แน่นอนว่า 1 ในโปรเจกต์สำคัญที่แฟน ๆ รอคอยมากที่สุดโปรเจกต์หนึ่งของฮอลลีวูด ก็คงต้องยกให้กับ ‘The Movie Critic’ ผลงานการกำกับหนังเรื่องที่ 10 และเรื่องสุดท้ายที่ผู้กำกับสายระห่ำ เควนทิน ทารันทิโน (Quentin Tarantino) ที่เจ้าตัวเคยลั่นวาจาไว้ว่า นี่จะเป็นผลงานการเขียนบทและกำกับเรื่องสุดท้าย ก่อนจะปิดฉากชีวิตการทำงานตลอด 32 ปีในวงการของเขาและหันไปทำงานเบื้องหลัง เขียนหนังสือตามใจตัวเองในภายหลัง

แต่ดูเหมือนว่าสิ่งนั้นอาจไม่เกิดขึ้นจริงเสียแล้ว เพราะมีสื่อหลายสำนัก โดยเฉพาะเว็บไซต์ Deadline ที่รายงานข่าว Exclusive จากแหล่งข่าวที่เปิดเผยว่า อยู่ดี ๆ ทารันทิโนเกิดเปลี่ยนใจ เทโปรเจ็กต์หนังเรื่องสุดท้ายของเขาที่กำลังจะเตรียมการเพื่อเริ่มถ่ายทำภายในปีนี้โดยให้เหตุผลง่าย ๆ ว่า เขาเพียงแค่ ‘เปลี่ยนใจ’ ไปเสียเฉย ๆ

‘The Movie Critic’ โปรเจ็กต์หนังเรื่องที่ 10 ของทารันทิโนที่แต่เดิมวางไว้ว่าจะเป็นหนังเรื่องสุดท้ายก่อนจะเกษียณงานผู้กำกับไปอย่างถาวร โดยภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นการเล่าถึงนักวิจารณ์ภาพยนตร์ ที่เขียนคอลัมน์วิจารณ์หนังใน Porno Rag หรือนิตยสารลามกยุค 70s ที่ใช้ลีลาการเขียนด้วยสำบัดสำนวนวิจารณ์หนังแบบดุเด็ดเผ็ดร้อน

ซึ่งเป็นสิ่งที่ทารันทิโนได้เคยอ่านตอนสมัยวัยรุ่น ตอนที่เขาทำงานเป็นคนบรรจุนิตยสารโป๊และคอยเก็บเงินจากตู้ขายนิตยสารแบบหยอดเหรียญ ท่ามกลางบรรยากาศของฮอลลีวูด แคลิฟอร์เนีย ในปี 1977 ที่คล้ายว่าจะมีเนื้อหาที่อาจเชื่อมต่อกับ ‘Once Upon a Time in Hollywood’ (2019) ที่เล่าถึงบรรยากาศฮอลลีวูดปลายยุค 60s แบบกลาย ๆ

rad Pitt, Leonardo DiCaprio, and Quentin Tarantino in Once Upon a Time in... Hollywood

ทารันทิโนเล่าถึงนักเขียนวิจารณ์หนังใน Porno Rag ที่ไม่มีชื่อเสียง แต่เป็นแรงบันดาลใจของเขาในหนังเรื่องนี้ไว้ว่า “คอลัมน์อื่น ๆ มันอ่านยากเกินไปสำหรับผม แต่คอลัมน์ที่มีบทวิจารณ์ภาพยนตร์นั่นแหละที่น่าสนใจจริง ๆ เขาเป็นคนที่เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับหนังกระแสหลัก และเขาเองก็เป็นนักวิจารณ์เกรดรอง ๆ แต่ผมเองคิดว่าเขาเป็นนักวิจารณ์ที่ดีมาก เขาปล่อยคำถากถางราวกับหลุดมาจากขุมนรก บทวิจารณ์ของเขาเป็นการผสมผสานระหว่าง ฮาวเวิร์ด สเติร์น (Howard Stern) ในยุคแรก ๆ กับสิ่งที่ ทราวิส บิกเคิล (Travis Bickle, ตัวละครจาก Taxi Driver (1976) เป็น หากเขาเป็นนักวิจารณ์ภาพยนตร์”

ก่อนหน้านี้มีข่าวลือมากมายว่า ‘The Movie Critic’ จะมีการปรากฏตัวของนักแสดงจาก ‘Once Upon a Time in Hollywood’ ด้วย นั่นก็คือ แบรด พิตต์ (Brad Pitt) ที่อาจจะได้กลับมารับบทเป็น คลิฟฟ์ บูธ สตันต์แมนคนเก่ง ที่เคยส่งให้พิตต์คว้ารางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมมาครอง หรืออาจเป็นการรวมนักแสดงดัง ๆ ที่เคยร่วมงานกับทารันทิโนในหนังเรื่องอื่น ๆ ด้วย แต่สุดท้ายมีข่าวลือว่า ทารันทิโนเองกำลังพยายามจะรื้อบทใหม่โดยหันไปเน้นเรื่องราวของ คลิฟฟ์ บูธ ให้มากขึ้นจนเป็นที่มาที่ทำให้เขายังเขียนบทไม่เสร็จสิ้นเสียที

รายงานระบุเพิ่มเติมว่า โปรเจ็กต์นี้มีกำหนดถ่ายทำในวันหนึ่งของเดือนสิงหาคม เพื่อให้มีสิทธิ์ได้รับเครดิตภาษีของรัฐแคลิฟอร์เนีย จำนวน 20.5 ล้านเหรียญ (ประมาณ 753 ล้านบาท) ก่อนที่จะเริ่มต้นโปรดักชันอย่างจริงจังภายในต้นปี 2025 แต่ปรากฏว่าโปรเจ็กต์นี้ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด และไม่ได้เป็นโปรเจ็กต์ภายใต้สตูดิโอรายใดด้วย แม้จะเคยมีข่าวว่า Sony อาจเป็นสตูดิโอเจ้าของหนังเช่นเดียวกับเรื่องก่อนหน้า

Brad Pitt, Quentin Tarantino, and Elise Nygaard Olson in Once Upon a Time in... Hollywood

ก่อนหน้านี้ เขาเคยถอยห่างโปรเจ็กต์ ‘Star Trek’ ฉบับเรต R ที่ทำให้กับ Paramount Pictures เนื่องจากเป็นโปรเจ็กต์ที่เขารู้สึกว่าใหญ่เกินจนกว่าที่เขาจะควบคุมได้อย่างเบ็ดเสร็จ จนนำมาสู่การล้มโปรเจ็กต์ในที่สุด ในปี 2022 เขาเองก็เคยล้มเลิกความคิดในการสร้างทีวีซีรีส์จำนวน 8 ตอนที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นไตเติลใดกันแน่ หรือย้อนไปก่อนหน้านั้น เขาเองเคยปฏิเสธที่จะกำกับ ‘The Hateful Eight’ (2015) ทันทีหลังจากที่บทหนังหลุดออกมาทางออนไลน์ ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนใจกลับไปกำกับในภายหลัง

ปี 2012 ทารันทิโนเคยให้สัมภาษณ์กับ Playboy ว่า “พอถึงจุดหนี่ง ผมก็อยากจะหยุดทำหนัง การที่อายุเยอะไม่ได้แปลว่าจะกำกับหนังได้ดีขึ้น ปกติแล้วหนังที่แย่ที่สุดในผลงานของผู้กำกับ ก็มักจะเป็นหนัง 4 เรื่องสุดท้ายในช่วงท้าย ๆ แล้ว และผมเป็นคนที่สนใจใน Filmography ของตัวเองมาก ซึ่งก็มักจะมีหนังเหี้-สักเรื่อง และหนังดี ๆ อีก 3 เรื่อง ผมไม่ต้องการจะมีหนังแย่ ๆ หรือหนังตลกเข้าใจยาก ๆ ใน Filmography หนังที่ทำให้คนคิดว่า ‘ให้ตาย เขายังคิดเหมือนเมื่อ 20 ปีที่แล้วเลยว่ะ’ เพราะว่าผู้กำกับล้าสมัยไปแล้ว ซึ่งมันเป็นอะไรที่ไม่ดีเลย”

ณ เวลานี้จึงยังไม่ชัดเจนว่า ตกลงแล้วทารันทิโนจะทำอะไรต่อ เขาจะหันไปหยิบจับโปรเจ็กต์ใดมากำกับเป็นเรื่องถัดไปแทน และโปรเจ็กต์เรื่องใดจะเหมาะสมที่สุดในการเป็นหนังเรื่องสุดท้ายในชีวิตของเขา ก่อนจะเกษียณและหันไปทำอย่างอื่นที่ตั้งใจไว้ เช่น ผันตัวไปทำงานเบื้องหลัง กำกับอย่างอื่นที่ไม่ใช่หนัง เช่น หนังสั้น ซีรีส์ และหันไปทำงานเขียนหนังสือ ทั้งบทความและนิยายอย่างจริงจัง