จากที่หลายคนยังรอท่าทีของโรงภาพยนตร์ในสหรัฐฯ ที่เป็นตลาดใหญ่สุดแห่งหนึ่งของการฉายภาพยนตร์ทั่วโลกว่าจะกลับมาเปิดให้บริการในเร็ว ๆ นี้หรือไม่ เพราะก็มีความเป็นไปได้ว่า แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ในบางภูมิภาคของโลก (รวมถึงประเทศไทย) เริ่มคลี่คลายและกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แตกต่างจากในสหรัฐฯ ที่ครองตำแหน่งมีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุดในโลก เกือบ 1,900,000 คน และมีผู้เสียชีวิตเกือบ 109,000 ราย (ณ วันที่ 4 มิถุนายน) หนังหลาย ๆ เรื่องก็อาจจะไม่ได้ฉายนอกสหรัฐฯ ถ้าในสหรัฐฯ ยังไม่สามารถกลับมาฉายได้ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์กและลอสแอนเจลิส

หนังฟอร์มยักษ์เรื่องแรกที่ผู้ชมจะได้ชมทั่วโลกจะได้ชมกัน หลังโรงหนังปิดมานานกว่า 4 เดือนก็คือหนังอย่าง Tenet ที่มีกำหนดฉายในสหรัฐฯ 17 กรกฎาคม ก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาว่า ถ้าเรื่องนี้ยอมเลื่อน หนังเรื่องอื่น ๆ ก็จะยอมแพ้ขอเลื่อนไปฉายอย่างเร็วก็ช่วงเดือนพฤศจิกายนกันหมด ล่าสุด Mark Zoradi CEO ของหนึ่งในสามเครือโรงหนังยักษ์ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ อย่าง Cinemark ได้ออกมาบอกกับนักลงทุนในการแถลงผลประการไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ว่า ค่าย Warner ยังคงยื่นยันว่าจะฉาย Tenet ในกำหนดฉายเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และโรงหนังของ Cinemark น่าจะกลับมาเปิดได้ 19 มิถุนายนหรือ 10 กรกฎาคมนี้

อย่างไรก็ตาม มีคนตั้งข้อสังเกตว่าตัวอย่างตัวที่ 2 ของหนังที่เพิ่งปล่อยออกมาไม่นานนี้ ได้เลี่ยงที่จะใส่กำหนดการฉายของหนังลงไป เผื่อในกรณีที่จะต้องมีการขยับวันฉาย ต่างจากท่าทีของค่าย Warner ที่ยังยืนยันว่า หนังจะไม่เลื่อนฉาย รายงานของ Deadline ยังอ้างถึงผลสำรวจของประชาชนอเมริกัน จาก 40% ได้เพิ่มขึ้นเป็น 70% ที่ให้ความเชื่อมั่นกับโรงหนังว่า ถ้าโรงหนังเปิดจะกลับมาใช้บริการแน่นอน ซึ่งโรงหนังเองก็จะมีมาตรการเรื่องการดูแลความสะอาดระดับสูง และลดจำนวนที่นั่งแต่ละโรงลง 50% (คล้ายกับมาตรการของไทย)

และอีกสิ่งที่ยืนยันของการที่ Warner ยังน่าจะปล่อย Tenet ฉายตามกำหนดการเดิม คือการเดินหน้าโปรโมตหนังของทีมนักแสดงที่ให้ข่าวและให้สัมภาษณ์กับสื่อต่าง ๆ อย่างไม่ยอมตกไปจากกระแสเลย รายแรกก็คือ Robert Pattinson หนึ่งในผู้รับบทนำของเรื่อง เขาให้สัมภาษณ์ว่า เขาไม่เข้าใจเนื้อหาของหนัง Tenet ในระหว่างถ่ายทำนานหลายเดือน และต้องถามเพื่อนนักแสดง John David Washington ว่าหนังเกี่ยวข้องกับอะไร เพราะผู้กำกับ Christopher Nolan ไม่ยอมอธิบาย และเขาก็ไม่กล้าถาม

“ตอนเรากำลังถ่ายหนัง หลายเดือนที่ผมไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วผมเข้าใจเนื้อเรื่องของหนังที่ผมกำลังแสดงอยู่จริง ๆ หรือเผล่า แน่นอนว่าผมเข้าไปคุยกับ John David ในวันสุดท้ายที่ถ่ายทำ ผมถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นในฉากนั้น และกลายเป็นว่าผมเข้าใจตัวละครของผมผิดไปมาก เหมือนกับว่า…นี่ฉันคิด (ผิด) แบบนี้มาตลอดจริง ๆ เลยเหรอเนี่ย?” Pattinson บอก

ส่วน Washington ก็บอกด้วยเหมือนกันว่า เขาเองก็ต้องถามผู้กำกับอย่าง Nolan อยู่ตลอดเกี่ยวกับบทของเขาด้วยเหมือนกัน และคิดว่าตัวอย่างที่ 2 ที่ปล่อยออกมา พอจะทำให้คนดูคาดเดาเนื้อเรื่องได้บ้างแล้ว

“ผมจะมีข้อสงสัยไปถามเขา (Nolan) ทุกวัน แต่เขาก็ใจดีมากที่จะตอบคำถามผมอย่างอดทนและใจเย็น มันสำคัญมากที่นักแสดงจะต้องตามทันเรื่องราว ซึ่งนั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเรา เขาอดทนกับผมมาก ผมพูดตามมารยาทน่ะนะ (หัวเราะ) (นักข่าวถามถึงเบาะแสจากตัวอย่างใหม่) มีคำใบ้อยู่สองสามที่เกี่ยวกับหนัง ที่ทำให้ทำให้ผมเซอร์ไพรส์ว่า Nolan ยอมเผยมันออกมาตั้งแต่ในตัวอย่างเรา แต่ผมก็ชอบที่เขาทำแบบนั้นนะ”

นอกจากนั้น พอแฟน ๆ ได้เห็นตัวอย่างหนังและรายละเอียดที่หนังค่อย ๆ ปล่อยอกมามากขึ้นก็เริ่มคาดเดาว่า หรือนี่อาจเป็นภาคต่อหรือหนังในจักรวาลเดียวกันกับ Inception (2010) เพราะหนังมีเนื้อหาเกี่ยวกับการโจรกรรมอะไรสักอย่างและเกี่ยวกับความฝัน อาการกึ่งหลับกึ่งตื่นของพระเอกด้วย นักแสดงนำอย่าง
ได้ให้คำตอบถึงคำถามนี้ (แบบก็ไม่ค่อยช่วยให้เข้าใจอะไรเพิ่มขึ้นอยู่ดี) กับสื่ออย่าง Esquire

“ผมบอกได้แค่ว่า Tenet เหมือนเป็นญาติทางกฎหมาย (ในความหมายนี้อาจสื่อถึงไม่ใช่พี่น้องจากพ่อแม่คนเดียวกัน ที่หมายถึงหนังจะอยู่ในจักรวาลเดียวกัน) ของ Inception พวกเขาเกี่ยวข้องกันจากการแต่งงาน พวกเขามาเจอกันในวันขอบคุณพระเจ้า มีงานเลี้ยงบาร์บีคิวแบบครอบครัวอะไรประมาณนั้น เหมือนเป็นญาติในครอบครัวที่คนนึงอาศัยอยู่ในยุโรป ส่วนอีกคนหนึ่งอยู่ในอเมริกา”

นอกจากนี้ในทีวีสปอตตัวใหม่ของ Tenet ที่ปล่อยออกมาทางช่องของ Esquire ด้วย ได้เพิ่มเติมหลังจากตัวอย่างที่ 2 แม้ว่าจะใช้ฟุตเตจเดิมเดียวกันกับในหนังตัวอย่างเกือบทั้งหมด แต่ก็มีแฟน ๆ จับสังเกตว่า มีประโยคพิเศษประโยคหนึ่งที่เพิ่มมาคือ “มันถูกผลิตมาจากในอนาคต” ซึ่งฟังเผิน ๆ หนังก็จะเกี่ยวข้องกับการย้อนเวลาหรือการเดินทางข้ามเวลา ขัดแย้งกับที่ Pattinson เคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า หนังจะไม่มีเนื้อหาเกี่ยวของการย้อนเวลาอย่างแน่นอน

ทิ้งท้ายไว้ด้วยภาพอาร์ตจากศิลปิน Bosslogic ที่แต่งภาพตลกกวน ๆ ให้บทของนักแสดง John David Washington กลายเป็นกรีนแลนเทิร์นตามที่แฟน ๆ เรียกร้องไป ซึ่งก็ดูเข้าทีดีเหมือนกันนะ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส