ดูเหมือนสถานการณ์อันวุ่นวายอันเนื่องมาจากพฤติกรรมอันซับซ้อนคาดเดาไม่ได้ จนก่อวีรกรรมให้ตามล้างตามเก็บกันแทบไม่หวาดไม่ไหวของ เอซรา มิลเลอร์ (Ezra Miller) นักแสดงหนุ่มเควียร์วัย 29 ปี จะเริ่มมองเห็นความหวังมากขึ้นทีละนิด แม้ว่าเขาเองจะถูก วอร์เนอร์ บราเธอส์ ดิสคัฟเวอรี (Warner Bros. Discovery) สั่งลงดาบ ปลดเขาออกในฐานะนักแสดงในจักรวาล DC เพื่อรับมือกับภาพลักษณ์ที่ต่อบริษัท และการโปรโมท ‘The Flash’ ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรของ DC ที่ยังคงมีกำหนดฉายในสหรัฐอเมริกาในวันที่ 23 มิถุนายน 2023 ตามกำหนดการณ์เดิม
จนกระทั่งเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตัวแทนของมิลเลอร์จึงได้ออกแถลงการณ์ขอโทษทุกคนที่เกี่ยวข้องและผู้เสียหายจากผลกระทบจากการละเมิด ทำร้ายร่างกาย และพฤติกรรมต่าง ๆ นานาที่เกิดขึ้นจากการกระทำของเขาเป็นครั้งแรก โดยยอมรับว่าตัวของเขาเองมีปัญหาด้าน ‘สุขภาพจิตที่ซับซ้อน’ และให้สัญญาว่าเขาจะเข้ากระบวนการรับการรักษาสุขภาพจิตต่อไป
ล่าสุด ตามรายงานของ The Hollywood Reporter เผยว่ามิลเลอร์ และ สก็อต เมตซ์เกอร์ (Scott Metzger) ตัวแทนของมิลเลอร์จากบริษัทเอเจนซี CAA (Creative Artists Agency) ได้เดินทางเข้าเจรจาพูดคุยกับ ไมเคิล เดอ ลูกา (Michael De Luca) และ พาเมลา แอบดี (Pamela Abdy) ประธานบริหารแผนกภาพยนตร์ของ วอร์เนอร์ บราเธอส์ ดิสคัฟเวอรี ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ที่สำนักงานใหญ่ของ วอร์เนอร์ บราเธอส์ ดิสคัฟเวอรี นครลอสแองเจลิส
สาระสำคัญของการเข้าพูดคุยในครั้งนี้ ประเด็นสำคัญอยู่ที่การเข้ามาขอโทษของมิลเลอร์ต่อผู้บริหาร ในฐานะที่เขาสร้างภาพลักษณ์เชิงลบให้กับตัวภาพยนตร์และบริษัท รวมทั้งเป็นการแสดงความมุ่งมั่นของเขาในการยืนยันที่จะรับบทบาทซูเปอร์ฮีโร แบร์รี อัลเลน (Barry Allen) หรือ เดอะ แฟลช (The Flash) ต่อไปในอนาคต ท่ามกลางข่าวลือว่า วอร์เนอร์ฯ อาจยุบแผนการฉายภาพยนตร์ ‘The Flash’ เช่นเดียวกับโปรเจกต์ ‘Batgirl’ และหลาย ๆ โปรเจกต์ที่ถูกวอร์เนอร์ฯ สั่งยกเลิกไปก่อนหน้านี้ อันเกิดจากกลยุทธ์การปรับแผนบริษัทขนานใหญ่
แม้แหล่งข่าวที่เปิดเผยเรื่องนี้กับ The Hollywood Reporter จะไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดในที่ประชุมว่าทั้งสองฝ่ายเจรจาเรื่องใดบ้าง แต่แหล่งข่าวกล่าวว่า แม้นักแสดงหนุ่มเองจะไม่ได้กังวลกับพาดหัวข่าวเสียหายของเขา แต่มิลเลอร์และตัวแทนของเขาได้ให้คำยืนยันว่าจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ผู้บริหารพิจารณายกเลิกโปรเจกต์ ‘The Flash’ เนื่องจากบทเดอะ แฟลชนั้นเป็นบทที่มิลเลอร์สนใจและอยากแสดงต่อ ส่วนฝั่งของสตูดิโอเองก็ยังไม่ได้อยากจะตัดใจยกเลิกโปรเจกต์การฉายไปแบบไร้เยื่อใยแบบง่าย ๆ
การเคลื่อนไหวของมิลเลอร์ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่มิลเลอร์ได้เดินหน้าเข้าพบกับต้นสังกัดอย่าง วอร์เนอร์ บราเธอส์ ดิสคัฟเวอรี เป็นครั้งแรกหลังจากที่เกิดปัญหาด้านพฤติกรรมต่าง ๆ นานาจนทำให้เขาหลบเลี่ยงการเจรจาและปฏิเสธการรับความช่วยเหลือมาโดยตลอด แม้ทางวอร์เนอร์ฯ เองจะเสนอความช่วยเหลือด้านการรักษาและข้อประเด็นทางกฏหมายหลายต่อหลายครั้ง
แต่หลังจากแถลงการณ์ที่เขาปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ ก็ค่อนข้างชัดเจนว่า เขาเองเริ่มที่จะเต็มใจและต้องการเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการการรักษาปัญหาสุขภาพจิต เพื่อที่จะสามารถกลับไปทำงานได้อย่างมีสุขภาพที่ดี ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพอีกครั้ง ท่ามกลางข่าวลือว่า พฤติกรรมผิดปกติทั้งในและนอกกองถ่ายของเขา อาจทำให้วอร์เนอร์ฯ อาจตัดสินใจระงับการฉาย ‘The Flash’ ออกไปก่อน แต่ บาร์บารา มุสเชียตตี (Barbara Muschietti) โปรดิวเซอร์ของหนังเรื่องนี้ได้ออกมายืนยันว่าแนวคิดนี้เป็นเรื่องที่ “ไร้สาระจริง ๆ “
อีกเหตุผลที่ในขณะนี้ยังไม่มีการเลื่อนการฉายภาพยนตร์ ‘The Flash’ ก็อาจเป็นเพราะว่าตัวหนังที่ใช้ทุนสร้างสูงมากถึง 200 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ในจักรวาลภาคขยายของดีซี หรือ DC Extended Universe (DCEU) ที่ใช้ทุนสร้างมากที่สุด แม้ก่อนหน้านี้จะยกเลิกโปรเจกต์ ‘Batgirl’ ที่ใช้ทุนสร้าง 90 ล้านเหรียญไปแล้วก็ตาม
แต่หลังจากมีการฉายรอบทดลองเป็นการภายใน (Test Screening) สตูดิโอมองว่าตัวภาพยนตร์ The Flash และการแสดงของมิลเลอร์นั้นได้รับการตอบรับในระดับที่ ‘ดีมาก’ จากผู้บริหารและทีมงาน ว่ากันว่าตัวภาพยนตร์นั้นดีเทียบเท่ากับภาพยนตร์ ‘The Dark Knight’ (2008) ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan)) และดูจะสอดคล้องกับนโยบายใหม่ของบริษัทที่ต้องการยกระดับให้ภาพยนตร์ของ DC อยู่ในระดับบล็อกบัสเตอร์ที่มีคุณภาพที่ดีพอจะฉายในโรงภาพยนตร์ มีศักยภาพมากพอที่จะทำรายได้ในบ็อกซ์ออฟฟิศ และสามารถฝ่าพายุคำวิพากษ์วิจารณ์ต่อภาพยนตร์ของ DC ในอดีตได้สำเร็จ
แต่อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ก็ยังเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของ DC เนื่องจากมีข่าวว่า แดน ลิน (Dan Lin) โปรดิวเซอร์คนใกล้ตัวของวอร์เนอร์ฯ จะเข้ามารับหน้าที่ดูแลฝ่ายภาพยนตร์และโทรทัศน์ของ DC แทนที่ วอลเตอร์ ฮามาดะ (Walter Hamada) ประธานของ ดีซี ฟิล์ม (DC Films) คนก่อนที่ถอยห่างจากหน้าที่ไปก่อนหน้านี้
โดยลินจะถูกวางตำแหน่งให้มีอำนาจขึ้นตรงกับซีอีโออย่าง เดวิด ซาสลาฟ (David Zaslav) (โดยไม่ขึ้นกับผู้บริหารแผนกภาพยนตร์) โมเดลคล้ายกับ เควิน ไฟกี (Kevin Feige) ประธานของ Marvel Studios และแน่นอนว่า ลินก็น่าจะเข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจในอนาคตของตัวโปรเจกต์ และตัวของมิลเลอร์ในฐานะนักแสดงเจ้าของบท The Flash ต่อไปด้วยเช่นกัน
ที่มา : The Hollywood Reporter, Screen Rant, CBR
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส