าไปกดหมายเลขที่ปรากฏอยู่บนเครื่อง หลังจากนั้นกดยืนยัน เพื่อลงคะแนนเสียง โดยข้อมูลบนเครื่อง EVM จะมีข้อมูลค่อนข้างครบถ้วน ทั้งผู้สมัครรับเลือกตั้ง หมายเลข สัญลักษณ์ของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง รวมถึงมีอักษรเบรลล์เพื่อบริการผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่พิการทางสายตาอีกด้วย และหากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกดลงคะแนนผิด ก็สามารถกดเปลี่ยนหมายเลขได้ก่อนการยืนยันได้อีกด้วย

ต่อมาในปี 2014 อินเดียได้ปรับปรุงระบบการลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ให้ทันสมัยและน่าเชื่อถือมากขึ้น ด้วยการนำเครื่อง VVPAT หรือ Voter-Verified Paper Audit Trail มาใช้ โดยเครื่องดังกล่าว คือ ระบบการยืนยันคะแนนเสียงที่เลือก ซึ่งมีกระบวนการทำงาน คือ เมื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งกดปุ่มลงคะแนนที่เครื่อง EVM แล้ว เครื่อง VVPAT จะพิมพ์กระดาษออกมาให้ผู้ลงคะแนนตรวจสอบ โดยกระดาษดังกล่าวระบุชื่อของผู้สมัครรับเลือกตั้ง หมายเลข สัญลักษณ์ของผู้สมัครหรือพรรคที่ลงคะแนนให้

ซึ่งกระดาษดังกล่าวจะไม่สามารถนำออกมาจากเครื่อง VVPAT ได้ เนื่องจากมีกระจกครอบไว้ แต่ผู้ลงคะแนนจะเห็นกระดาษดังกล่าวเป็นเวลา 7 วินาที ก่อนที่กระดาษจะถูกตัดและหล่นลงไปในกล่องทึบของเครื่อง VVPAT ซึ่งกระดาษเหล่านี้จะนำไปสุ่ม เพื่อตรวจสอบกับผลการลงคะแนนของแต่ละหน่วยเลือกตั้งในวันนับคะแนนอีกครั้ง

โดยภาพรวมแล้วการนำเครื่อง EVM และ VVPAT มาใช้ในการเลือกตั้งมีข้อดีที่สำคัญ คือ ประหยัดเวลาการนับคะแนนอย่างมาก โดยในการเลือกตั้งครั้งก่อน ๆ นั้น อินเดียต้องใช้เวลาในการนับคะแนนมากถึง 30 – 40 วัน แต่เมื่อนำนำเครื่อง EVM และ VVPAT มาใช้ สามารถลดเวลาการนับคะแนนลงได้เหลือเพียง 3 – 4 ชั่วโมงเท่านั้น

นอกจากนี้ ยังสามารถลดขั้นตอนและลดค่าใช้จ่ายจากการพิมพ์บัตรเลือกตั้ง, ลดค่าขนส่งเอกสารที่ต้องใช้ไปแต่ละหน่วยเลือกตั้ง, ลดจำนวนเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง รวมถึงลดปริมาณและสถานที่ในการจัดเก็บหลักฐานเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้รัฐสามารถประหยัดงบประมาณได้อย่างมหาศาล

อย่างไรก็ตาม ขึ้นชื่อว่าเครื่องมือแล้ว ย่อมมีความบกพร่องบ้าง เช่น ความเสี่ยงในกรณีที่เครื่องขัดข้อง หรือการแนะนำวิธีการใช้งานเครื่อง EVM และ VVPAT ล่วงหน้า ซึ่งปัญหาเหล่านี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งสามารถวางแผนรับมือไว้ล่วงหน้าได้

ที่มา : BBC,Wikipedia, Wevis, CEO Manipur, Khaleej Times, Jagran Josh

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส