27 เมษายน Facebook (Meta) ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2022 มีผู้ใช้รายวัน (DAU) เพิ่มขึ้นเป็น 1,960 ล้านคนจาก 1,930 ล้านคนในไตรมาส 4 ปี 2021 (ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์) สูงกว่าที่บริษัทวิเคราะห์ตลาดการเงิน Refinitiv คาดการณ์ไว้ที่ 1,950 ล้านคน และมีกำไรต่อหุ้น 2.72 เหรียญ (93.16 บาท) มากกว่าที่ Refinitiv คาดการณ์ไว้ 2.56 เหรียญ (87.68 บาท)

Facebook สามารถทำรายได้ที่ 27,910 ล้านเหรียญ (957,145 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 7% จากหนึ่งปีที่ผ่านมา แต่ยังน้อยกว่าที่ Refinitiv คาดการณ์ไว้ที่ 28,200 ล้านเหรียญ (965,934 ล้านบาท) ทั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่รายรับของบริษัทเติบโตแค่เพียงตัวเลขหลักเดียว (ระดับนี้ต้องเกิน 10%)

มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Facebook เผยภูมิใจที่ไตรมาสนี้ชุมชนหรือผู้ใช้เติบโตขึ้นจากไตรมาสที่แล้ว บริษัทได้เปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้วิดีโอสั้น แม้ตอนนี้ยังไม่ช่วยสร้างรายได้แต่ในระยะยาวคงไปได้สวย และมีผลกระทบต่อธุรกิจโฆษณาที่เกิดขึ้นจากนโยบายต่อต้านการติดตามใหม่บน iOS

นอกจากนี้ยังเผยถึง Macro Trends หรือแนวโน้มในระยะเวลา 5 – 10 ปี เช่น ตลาดอีคอมเมิร์ซอ่อนตัวลงหรือมีความต้องการของผู้ซื้อลดลงหลังจากถูกเร่งในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 และล่าสุดสงครามในยูเครนทำให้ Facebook ถูกบล็อกในรัสเซียจนบริษัทต้องหยุดรับโฆษณาจากชาวรัสเซียทั่วโลก

บริษัทได้ทุ่มงบลงทุนในระยะยาวให้กับ AI, แพลตฟอร์มทางธุรกิจ และ Reality Labs ในการรวมทีมนักวิจัย นักพัฒนา และวิศวกรสำหรับโลกเสมือนจริงหรือ Metaverse ซึ่งตอนนี้ขาดทุนยับและจะต้องชะลอการลงทุนในบางส่วนลง

Reality Labs ทำให้บริษัทขาดทุนในไตรมาส 1 ปี 2022 กว่า 2,960 ล้านเหรียญ (101,448 ล้านบาท) เทียบกับการขาดทุน 1,830 ล้านเหรียญ (62,732 ล้านบาท) ในไตรมาส 1 ปี 2021 ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจแอป (Facebook, Instagram และ WhatsApp) มีส่วนแบ่ง 97.5% ของรายได้ ส่วนรายได้ที่เหลือ 695 ล้านเหรียญ (23,823 ล้านบาท) มาจาก Reality Labs แต่ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจแอปมีรายได้ลดลง 13% จากปีที่แล้วที่ 11,480 ล้านเหรียญ (393,499 ล้านบาท)

ซักเกอร์เบิร์กย้ำจะลงทุนใน 3 อย่าง คือ Reels, โฆษณา และ Metaverse โดยบอกว่าเมื่อก่อนบริษัทเริ่มจากเว็บที่เน้นในข้อความ ต่อมาใช้กับมือถือจึงใช้กล้องถ่ายโพสต์ภาพได้ จนปัจจุบันมือถือแรงขึ้นจึงเป็นยุคของวิดีโอสั้นหรือ Reels ที่คนใช้เวลาดู 20% บน Instagram และ 50% บน Facebook

ในส่วนของธุรกิจโฆษณาจะแสดงเนื้อหาบนฟีดโดยการคัดกรองจาก AI เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเนื้อหาจากที่ต่าง ๆ แม้ไม่ได้มาจากเครือข่ายที่เราติดตาม แต่ AI จะช่วยจับคู่เนื้อหาทั้งโพสต์และวิดีโอสั้นที่ตรงกับความสนใจ ทั้งนี้บริษัทจะสร้างแพลตฟอร์มที่สร้างรายได้ให้แก่ครีเอเตอร์ และเมื่อ AI แนะนำเนื้อหาให้กับผู้ชมได้อย่างแม่นยำก็จะช่วยให้ผู้ลงโฆษณาได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น และจะช่วยสร้างความเติบโตให้กับธุรกิจโฆษณา สุดท้ายหัวใจสำคัญคือบริษัทจะเปิดตัว Horizon (Metaverse) เวอร์ชันบนเว็บในปลายปีนี้

ที่มา : cnbc.com และ facebook

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส