ลิโอเนล เมสซี (Lionel Messi) คือหนึ่งในนักเตะที่เก่งกาจที่สุดเท่าที่วงการฟุตบอลเคยมีมา เขาทำลายสถิติต่าง ๆ คว้าถ้วยแชมป์มาแล้วนับไม่ถ้วน รวมถึงเป็นเจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี หรือบัลลงดอร์จำนวน 7 สมัย มากที่สุดเกินกว่าใครทำได้ beartai BUZZ ชวนคุณลงสนาม ย้อนกลับไปในวันที่นักเตะคนนี้เพิ่งเริ่มตั้งไข่ และกลายมาเป็นมนุษย์ต่างดาวแห่งวงการลูกหนังอย่างทุกวันนี้

ลิโอเนล อันเดรส เมสซี (Lionel Andrés Messi) เกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ปี 1987 เขาอาศัยอยู่กับครอบครัวใหญ่ในเมืองโรซาริโอ ร่วมกับฮอร์เก้ เมสซี (Jorge Messi) ผู้เป็นพ่อ ซึ่งทำงานในโรงงานเหล็ก ส่วนเซเลีย มารีอา กุกซิตตีนี (Celia María Cuccittini) แม่ของเขาเป็นแม่บ้าน 

เมสซีได้จับลูกฟุตบอลลูกแรกในวันเกิดครบรอบ 4 ขวบ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นพรสวรรค์ของเขาก็ว่าได้ ในวัย 10 ขวบ เขากลายเป็นนักเตะเยาวชนของนีเวลส์ โอลด์บอยส์ โดยมีคู่ซี้ที่ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอคือ ลูคัส สคาเยีย (Lucas Scaglia) ทำให้เขาได้เจอกับผู้หญิงคนเดียวในชีวิต และเป็นญาติกับสคาเยียคือ อันโตเนลลา รอกกุซโซ (Antonela Roccuzzo) ทั้งคู่ได้พบกันที่บ้านของสคาเยีย และเมสซีรู้เลยว่านี่แหละคู่ชีวิตของเขา

ปี 2000 เมสซีวัย 13 ขวบเริ่มมีชื่อเสียงในวงการฟุตบอลอาร์เจนตินา ในฐานะนักเตะเยาวชนที่ตัวเล็กแต่วิ่งเร็ว แถมเลี้ยงบอลเก่ง เล่นบอลฉลาดและถนัดเท้าซ้ายคล้ายกับตำนานลูกหนังอย่างดิเอโก มาราโดนา (Diego Maradona) ไม่มีผิดเพี้ยน แต่ชื่อเสียงนั้นก็มาพร้อมปัญหา เพราะเมสซีกลับโดน นีเวลส์ โอลด์บอยส์ ปล่อยตัวออกมาเนื่องจากพบว่าเมสซีมีปัญหาต่อมใต้สมองส่วนหน้าที่หลั่งฮอร์โมนเจริญเติบโตน้อยกว่าเด็กคนอื่น ๆ ทำให้เมสซีอาจมีความสูงได้เพียงแค่ 150 เซนติเมตรเท่านั้น และความสูงแค่นี้แทบจะหมดสิทธิ์เล่นฟุตบอลในระดับอาชีพไปโดยปริยาย 

ทางออกของเมสซีในเวลานั้นคือการฉีดฮอร์โมนช่วยเจริญเติบโต ซึ่งไม่มีสโมสรไหนยอมเสี่ยงลงทุนใช้เงินเกือบล้านเหรียญจ่ายให้กับเด็กอายุ 13 ขวบ ส่วนทางครอบครัวของเมสซีก็มีฐานะปานกลาง ย่อมไม่มีทางหาเงินกว่าล้านเหรียญมาจ่ายไหวแน่ จึงเป็นเหตุให้ นีเวลส์ โอลด์บอย แม้จะเสียดายพรสวรรค์ของเด็กคนนี้ แต่ก็ต้องยอมปล่อยตัวเมสซีออกมา ด้วยเหตุว่า “ร่างกายเขาไม่โต”

หลังจากแยกทางกับ นีเวลส์ โอลด์บอย เมสซีได้ไปคัดตัวกับสโมสรอื่น ๆ ในอาร์เจนตินา แต่ก็ไม่มีสโมสรไหนตอบรับ จนกระทั่งเรื่องนี้ไปเข้าตาของ โจเซฟ มาเรีย มินเกลลา (Josep Maria Minguella) เอเยนต์ฟุตบอลชื่อดังชาวสเปน ผู้ที่แนะนำมาราโดนาและโรมาริโอ (Romario) ให้แก่บาร์เซโลนา

เมสซีจึงได้เดินทางมาสเปนเพื่อทดสอบฝีเท้ากับบาร์เซโลนาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ แม้ฝีเท้าของเมสซีจะเข้าตาสตาฟหลายคน แต่ปัญหาที่ยังแก้กันไม่ตกคือจะเกลี้ยกล่อมผู้บริหารให้ยอมควักเงินเฉียดล้าน มาเพิ่มความสูงให้กับเมสซีได้อย่างไร

กว่าที่เรื่องราวทั้งหลายจะลงตัวก็ล่วงเลยมาจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2001 เมสซีได้รับสัญญาอย่างเป็นทางการ และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ ลา มาเซีย (La Masia) ศูนย์ฝึกเยาวชนที่ดีที่สุดในโลก รวมถึงพาครอบครัวย้ายมาอยู่ด้วยกันในแคว้นคาตาลุนญา ประเทศสเปน ส่วนตัวเมสซีก็ได้รับการฉีดฮอร์โมนมูลค่าเฉียดล้าน จนกระทั่งมีความสูง 170 เซนติเมตร ภายในเวลา 2 ปี ถึงแม้จะไม่ได้สูงมากแต่ก็เพียงพอที่จะขับเคี่ยวกับนักฟุตบอลระดับอาชีพได้ เมื่อมีความสูงและความเร็วเป็นพื้นฐานรวมถึงทักษะการเล่นฟุตบอลระดับพรสรรค์ ก็ยากที่จะหาใครมาหยุดยั้งเขาลงได้

เมสซีใช้เวลาไม่นาน ก้าวขึ้นจากเยาวชนมาติดทีมอายุไม่เกิน 18 ปีของบาร์เซโลนาด้วยวัยเพียง 15 ปี และได้ประเดิมสนามระดับอาชีพในทีมชุดใหญ่เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2004 เป็นเกมระหว่างบาร์เซโลนาและเอสปันญอล ด้วยวัย 17 ปี 3 เดือน 22 วัน เขาถูกเปลี่ยนตัวลงมาในนาทีที่ 82 และนับเป็นวินาทีแรกที่โลกได้รู้จักชื่อของ ลิโอเนล เมสซี

เมื่อเมสซีอายุ 19 ปี ก็ได้จารึกพรสรรค์ของเขาในเกมเอล กลาซิโก ระหว่างบาร์เซโลนาและ เรอัล มาดริด ของฤดูกาล 2006-2007 ซึ่งมาดริดเป็นฝ่ายออกนำไปก่อนถึง 3 ลูก แต่ก็ถูกตามตีเสมอด้วยนักเตะเพียงคนเดียวคือเมสซี ที่สำคัญเกมนี้บาร์เซโลนาเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนเท่านั้น ทำให้เมสซีกลายเป็นนักเตะบาร์เซโลนาคนแรกที่ทำแฮตทริกในเอล กลาซิโกสำเร็จ ด้วยวัยเพียง 19 ปี 

หนึ่งในอาวุธลับของเมสซีคือการยิงลูกนิ่งหรือฟรีคิก เห็นได้ว่าสถิติส่วนตัวของเมสซีในช่วง 7 ปีแรกที่ค้าแข้งกับบาร์เซโลนา เขาทำประตูจากลูกฟรีคิกได้เพียง 4 ลูกเท่านั้น แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาเมสซีสามารถทำประตูจากลูกฟรีคิกได้มากกว่า 44 ลูกด้วยกัน ซึ่งอาวุธลับนี้ถูกหล่อหลอมมาตั้งแต่สมัยอยู่ลา มาเซีย 

เมสซีมักจะอยู่ฝึกต่อเป็นประจำหลังจากทีมฝึกซ้อมเสร็จแล้ว และมีโค้ชช่วยแนะนำเคล็ดลับในการยิงฟรีคิกว่า เขาควรจะตั้งลูกฟุตบอลโดยวางด้านที่มีจุกลมไว้กับพื้นและมันจะง่ายขึ้นเมื่อเท้าสัมผัสมัน และผู้ช่วยอีกคนของเมสซีคือมาราโดนา ที่ช่วยแนะนำว่าอย่าเอาเท้าออกจากลูกฟุตบอลไวนัก ไม่อย่างนั้นลูกฟุตบอลจะไม่รู้ว่าเราต้องการอะไร เขานำคำสอนของทุกคนมาปรับใช้จนกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีสถิติยิงประตูจากลูกฟรีคิกมากที่สุดคนหนึ่งในวงการฟุตบอล

ฤดูกาล 2008-2009 เป็นฤดูกาลแรกที่เมสซีเปลี่ยนมาสวมเสื้อหมายเลข 10 แทนที่โรนัลดินโญ (Ronaldinho) และยังเป็นปีเดียวกับที่ทำให้บาร์เซโลนาคว้าทริปเปิลแชมป์ได้เป็นครั้งแรก ด้วยลูกโหม่งของเมสซีนาทีที่ 70 ในเกมรอบชิงชนะเลิศของรายการยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ระหว่างบาร์เซโลนากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปจนถึงยังทำให้เขาคว้ารางวัลบัลลงดอร์ครั้งแรกได้อีกด้วย

เมสซีคว้าบัลลงดอร์ครั้งแรกเมื่อปี 2009 ด้วยอายุแค่ 22 ปีเท่านั้น แต่กว่าที่จะได้มาซึ่งรางวัลสูงสุดของนักฟุตบอลก็ไม่ง่ายเช่นกัน อย่างที่รู้กันว่าเมสซีเป็นนักเตะร่างเล็กจึงใช้ข้อได้เปรียบของเขาอย่างนึงคือความเร็ว โปรแกรมการออกกำลังกายของเมสซีจึงถูกเซตขึ้นมาเพื่อทำให้เขารีดความเร็วและความคล่องตัวได้มากที่สุด รวมถึงการจ้างนักโภชนาการส่วนตัวมาช่วยปฏิวัติการกินของเขา แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เมสซีมาไกลถึงจุดนี้ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากคู่ปรับตลอดกาล ที่เป็นทั้งมิตรและศัตรูในสนามอย่างคริสเตียโน โรนัลโด (Cristiano Ronaldo) หลังจากที่โรนัลโดย้ายมาร่วมทีมเรอัล มาดริดในปี 2009 ซึ่งเป็นคู่ปรับตลอดกาลของบาร์เซโลนา จึงทำให้ทั้งคู่ต่างมุ่งมั่นเพื่อที่จะเป็นหนึ่งเหนืออีกฝ่าย

ปี 2021 ข่าวการประกาศย้ายทีมของเมสซีทำให้แฟนบอลตกใจพร้อมกันทั้งโลก เพราะไม่มีใครคิดว่าผู้เล่น One-club player อย่างเมสซี จะต้องย้ายออกจากสโมสรที่รักอย่างบาร์เซโลนา ทำให้เส้นทางของเมสซีกับบาร์เซโลนาจบลงที่ 21 ปี และวันที่ 8 สิงหาคม 2021 คือวันสุดท้ายของเมสซีที่ได้เหยียบสโมสรนี้ ในฐานะของนักเตะของบาร์เซโลนา

เมสซีย้ายไปร่วมทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง พร้อมรับค่าเหนื่อย 30 ล้านเหรียญต่อปีสูงที่สุดในสโมสร และสวมเสื้อหมายเลข 30 ซึ่งเป็นเบอร์ที่เจ้าตัวใส่เล่นฟุตบอลอาชีพครั้งแรกกับบาร์เซโลนา นั่นทำให้เห็นว่าแม้บทสรุปของเรื่องราวจะไม่ได้สวยงามเท่าไหร่นัก แต่เมสซีก็ยังเทิดทูนและให้เกียรติบาร์เซโลนาเสมอ 

ด้วยสถิติส่วนตัวของการยิง 672 ประตู จากการลงเล่น 778 นัดในสีเสื้อบาร์เซโลนา และ 98 ประตูจาก 172 นัดของทีมชาติอาร์เจนตินา รวมถึงรางวัลบัลลงดอร์ 7 สมัย ถ้วยแชมป์ลา ลีกา 10 สมัย แชมป์ลีกเอิง 1 สมัย ไปจนถึงยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีกอีก 4 สมัย แชมป์โคปา อเมริกัน 1 สมัย และล่าสุดกับการพาทีมชาติอาร์เจนตินาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ที่เหมือนเป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของเขา 

แน่นอนจากความสำเร็จทั้งหมดทั้งมวลนี้ คงปฏิเสธความสำเร็จของผู้ชายคนนี้ไปเสียมิได้ และยากที่หาใครบนโลกใบนี้ทำได้เทียบเท่ากับเมสซีอีกแล้ว สมกับที่เขาได้รับฉายาว่า มนุษย์ต่างดาวแห่งวงการลูกหนังจริง ๆ นี่แหละ ลิโอเนล เมสซี!

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส