เทสลา (Tesla) ประกาศปรับลดราคา FSD เบต้า ลงมา 3,000 เหรียญ (106,000 บาท) ลดลง 20% จากราคาเมื่อเดือนสิงหาคม 2022 ที่ 15,000 เหรียญ เหลือเพียง 12,000 เหรียญ (424,000 บาท)

รถยนต์ไฟฟ้าของเทสลามาพร้อมกับบางฟีเจอร์อยู่ในการช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่เป็นมาตรฐาน เรียกว่า “Autopilot” ส่วนใครที่อยากได้ฟีเจอร์พิเศษกว่านี้ ก็จะต้องจ่ายเพิ่ม 6,000 เหรียญ (212,000 บาท) สำหรับ “Enhanced Autopilot” ที่มีฟีเจอร์ช่วยในการจอดรถ และเลื่อนรถออกมาจากที่แคบด้วยสมาร์ตโฟน

หากต้องการฟีเจอร์แบบสุดขีดก็ให้ซื้อ FSD ที่รวมทั้ง “Enhanced Autopilot” และฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น ความสามารถในการตรวจจับและหยุดที่สัญญาณไฟจราจรและป้ายหยุด ซึ่งซีอีโอ อีลอน มัสก์ ให้คำมั่นว่าจะปล่อยความสามารถในการขับขี่อัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2020 หลังจากนั้นก็ได้เลื่อนมาเรื่อย ๆ

เดือนกุมภาพันธ์ 2023 เทสลาได้เรียกคืนรถยนต์ 362,758 คัน โดยสมัครใจและเตือนว่าซอฟต์แวร์ FSD Beta อาจทําให้เกิดความผิดพลาด จากนั้นก็ได้หยุดปล่อยการติดตั้งซอฟต์แวร์ FSD ใหม่ไว้ชั่วคราวและรอการติดตั้งกลับมา

เดือนกรกฎาคม มัสก์ได้กล่าวในการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ว่าเทสลาจะอนุญาตให้ซอฟต์แวร์ FSD แก่ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น และต่อมาเดือนสิงหาคม สำนักการบริหารความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐฯ (NHTSA) ได้แสดงความกังวลด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับ FSD

GM, Ford และผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ ก็กำลังเปิดตัวระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ซึ่งมีฟีเจอร์การขับขี่แบบแฮนด์ฟรีเฉพาะบนทางหลวง โดยรถยนต์จะขับขี่ด้วยตนเองไม่ต้องใช้มือจับพวงมาลัย แต่ผู้ขับขี่จะยังคงต้องให้ความสนใจกับการจราจรบนถนน

เดือนสิงหาคม Polestar ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติสวีเดนได้เปิดตัวรถยนต์ SUV คูเป้ไฟฟ้า Polestar 4 ในประเทศจีน และจะออกสู่ตลาดในปี 2024 ซึ่งมาพร้อมด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง SuperVision (ADAS) ของ Mobileye  ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับฟีเจอร์ FSD ของเทสลา และมีแผนว่าอนาคตจะใช้ Chauffeur ระบบขับขี่อัตโนมัติระดับสูงในราคาไม่เกิน 6,000 เหรียญ (210,960 บาท) ภายในปี 2025

ที่มา : techcrunch.com

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส