นักคุณไสยที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นระดับพิเศษในเรื่อง มหาเวทย์ผนึกมาร (Jujutsu Kaisen) ถือได้ว่าเป็นตัวตนที่เหนือชั้นยิ่งกว่านักไสยเวทคนอื่น ๆ ในวงการ โดยความสามารถของระดับพิเศษเพียงคนเดียวก็สามารถถล่มประเทศญี่ปุ่นได้ทั้งประเทศ ในบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักระดับพิเศษทุกคนพร้อมอธิบายถึงพลังอาคมของเขา ว่ามันเป็นความสามารถที่แข็งแกร่งขนาดนั้นจริง ๆ หรอ ?

เรื่องราวของมหาเวทย์ผนึกมารนั้นเป็นการสู้กันระหว่างนักไสยเวทและวิญญาณคำสาป ด้วยการใช้พลังที่เรียกว่า ‘พลังไสยเวท’ ในการต่อสู้ ซึ่งพลังของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไปตามความสามารถต้นกำเนิด ยิ่งระดับพลังและเทคนิคในการใช้งานที่สูงก็ยิ่งสามารถนำไปกำจัดวิญญาณคำสาปที่แข็งแกร่งได้มากขึ้น

ปัจจุบันมหาเวทย์ผนึกมารถูกนำไปสร้างเป็นอนิเมะมาแล้ว ถึง 2 ซีซัน สามารถหาดูได้ตามช่องทางสตรีมมิ่งทั่วไป

คำเตือน : เหมาะสำหรับคนที่เคยอ่านหรือดูอนิเมะเรื่องนี้มาก่อนเท่านั้น ไม่งั้นจะทำความเข้าใจได้ยากมาก

การแบ่งระดับในวงการคุณไสย

ขอเริ่มต้นด้วยการแบ่งระดับขั้นของนักไสยเวทแต่ละคนในวงการคุณไสยก่อน โดยจะเริ่มต้นตั้งแต่ระดับต่ำสุดคือ ระดับที่ 4 เรียงมาจนถึงระดับที่ 1 กล่าวได้ว่า ‘ระดับที่ 1’ นั้นเป็นแนวหน้าของวงการคุณไสยแล้ว และมีความสามารถในการต่อกรกับวิญญาณคำสาปได้ด้วยตัวคนเดียว รวมถึงคอยช่วยเหลือนักไสยเวทคนอื่นที่มีระดับต่ำกว่า

แต่ระดับที่เป็นตัวตนซึ่งอยู่เหนือไปยิ่งกว่าระดับที่ 1 จะถูกลงทะเบียนเป็น ‘ระดับพิเศษ’ และด้วยพลังอาคมของนักไสยเวทในระดับนี้ ถ้าเขาเกิดอยากทำลายประเทศญี่ปุ่นขึ้นมาด้วยตัวคนเดียว ก็มีความสามารถมากพอที่จะทำได้ นั่นอาจจะถือว่าระดับพิเศษเป็นเกณฑ์ในการแบ่งแยกพวกยอดมนุษย์ออกมาจากนักไสยเวททั่วไปนั่นเอง

ปัจจุบันนักไสยเวทระดับพิเศษที่ได้รับการลงทะเบียนยืนยันมีทั้งหมด 4 คน ได้แก่ โกะโจ ซาโตรุ, เกะโท สุงุรุ, สึคุโมะ ยูคิ และ อคคทสึ ยูตะ


โกะโจ ซาโตรุ นักไสยเวทที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคปัจจุบัน

‘โกะโจ ซาโตรุ (Gojo Satoru)’ ตัวละครที่ถูกเปิดตัวมาพร้อมกับพระเอกของเรื่องอย่างยูจิตั้งแต่อนิเมะตอนแรกสุด ด้วยคาแรกเตอร์สุดแปลกไม่เหมือนใครจากการพันผ้าคาดตาเอาไว้ (?) อีกทั้งยังนิสัยสุดกวนที่มักจะคอยสร้างความหงุดหงิดให้แก่คนรอบตัว ทว่าถ้าพูดถึงความความแข็งแกร่งแล้ว ไม่มีนักคุณไสยคนไหนที่สามารถทัดเทียมกับโกะโจได้เลย

สถานะปัจจุบันของโกะโจ คือ ‘อาจารย์’ ที่คอยคุมนักเรียนโรงเรียนไสยเวท ประจำชั้นปีที่ 1 โดยเขามีเป้าหมายในการปั้นนักไสยเวทหน้าใหม่มาพร้อมกับความแข็งแกร่งที่สามารถปฏิวัติวงการได้ เพื่อที่จะล้มล้างระบบของพวกเบื้องบนที่คอยควบคุมวงการไสยเวทในยุคปัจจุบันเอาไว้

ความสามารถของโกะโจ ซาโตรุ

ความสามารถดั้งเดิมของโกะโจ ซาโตรุนั้น จะเป็นอาคมที่สืบทอดกันมาในตระกูล ‘โกะโจ’ และมีเพียงคนในตระกูลเท่านั้นที่สามารถใช้งานได้ แต่การที่จะสามารถควบคุมและนำมาดัดแปลงเพิ่มเทคนิคให้ได้ในระดับที่ทัดเทียมกับโกะโจ จำเป็นต้องมีสิ่งที่เรียกว่า ‘ดวงตาริคุกัน’ ซึ่งเป็นดวงตาที่ช่วยทำให้โกะโจสามารถควบคุมเทคนิคการใช้อาคมได้ละเอียดอ่อนมากยิ่งขึ้น

ในส่วนทฤษฎีอาคมของโกะโจนั้นค่อนข้างซับซ้อน เพราะงั้นจะขออธิบายในแบบฉบับที่เข้าใจง่ายแทน โดยไม่โฟกัสไปที่เรื่องของ อนุกรมอนันต์และปฏิทัศน์ของซีโน่ ที่อธิบายเพิ่มเติมถึงเรื่องการวิ่งแข่งระหว่างอะคลิลิสกับเต่า ไม่งั้นเข้าใจยากแน่นอน

1.ดวงตาริคุกัน (Rikugan, Six eyes)

ดวงตาพิเศษที่ถูกสืบทอดมาในตระกูลโกะโจเท่านั้น และในช่วงเวลาเดียวกันจะไม่สามารถมีผู้ใช้ดวงตาริคุกันถึงสองคนได้ ผู้ครอบครองจะถือกำเนิดมาหนึ่งคนในรอบหลายร้อยปี โดยความสามารถของดวงตาริคุกันที่ถูกเปิดเผยมานั้น จะทำให้ผู้ครอบครองรับรู้กระแสของพลังไสยเวท และรู้ถึงแก่นแท้อาคมของฝ่ายตรงข้าม

นอกจากนั้นยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อควบคุมอาคมของตน สรรค์สร้างเป็นอาคมใหม่ ๆ ขึ้นมาด้วยเทคนิคที่เหนือกว่าคนอื่น ไม่ว่าจะเป็น อาโอะ อาคะ มุราซากิ หรือ มุเก็นแบบเปิดใช้งานตลอดเวลา อีกทั้งยังควบคุมการใช้ปริมาณของพลังไสยเวทให้ใช้อาคมโดยสูญเสียพลังไสยเวทน้อยที่สุด ทำให้ใช้ได้แทบจะไร้ขีดจำกัดเลย

แต่เนื่องจากปริมาณข้อมูลจากดวงตาริคุกันที่รับเข้ามาเยอะเกินไป ทำให้โกะโจมักจะหาอะไรมาปิดบังดวงตาเอาไว้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่แว่นกันแดด ผ้าพันแผล หรือล่าสุดในยุคปัจจุบัน ก็ได้ใช้เป็นผ้าคาดตาแทน

2.มุคะเก็น (Mukagen), ไร้ขีดจำกัดล่าง

ความสามารถในการใช้พลังไสยเวทควบคุมพื้นที่ต่าง ๆ ได้ในระดับอะตอม และนำไปเป็นพื้นฐานสร้างเทคนิคอื่นนอกเหนือจากนี้ ไม่ใช่ทุกคนในตระกูลที่จะได้รับสืบทอดอาคมนี้ หรือคนที่ได้รับสืบทอดมาก็ยังไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้เทียบเท่ากับโกะโจ ซาโตรุ (ที่มีดวงตาริคุกัน)

3.มุเก็น (Mugen), อนันต์

ถ้าให้อธิบายแบบเข้าใจง่าย คือการที่โกะโจสามารถทำให้ทุกสิ่งที่เข้ามาจู่โจมตัวเขาเองแบบมีจิตมุ่งร้าย เคลื่อนที่ช้าลงเรื่อย ๆ และเข้าสู่จุดที่ใกล้เคียงกับคำว่าหยุดนิ่ง เปรียบเสมือนว่ามี ‘กำแพงที่มองไม่เห็น’ ป้องกันอยู่รอบตัวโกะโจเอง และจากพลังของดวงตาริคุกันทำให้โกะโจสามารถเปิดใช้งานอาคมนี้แบบอัตโนมัติตลอดเวลาโดยแทบจะไม่สูญเสียพลังไสยเวทอีกด้วย

4.ไสยเวทหมุนตาม อาโอะ (Jutsushiki junten – Ao), คราม

อาโอะในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าสีน้ำเงิน ดังนั้นเวลาใช้พลังนี้เราจะสามารถสังเกตุเห็นได้จากสีของพลังอาคมที่โกะโจปล่อยออกมา โดยอาโอะมีความสามารถคล้ายกับ ‘แม่เหล็กดึงดูด’ ในการสร้างจุดดึงดูดสิ่งต่าง ๆ ในพื้นที่ที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างหรือว่ามนุษย์ และถ้าใช้แบบปลดปล่อยพลังเต็มพิกัด จะสามารถสร้างแรงดึงดูดที่ทรงพลังจนใกล้เคียงกับหลุมดำได้เลย

5.ไสยเวทหมุนทวน อาคะ (Jutsushiki hanten – Aka), โรหิต

ในทางกลับกัน อาคะ ที่แปลว่าสีแดง พลังนั้นจะตรงกันข้ามกับอาโอะ เปรียบเสมือนกับเป็น ‘แม่เหล็กผลัก’ ที่ต้นกำเนิดมาจากการบีบอัดมุเก็นเข้าไป และปลดปล่อยออกมาเป็นแรงระเบิดอันรุนแรง ซึ่งพลังการทำลายนั้นสูงกว่าอาโอะถึงสองเท่า ทว่าในการจะใช้เทคนี้ได้นั้นโกะโจต้องสามารถบรรลุการใช้ไสยเวทย้อนกลับให้ได้ซะก่อน

6.รูปแบบว่างเปล่า มุราซากิ (Kyoshiki – Murasaki), อินทนิน

เป็นการผสมกันระหว่าง อาโอะ (สีน้ำเงิน) และ อาคะ (สีแดง) จนก่อเกิดเป็นสีใหม่ขึ้นมา นั่นคือ มุราซากิ (สีม่วง) เป็นพลังที่จะสามารถ ‘ลบล้างทุกสิ่งทุกอย่าง’ ที่พลังทรงกลมสีม่วงนี้เคลื่อนที่ผ่านให้หายสาบสูญไปได้ ถือเป็นความสามารถที่ทรงพลังที่สุดของโกะโจ ซาโตรุ

7.กางอาณาเขต พื้นที่ไร้มาตร (Ryōiki Tenkai – Muryōkūsho)

กางอาณาเขตถือเป็นความสามารถสูงสุดของนักไสยเวท ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทำได้ โดยก่อนทำการกางอาณาเขต โกะโจจะปลดผ้าปิดตาออกเพื่อให้สามารถใช้งานดวงตาริคุกันได้อย่างเต็มที่ และสร้างขอบเขตขึ้นมาในลักษณะของทรงกลมสีดำล้อมรอบทุกคนในบริเวณนั้น

คนที่อยู่ภายในอาณาเขตจะถูกป้อนข้อมูลจำนวนมหาศาลเข้าไปในสมองแบบไม่มีที่สิ้นสุด จนไม่สามารถคิดตามได้ทันและตกอยู่ในสภาพไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ หรือ ‘อัมพาต’ (ยกเว้นคนที่โกะโจแตะตัวเอาไว้ก่อนเข้าอาณาเขต) และที่ยิ่งกว่านั้นคือ โกะโจสามารถควบคุมเงื่อนไขต่าง ๆ ในการกางอาณาเขตได้แบบละเอียดยิบ ไม่ว่าจะเป็นกางแค่ 0.2 วินาที, เปลี่ยนขนาดภายในภายนอกให้อยู่กันคนละมิติ, เลือกที่จะเสริมความแข็งแกร่งภายในหรือภายนอกให้มากกว่า นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เขาถูกเรียกว่าอัจฉริยะนั่นเอง

8.ความสามารถอื่น ๆ ที่ใช้ได้

ตรงส่วนนี้จะไม่ลงรายละเอียดมากนัก ขอกล่าวถึงแค่วิชาที่ใช้ได้พอ และก็อย่างที่รู้กันถึงความเก่งกาจของโกะโจ ซาโตรุ เพราะงั้นวิชาที่ใช้ได้ คือแทบจะทุกวิชาที่มีอยู่ในวงการไสยไวท ได้แก่

  • ความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดระดับสูง
  • โคคุเซน (Kokusen), ประกายทมิฬ
  • ไสยเวทย้อนกลับ (Hanten Jutsushiki) เพื่อใช้รักษาตัวเอง
  • กางม่าน (Tobari)
  • กางอาณาเขตแบบย่อ (Shin Kageryū: Kan’i Ryōiki)

เกะโท สุงุรุ ชายหนุ่มผู้หลงเดินทางผิด

แต่เดิมแล้ว ‘เกะโท สุงุรุ (Geto Suguru)’ นั้นเป็นเพื่อนสนิทกับ โกะโจ ซาโตรุ ในช่วงเวลาที่เรียนโรงเรียนไสยเวทโตเกียวด้วยกัน ทว่าการดำดิ่งเข้าสู่ด้านมืดของเกะโทนั้นกลับทยอยผุดขึ้นมาตามสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เขาพบเจอ จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจผันตัวเป็น ‘นักสาปแช่ง’ และวางตัวเป็นศัตรูกับทั้งวงการไสยเวท

หลังจากนั้น เกะโท เป็นที่รู้จักกันในคาแรกเตอร์สวมชุดพระและยกย่องตัวเองเป็นเจ้าลัทธิ โดยมีเป้าหมายเพื่อที่จะสังหารคนที่ไร้ซึ่งพลังไสยเวทให้หมดไปจากโลกใบนี้ โดยในอนิเมะภาคมูฟวี่ เราจะได้เห็นแผนการใหญ่ของเขาพร้อมกับพรรคพวกของเกะโท ในการตัดสินใจบุกโจมตีด้วยวิญญาณคำสาปที่อยู่ในการควบคุมของเขาจำนวนมหาศาล และถูกเรียกในเวลาต่อมาว่า เหตุการณ์ขบวนร้อยอสูร

สุดท้ายแล้วกลับเป็นตัวเกะโทที่พ่ายแพ้แก่ยูตะ และเสียชีวิตในเหตุการณ์นั้น ทว่าโกะโจไม่ได้จัดการทำลายศพของเขาทิ้ง ทำให้ร่างพร้อมกับพลังอาคมของเขาโดนยึดไปด้วยพลังของ ‘เคนจาคุ’ นักอาคมในอดีตที่ปัจจุบันอยู่ในรูปร่างของสมอง และคอยสิงสู่ศพเพื่อดำเนินการแผนการบางอย่างอยู่ ด้วยร่างปัจจุบันของเขา เกะโท สุงุรุ ชายหนุ่มผู้ควบคุมวิญญาณคำสาป

ความสามารถของ เกะโท สุงุรุ

อาคม ‘ควบคุมวิญญาณคำสาป’ ของเขาไม่ได้เป็นอาคมที่สืบทอดมาในตระกูลใหญ่ แต่การที่ถูกจัดเป็นระดับพิเศษนั้น เพราะว่าจำนวนของวิญญาณคำสาปที่ควบคุมได้ สามารถสร้างเป็นกองทัพและถล่มประเทศญี่ปุ่นได้แบบไม่ยากเย็น

1.ควบคุมวิญญาณคำสาป (Jurei Sōjutsu)

เมื่อเกะโททำการปัดเป่าวิญญาณคำสาป เขาจะได้รับวัตถุหนึ่งที่เป็นทรงกลม หลังจากที่เขากลืนกินสิ่งนั้นเข้าไป จะทำให้สามารถเรียกใช้วิญญาณคำสาปตนนั้นได้เสมือนกับเป็นข้ารับใช้ โดยความแข็งแกร่งของวิญญาณคำสาปจะเทียบเท่ากับระดับก่อนตายของมัน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นจะต้องมีเงื่อนไขที่ต้องกำจัดด้วยตัวคนเดียวเหมือนกับอาคมสิบเงาให้ยุ่งยากอีกด้วย

นอกจากนั้น ถ้าวิญญาณตนไหนมีอาคมประจำตัว (ส่วนมากจะระดับพิเศษ) เกะโทก็สามารถนำอาคมมาใช้ในการต่อสู้ได้ รวมไปถึงใช้งานลักษณะเฉพาะของวิญญาณคำสาปเช่นกัน ยกตัวอย่าง วิญญาณคำสาปที่โทจิเลี้ยงเอาไว้เพื่อเก็บคลังอาวุธของเขา เมื่อเกะโทสามารถควบคุมได้ เขาก็สามารถเรียกใช้คลังอาวุธไสยเวทจำนวนมากได้ทันที

2.ขั้นสูงสุด อุซึมาคิ (Gokunoban – Uzumaki), วังวน

เป็นการรวบรวมวิญญาณคำสาปจำนวนมหาศาลมากลั่นรวมเป็นวิญญาณคำสาปขนาดใหญ่ตัวเดียว เพื่อเร่งพลังสูงสุดในการนำมาใช้เพิ่มพลังทำลายล้างได้ ถือเป็นอาคมที่รุนแรงที่สุดของเกะโท ที่งัดออกมาใช้สู้กับ อคคทสึ ยูตะ และ ราชินีคำสาป ริกะ ในภาคเดอะมูฟวี่ และถูกเคนจาคุนำมาใช้อีกครั้งในช่วงท้ายของอุบัติการณ์ชิบุยะ

3.ความสามารถอื่น ๆ ที่ใช้ได้

  • ความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดระดับสูง
  • ทักษะการใช้อาวุธไสยเวท ยึดคลังอาวุธมาจากโทจิ
  • กางม่าน (Tobari)

สึคุโมะ ยูคิ หญิงสาวที่ออกเดินทางเพื่อค้นหาคำตอบให้ชีวิต

‘สึคุโมะ ยูคิ (Tsukumo Yuki)’ เป็นระดับพิเศษเพียงคนเดียว ที่ไม่สนใจรับภารกิจจากเบื้องบนเลย สาเหตุหลักเป็นเพราะไม่ชอบวิธีการที่พวกเบื้องบนจัดการ เธอจึงได้ตัดสินใจออกเดินทางไปทั่วโลก เพื่อค้นหาคำตอบในการจะทำให้โลกนี้ปราศจากวิญญาณคำสาปในแบบของเธอเอง

ยูคิปรากฏตัวครั้งแรกในช่วงย้อนอดีตของลูกศิษย์อย่าง โทโด อาโออิ เพื่อช่วยเหลือและฝึกสอนให้โทโดเป็นอย่างทุกวันนี้ นอกจากนั้นเธอยังมีบทอีกครั้งตอนพูดคุยกับเกะโท สุงุรุ ในภาคย้อนอดีตช่วงต้นของอนิเมะซีซันที่ 2 ก่อนที่เกะโทจะตัดสินใจเข้าสู่ด้านมืดและกลายเป็นนักสาปแช่งในเวลาต่อมา ถัดมาปรากฏตัวในช่วงท้ายของอนิเมะซีซันที่ 2 ภาค อุบัติการณ์ชิบุยะเพื่อช่วยเหลือเหล่านักเรียนโรงเรียนไสยเวท

ความสามารถของ สึคุโมะ ยูคิ

เมื่อได้ขึ้นชื่อว่าระดับพิเศษ ก็แสดงว่าความสามารถของยูคินั้นสูงกว่าคนอื่น ๆ แบบคนละชั้น ทว่าอาคมของเธอกลับเหมาะที่จะใช้ในการสู้ตัวต่อตัวมากกว่า แต่ก็มีการนำมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มพลังทำลายเป็นวงกว้างด้วยเช่นกัน กว่าเธอจะได้เปิดเผยพลังของตัวเองก็ตอนสู้กับเคนจาคุในเนื้อหามังงะเล่มที่ 23 เลย

คำเตือน : เนื้อหาสปอยล์ถึงมังงะเล่มที่ 23

1.บอมบาเย่ (Bonbaie), ดาราพิโรธ

ยูคิสามารถกำหนดมวลสารเสมือนจริงขนาดเท่าใดก็ได้ให้แก่ร่างกายตนเอง นั่นหมายความว่าถ้าสึคุโมะปล่อยหมัดใส่ศัตรูและกำหนดมวลสารปริมาณมากแก่หมัดนั้น หมัดจะส่งผลเสมือนสิ่งที่มีน้ำหนักมหาศาลซัดเข้าใส่ด้วยความเร็วของการออกหมัด เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการต่อสู้ระยะประชิดของเธอมาก และอาคมนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อตัวเธอเลยแม้แต่น้อย ทำให้สามารถเคลื่อนไหวได้โดยไม่โดนมวลเสมือนถ่วงเอา

ในยามต่อสู้ปกติยูคิจะมีการกำหนดขอบเขตการเพิ่มมวลเอาไว้ระดับหนึ่ง เพื่อไม่ให้เกิดมวลปริมาณมากจนเกินความจำเป็น ทว่าเมื่อใดก็ตามที่เธอทำการปลดขีดจำกัดนั้นออก เธอจะสามารถเพิ่มมวลได้มากถึงขั้นกลายเป็นแรงดึงดูดมหาศาลและมีลักษณะคล้าย ‘หลุมดำ’ รวมถึงตัวเธอก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน

2.ชิคิงามิ การูด้า, ครุฑ

เป็นชิคิงามิที่สามารถรองรับอาคมเพิ่มมวลของยูคิได้ โดยไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เช่นเดียวกับตัวของยูคิ และยังสามารถเคลื่อนไหวและจู่โจมได้ด้วยตัวเอง พร้อมกับแปลงสภาพเป็นอาวุธแบบต่าง ๆ ให้ยูคินำมาใช้ได้อีก ไม่ว่าจะเป็นทรงกลมเสมือนลูกบอล หรือรูปร่างยาวเหมือนแส้

3.กางอาณาเขต ?

ในเนื้อหานั้นมีการพูดถึงการกางอาณาเขตของยูคิเอาไว้ ว่าเมื่อถึงเวลาเมื่อไหร่ เธอจะงัดออกมาใช้เอง ทว่าในการต่อสู้จริง เธอกลับไม่ได้กางอาณาเขต เพราะด้วยการสถานการณ์ในการต่อสู้กับเคนจาคุ ทำให้ในปัจจบุันก็ยังไม่มีการเปิดเผยความสามารถของการกางอาณาเขตของยูคิเลย

4.ความสามารถอื่น ๆ ที่ใช้ได้

  • ความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดระดับสูง
  • ไสยเวทย้อนกลับ เพื่อใช้รักษาตัวเอง
  • กางอาณาเขตแบบย่อ (Shin Kageryū: Kan’i Ryōiki)

อคคทสึ ยูตะ เด็กหนุ่มผู้บิดเบี้ยวในความรัก

‘อคคทสึ ยูตะ (Okkotsu Yuta)’ พระเอกในอนิเมะภาคมูฟวี่ ที่มีต้นตระกูลดั้งเดิมของสืบสายเลือดมาจากตระกูลสึงะวาระโนะ มิจิซานะ (ญาติกับตระกูลโกะโจ) ทำให้เขามีปริมาณพลังไสยเวทที่สูงกว่าคนทั่วไป และถูกยกเป็นระดับพิเศษในเวลาต่อมาหลังเข้าเรียนในโรงเรียนไสยเวทได้ในเวลาไม่นาน

อาคมประจำตัวของยูตะคือการก๊อปปี้อาคมของคนอื่น และนำมาใช้ได้อย่างชำนาญเสมือนอาคมของตนเอง นอกจากนั้นยังมีเศษเสี้ยววิญญาณของริกะ ที่คงรูปอยู่ในสถานะวิญญาณคำสาป คอยเป็นพวกพ้องช่วยเหลือในการต่อสู้อีกด้วย โดยยูตะจะกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งหลังจากอนิเมะช่วงภาคอุบัติการณ์ชิบุยะ และรับหน้าที่เป็นคนประหารอิตาโดริ ยูจิ

คำเตือน : มีเนื้อหาสปอยล์ถึงมังงะตอนที่ 250

ความสามารถของ อคคทสึ ยูตะ

1.วิญญาณคำสาประดับพิเศษ ‘ราชินีคำสาป ริกะ’

เดิมทีเคยเป็นวิญญาณเพื่อนสมัยเด็กของยูตะ ‘โอริโมโตะ ริกะ’ ที่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุรถชน และถูกยูตะสาปด้วยความไม่ตั้งใจจนกลายสภาพเป็นวิญญาณคำสาประดับพิเศษ จนหลังเหตุการณ์ร้อยอสูร ยูตะได้ทำการปลดปล่อยวิญญาณของเพื่อนตนเองให้ไปสู่สุคติ หลงเหลือเพียงเศษเสี้ยววิญญาณของเธอและกลายเป็นพวกพ้องในการช่วยต่อสู้ในเวลาต่อมา ด้วยชื่อ ‘ริกะ’ (リカ เขียนด้วยตัวอักษรคาตาคานะ เป็นการแสดงว่าออกเสียงเรียกชื่อเหมือนกันแต่ไม่ใช่วิญญาณเพื่อนสมัยเด็กของตนอีกต่อไปแล้ว)

ริกะ จะถูกปลดปล่อยออกมาในสภาพไม่สมบูรณ์ก่อน เพื่อช่วยเหลือยูตะในการต่อสู้ทั่วไป ทว่าเมื่อยูตะทำการสวมแหวนที่เป็นสื่อกลางระหว่างเขากับริกะ จะทำให้สามารถเรียกใช้ริกะในสภาพสมบูรณ์ได้เป็นเวลา ‘5 นาที’ ในระหว่างนั้นยูตะจะสามารถใช้ความสามารถได้ตามหัวข้อต่อไปนี้

  • ริกะสภาพสมบูรณ์ที่มาพร้อมพลังไสยเวทปริมาณมหาศาลให้ยูตะใช้
  • สามารถใช้อาคมก๊อปปี้ได้
  • คลังเก็บอาวุธจำนวนมากที่อยู่ในตัวริกะ

2.อาคมก๊อปปี้

เงื่อนไขที่ถูกเปิดเผยมา (แต่ยังไม่ยืนยัน) คือ ยูตะจะสามารถก้อปปี้อาคมของคนที่ริกะกิน DNA เข้าไปได้ โดยตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยว่าจำกัดการก๊อปปี้ได้กี่คน แต่สามารถนำมาใช้งานได้แค่ครั้งละคนและสลับสับเปลี่ยนตามใจชอบได้แบบต่อเนื่อง โดยอาคมที่ถูกก๊อปปี้ไปแล้วในตอนนี้ ได้แก่

  1. อาคมวาจาคำสาป ของ อินุมาคิ โทเกะ
  2. อาคมเขตแดนครอบการเคลื่อนที่ชิคิงามิ ของ ดรูป ลักดาวาลา
  3. อาคมควบคุมชั้นบรรยากาศ ของ อุโระ ทาคาโกะ
  4. อาคมหยั่งรู้อนาคต ของ ชาร์ล แบร์นาร์
  5. อาคมลบล้างอาคม บันได้ยาโคป ของ คุรุสุ ฮานะ (นางฟ้า)
  6. อาคมตัด, เฉือน ของ เรียวเมน สุคุนะ

3.กางอาณาเขต ‘ปฏิพัทธ์ แท้เที่ยง’ (Shinkan sōai)

รูปลักษณ์อาณาเขตของยูตะ จะเต็มไปด้วยดาบจำนวนมาก ซึ่งเป็นอาวุธประจำตัวเขาในปัจจุบัน และดาบแต่ละเล่มจะบรรจุความสามารถอาคมของคนที่เขาได้เคยก๊อปปี้เอาไว้แบบสุ่ม ยูตะจะไม่สามารถรู้ได้ว่ามีอาคมไหนบรรจุอยู่ในดาบเล่มไหนจนกว่าจะหยิบดาบเล่มนั้นขึ้นมา และหลังจากใช้งานอาคมสำเร็จดาบก็จะสลายไป (แต่อาคมเดิมก็ยังสามารถซ้ำอยู่ในดาบเล่มอื่นได้อีก)

นอกจากนั้นด้านหลังจะสามารถสังเกตเห็นได้ว่ามีเชือกผูกกันอยู่ ตรงนี้ไม่เกี่ยวกับความสามารถ แต่เชือกนั้นมักจะเป็นสัญลักษณ์งานแต่งงานในวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่สื่อความหมายได้ถึงความรักตามชื่ออาณาเขตว่า ‘ปฏิพัทธ์’ ซึ่งมีความหมายว่า ผูกพันธ์, รักใคร่ (ความรักต่อริกะนั่นเอง)

4.ความสามารถอื่น ๆ ที่ใช้ได้

  • ปริมาณไสยเวทมหาศาล ที่แทบจะใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมด
  • การต่อสู้ระยะประชิด ด้วยหมัดและอุปกรณ์อื่น ๆ (มักจะใช้ดาบบ่อยสุด)
  • ไสยเวทย้อนกลับ ที่สามารถนำไปรักษาคนอื่นได้
  • โคคุเซน, ประกายทมิฬ

นอกเหนือจากทั้ง 4 คน จริง ๆ ยังมีบุคคลที่มีความสามารถในการถล่มประเทศด้วยตัวคนเดียวอีก เพียงแต่ไม่ได้ถูกรองรับอย่างเป็นทางการจากวงการไสยเวทเท่านั้น เช่น ผอ. ยากะ มาซามิจิ ที่มีความสามารถในการสร้างจูไกมีชีวิตได้ ซึ่งถ้าคิดจะสร้างจนเป็นกองทัพก็สามารถทำได้เช่นกัน หรือไม่ก็ ราชาคำสาปอย่าง ‘เรียวเมน สุคุนะ’ ที่ถูกยกย่องให้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเมื่อ 1000 ปีที่แล้ว

สุดท้ายแล้วใครจะเป็นฝ่ายชนะกันนะ ระหว่างวิญญาณคำสาป หรือผู้ใช้คุณไสย ที่มีระดับพิเศษอยู่ด้วยกันถึง 4 คน สามารถตามอ่านต่อหลังจบอนิเมะได้ในรูปแบบมังงะของสำนักพิมพ์ Siam inter comics

***