GoPro ได้ประกาศเลิกจ้างพนักงานจำนวน 200 คนหรือประมาณ 20% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งมีเป้าหมายที่จะลดค่าใช้จ่ายประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยการเปลี่ยนธุรกิจส่วนใหญ่ไปเป็นรูปแบบ Direct-to-consumer model หรือการขายสินค้าไปยังผู้บริโภคโดยตรงเพื่อผ่านผู้ค้าปลีกที่เป็นตัวกลางน้อยลง บริษัทได้เปิดเผยว่ารายได้ของไตรมาส 1 น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของปี 2019 และซีอีโอ Nicholas Woodman จะขอไม่รับเงินเดือนในช่วงที่เหลือของปี การแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้เข้ามาโจมตีในช่วงที่ GoPro พึ่งเริ่มฟื้นจากความล้มเหลวในผลิตภัณฑ์โดรน Karma แต่ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2019 รายได้ของบริษัทได้กระโดดขึ้นมาอย่างมากเนื่องจากช่วงแห่งความสำเร็จของ Hero 8 Black และคาดว่าจะสร้างยอดขายได้เพียง 119 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในไตรมาส 1 ของ 2020 ซึ่งเทียบเคียงกับ 528 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในไตรมาสก่อนหน้านี้ที่ไม่มีไวรัสระบาด แต่อย่างไรก็ตามแผนการออกผลิตภัณฑ์ในปี 2020 จะยังคงเหมือนเดิม GoPro กล่าวในแถลงการณ์ว่าการเปลี่ยนมาใช้ Direct-to-consumer model เนื่องจากผลกระทบของ COVID-19 ที่แพร่กระจายไปทั่วโลก…

หลายประเทศทั่วโลกใช้มาตรการเทียบ "อาการที่ใกล้เคียง" หรือ "บุคคลที่มีกลุ่มเสี่ยง" ในการตรวจหาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ แต่สำหรับประเทศไอซ์แลนด์ใช้กลยุทธิ์ที่แตกต่างกันออกไป โดยผู้เชี่ยวชาญเผยว่าการทดสอบผู้ติดเชื้อที่ครอบคลุมนับเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี ประเทศไอซ์แลนด์มีประชากรทั้งสิ้น 360,000 คน โดยคัดกรองมาแล้วทั้งสิ้น 17,900 คน หรือคิดเป็น 5% ของประชากรทั้งประเทศ โดยโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งชาติได้ทำการตรวจหาเชื้อในประชากรที่มีกลุ่มเสี่ยง หรือมีอาการแสดงของโรคแล้ว และเกือบครึ่งของกาตรวจเชื้อเป็นหน้าที่ของ deCODE Genetics ซึ่งโฟกัสไปที่กลุ่มประชากรที่ใหญ่ขึ้น โปรแกรมของ deCODE รับการตรวจเชื้อทุกคนที่ไม่แสดงอาการ ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง และไม่ได้อยู่ในขั้นตอนการกักตัว ผลตรวจพบว่า.. deCODE ได้ทดสอบประชากรถึง 9,000 คน จากการตรวจเชื้อพบว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาเพียง 1% (มีผลเป็นบวก) แต่ในจำนวนนั้น กว่าครึ่งเป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งช่วยยืนยันการศึกษาในก่อนหน้านี้ว่าผู้ป่วย Covid-19 ที่ไม่แสดงอาการเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เชื้อเกิดการแพร่ระบาดได้เร็วขึ้นกว่าเดิม Dr. Kári Stefánsson ผู้ก่อตั้ง deCODE แสดงความคิดเห็นว่า "ในความคิดผมนะ นี่เป็นการคัดกรองประชาชนทั่วไปที่มีการติดเชื้อก่อนที่พวกเขาจะมีการแสดงอาการออกมา" ไอซ์แลนด์ยังไม่ปิดเมือง ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่ยังไม่ใช้มาตรการปิดเมืองหรือ Lockdown เหมือนหลาย ๆ…

การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลต่อการใช้ชีวิตของคนจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือเรื่องการเดินทางที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด การทำงานจากบ้าน หรือ Work Form Home เริ่มกลายเป็นสิ่งที่คุ้นเคยของหลาย ๆ คน รวมถึงกับสัตว์เลี้ยงภายในบ้านด้วย เรื่องวุ่น ๆ ที่คาดไม่ถึงจึงเกิดขึ้น   เจฟฟ์ ไลยอนส์ (Jeff Lyons) หัวหน้าผู้ประกาศข่าวพยากรณ์อากาศ รายการ 14 First Alert ช่อง 14 news โทรทัศน์ท้องถิ่นของสหรัฐอเมริกา ก็เป็นอีกคนที่ทำงานจากบ้าน เขาติดตั้งกรีนสกรีนไว้ในห้องครัวเพื่อรายการสภาพอากาศ ตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เพื่อช่วยควบคุมโรค ทว่า "เบ็ตตี้" แมวของเขากลับไม่แคร์การรักษาระยะห่างใด ๆ ทั้งสิ้น https://www.facebook.com/watch/?v=240212400671368 ไม่กี่วันก่อน เบ็ตตี้ปรากฏตัวระหว่างที่เจฟฟ์กำลังพยากรณ์อากาศ และนับแต่วันนั้น เจ้าเหมียวก็กลายเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาแฟนรายการไปในทันที เบ็ตตี้ปรากฏตัวอีกสองสามครั้ง จนกระทั่งล่าสุดก็ได้มีกราฟิกใต้ภาพ “Betty the weather cat” (เบ็ตตี้แมวพยาการณ์อากาศ) เป็นของตัวเองแล้ว  และไม่ใช้แค่ในอเมริกานะ ตอนนี้เบ็ตตี้ดังข้ามทวีปไปถึงสหราชอาณาจักรเลยทีเดียว ดังจนมีแฟนคลับเอาไปทำมีมแล้วด้วย…

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ได้ทำให้โลกหลังจากโรคนี้อุบัติขึ้นหน้าตาไม่เหมือนเมื่อตอนก่อนหน้านี้อีกต่อไป ทุกวงการล้วนได้รับผลกระทบหนักบ้างเบาบ้าง อย่างกรณีเครือโรงหนังที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ อย่าง AMC ที่จ่อจะประสบสภาวะล้มละลายในเร็ววัน สตูดิโอผลิตหนังสยองขวัญ Blumhouse Productions ผู้สร้างหนังดัวอย่าง Get Out (2017) และ Halloween (2018) ก็เตรียมปลดพนักงานจำนวนมาก หนังและซีรีส์ได้รับผลกระทบอย่างมากทั้งเลื่อนฉาย โดนโยกไปลงสตรีมมิง และพักกองถ่ายไม่มีกำหนด แต่ในวิกฤตก็ยังเหมือนจะมีคนมองเห็นโอกาสในการใช้ความคิดสร้างสรรค์สร้างสิ่งใหม่ที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนเช่นกัน สื่ออย่างเดดไลน์ได้รายงานว่า มีการประกาศสร้างซีรีส์เรื่อง The Agoraphobics Detective Society  ว่าด้วยเรื่องราวของ กลุ่มผู้ป่วยจิตเภทที่ร่วมมือกันตามหาจิตแพทย์ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ โดยความแปลกใหม่ที่สร้างสรรค์หรืออาจมองว่าประหลาดด้วยในที ก็คือตอนนำร่องตอนแรกของซีรีส์นี้จากทั้งหมด 8 ตอน นักแสดงจะต้องถ่ายทำจากที่บ้านของพวกเขาเอง เนื่องจากการล็อคดาวน์ในสหรัฐฯ ทำให้นักแสดงและทีมงานต้องกักตัวอยู่แต่ในบ้าน ซึ่งดูจากเนื้อเรื่องแล้วการถ่ายทำด้วยโทรศัพท์มือถือหรือกล้องวิดีโอด้วยตัวเองก็อาจจะเป็นการนำเสนอที่เข้าท่าอยู่เหมือนกัน ซีรีส์เต็มไปด้วยนักแสดงมากมายอย่าง Brian Cox (ซีรีส์ Succession และหนัง X-Men 2), Claes Bang (จากหนังรางวัลเมืองคานส์ The Square และมินิซีรีส์ Dracula ทาง Netflix…

ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 แบบนี้ แน่นอนว่าผู้คนทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกนอกจากจะต้องเผชิญกับโรคระบาดที่ส่งผลกระทบทางกาย และความหวาดวิตก ความเครียดจากการกลัวติดเชื้อซึ่งเป็นผลกระทบทางใจแล้ว พิษเศรษฐกิจจากการล็อกดาวน์ประเทศก็กำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงตามปัญหาการแพร่ระบาดตามมาติด ๆ อย่างที่หลายคนมีคำกล่าวว่า "ถ้าไม่ตายเพราะ Covid ก็จะอดตายเพราะไม่มีอะไรจะกิน" ภายใต้สถานการณ์ที่ผู้คนล้วนต้องการกำลังใจที่มอบให้แก่กัน ก็ปรากฏดราม่าหนึ่งที่สวนกระแสภาพความร่วมมือร่วมใจจนเป็นที่ร้อนแรง นั่นคือ การแนะนำวิธีคิดของ "ผู้กองเบนซ์" ไลฟ์โค้ชหนุ่มที่ออกมาแนะนำผ่านสื่อของตัวเองว่า "คนที่ลำบากในช่วงนี้คือ พวกไม่ยอมทำมาหากินเอง" ซึ่งทำให้ #ผู้กองเบนซ์ ขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา ก่อให้เกิดคำถามกับสังคมว่า ไลฟ์โค้ชแต่ละคนนั้นมีสิทธิหรือความเหมาะสมในการสั่งสอนและแนะนำคนอื่นได้มากน้อยแค่ไหน ใคร ๆ ก็เป็นไลฟ์โค้ชได้ใช่หรือไม่ เพราะการแนะนำความคิดของคนด้วยวิธีการที่ผิดหรือไม่เหมาะสมกับผู้ฟังแต่ละคนก็อาจส่งผลลัพธ์ในทางที่แย่ได้เช่นกัน https://www.youtube.com/watch?v=B9sQZsfH0yg https://twitter.com/m_umiiee/status/1249954421842182145 เมื่อเปิดประวัติ "ผู้กองเบนซ์" นั้นก็พบข้อมูลชื่อว่า ร.ต.อ.สี่ทิศ อ่ำถนอม เคยรับราชการตำรวจในตำแหน่งรองสารวัตร ต่อมาเป็นเจ้าของคอร์สสอนสร้างสติกเกอร์ไลน์อันดับของประเทศ ภายใต้ชื่อ Facebook Fanpage "iCreator: สติ๊กเกอร์ไลน์สร้างรายได้ไม่รู้จบ" และเป็นเจ้าของ Fanpage "ข้าราชการนอกกะลา" มีแนวทางในการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับการพัฒนาตนเองเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตจากการเป็นพนักงานประจำ หลังจากนั้นเขาได้ลาออกจากราชการ ผันตัวมาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำ Personal Branding…

14 เมษายน Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่าจะหยุดมอบเงินทุนไปยังองค์การอนามัยโลก (WHO) เพราะล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่ขั้นพื้นฐานรับมือกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยกล่าวหาว่ามีการจัดการที่ผิดและปกปิดการแพร่กระจายของไวรัสหลังจากที่เกิดขึ้นในจีน นอกจากนี้มีข้อมูลว่าในปี 2019 สหรัฐฯ เป็นผู้ให้ทุนรายใหญ่ที่สุดในโลกถึง 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 15 เมษายน บิลล์ เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft กล่าวผ่านทวิตเตอร์วิจารณ์การตัดสินใจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะหยุดให้ทุนเข้าองค์การอนามัยโลกมีใจความว่าการหยุดให้ทุนสำหรับองค์การอนามัยโลกในช่วงที่โลกตกอยู่ในวิกฤติสุขภาพเป็นอันตรายเท่าที่ฟัง ซึ่งงานขององค์การฯ กำลังชะลอการแพร่กระจายของ COVID-19 และถ้างานถูกหยุดไปก็ไม่มีองค์กรใดสามารถแทนที่ได้ ขณะนี้โลกต้องการองค์การอนามัยโลกมากกว่าที่เคย https://twitter.com/BillGates/status/1250292126643941376?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1250292126643941376&ref_url=https%3A%2F%2Fwww.cnet.com%2Fnews%2Fbill-gates-the-worlds-needs-who-now-more-than-ever%2F มูลนิธิของเกตส์ได้ออกมาพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าอะไรที่จำเป็นต้องทำเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของ COVID-19 เมื่อ 2 เมษายน บิลล์ เกตส์ได้กล่าวว่าสหรัฐฯ จำเป็นต้องปิดตัวเองทั่วประเทศเพื่อระงับการแพร่กระจายของไวรัส ต่อมาในวันที่ 9 เมษายน บิลล์ เกตส์ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC ว่ามีความจำเป็นต้องปรับปรุงการทดสอบผู้ติดเชื้อถ้าประเทศต้องการกลับไปสู่การเปิดประเทศอีกครั้ง ที่มา : cnet   พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

สำนักข่าวท้องถิ่นมีบทบาทสำคัญสำหรับการดูแลรักษาผู้คนและชุมชนในช่วงวิกฤต COVID-19 โดยการนำเสนอข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงและความคืบหน้าเกี่ยวกับการปิดเมือง ปิดสถานที่หรือการกักตัว การปิดโรงเรียนและสวนสาธารณะ รวมทั้งผลกระทบจาก COVID-19 ที่จะเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เพื่อการเตรียมพร้อมรับมือและทราบช่องทางในการช่วยเหลือเกี่ยวกับ COVID-19 ที่เชื่อถือได้ ในระหว่างการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง บริษัทที่เคยทุ่มงบโฆษณาต้องตัดงบส่วนนี้ออกไป ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมข่าวมีรายได้น้อยลงและอาจไม่มีเงินเพียงพอในการดูแลคนทำข่าว 15 เมษายน มูลนิธิ Google News ได้ประกาศเปิดตัวกองทุนบรรเทาทุกข์สำนักข่าวฉุกเฉิน (Journalism Emergency Relief Fund) เพื่อมอบความช่วยเหลือแก่สำนักข่าวขนาดเล็ก ขนาดกลาง และสำนักข่าวท้องถิ่นหลายพันทั่วโลก ซึ่งเงินทุนนี้จะเปิดให้กับองค์กรข่าวที่ผลิตข่าวอยู่แล้ว (อย่างน้อย 12 เดือน) นำเสนอให้กับชุมชนในท้องถิ่นระหว่างช่วงเวลาที่วิกฤตินี้ ซึ่งเงินทุนที่มอบให้จะเริ่มจากหลักพันเหรียญสหรัฐฯ สำหรับสำนักข่าวท้องถิ่นขนาดเล็กไปจนถึงหลักหมื่นเหรียญสหรัฐฯ สำหรับสำนักข่าวขนาดใหญ่ที่มีขนาดแตกต่างกันไปตามภูมิภาคและสำนักข่าวในประเทศไทยก็ได้รับสิทธิ์นี้ด้วย สำนักข่าวสามารถสมัครขอรับทุนได้ตั้งแต่วันที่ 15 - 29 เมษายน 2020 เวลา 23.59 น. (เวลาแปซิฟิก) ผ่านการกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ ผู้สมัครจะได้รับแจ้งสถานะการสมัครทางอีเมลโดยเร็วที่สุด แล้วจะมีการพิจารณาและมอบทุนต่อไป นอกจาก Google แล้วเมื่อ 30 มีนาคม…

หนุ่นน้อยรายนี้มีชื่อว่า อาวิ ชิฟฟ์แมน วัยเพียงแค่ 17 ปี เขาเป็นชายเมืองซีแอตเทิลโดยกำเนิด ชื่อของอาวีเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างเมื่อเขาทำเว็บไซต์ https://ncov2019.live/ เพื่อติดตามผลการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ทั้งในสหรัฐฯและทั่วโลก พื้นเพดั้งเดิมของอาวีเขาก็เหมือนเด็กหนุ่มในวัยนี้ทั่วไป ที่ชอบเล่นวิดีโอเกมเป็นชีวิตจิตใจ เกมโปรดคือ Minecraft แล้วยังชอบเล่น CS:GO กับเพื่อน ๆ จนเมื่อทั่วโลกประสบวิกฤตการณ์ไวรัส Covid-19 แพร่ระบาด จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เขาหันมาทำเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลติดตามผล อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้เขารวบรวมข้อมูลมากมายเพียงนี้? อาวีเล่าว่าขั้นตอนที่ยากที่สุดในการทำเว็บไซต์นี้คือการรวบรวมข้อมูลจำนวนมากจากทั่วโลก โดยเฉพาะข้อมูลจากรัฐบาลจีน ที่เขาเจอปัญหาหนักคือการแปลภาษาจีน ทำให้เขาต้องใช้วิธีการพลิกแพลงเสียหน่อยกับข้อมูลภาษาจีนกว่าจะได้ตัวเลขที่ถูกต้อง อาวีบอกว่าจุดมุ่งหมายในการทำเว็บไซต์นี้ เพื่อต้องการให้ผู้คนทั่วไปได้เข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ จำนวนผู้ที่รักษาหาย หรือผู้ที่เสียชีวิตจากทุก ๆ ประเทศ และข้อมูลอื่น ๆ อีกมากที่เป็นประโยชน์ และเว็บไซต์ของเขามีข้อมูลที่ละเอียด ดูง่าย ทำให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างในระยะเวลาอันสั้น แม้แต่ตัวเขาเองยังตกใจที่เห็นว่ามีผู้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเขาแล้วถึง 350 ล้านคน นั่นคือประมาณ 30 ล้านคนต่อวัน แน่นอนว่าเว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมมากมายขนาดนี้ ย่อมเป็นที่สนใจของบรรดานายทุนหลายราย ที่มาขอลงโฆษณาบนเว็บไซต์ของเขา อาวีเล่าว่าเขาได้รับการติดต่อขอลงโฆษณาบ่อยมาก บางรายเสนอตัวเลขสูงถึง 8…

ดีแทคเผยผลสำรวจความกังวลลูกค้าองค์กรและ SME กว่า 700 คนกว่า 50 องค์กรถึงความต้องการในช่วงวิกฤตโควิด – 19 พบว่าผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก ไม่มีโซลูชั่นที่พร้อมรองรับการทำงานที่บ้าน ดีแทคจึงได้ตอบสนองความต้องการในเวลานี้ด้วยโซลูชั่นทางรอดธุรกิจ เพื่อช่วยให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ ความกังวล 3 อันดับแรกขององค์กรธุรกิจและ SME คือ ธุรกิจไม่พร้อมอำนวยความสะดวกให้พนักงาน เมื่อต้องทำงานที่บ้าน พนักงานของบริษัทฯโดยเฉพาะ SMEs ต้องทำงานที่หอพักหรือกลับภูมิลำเนา ที่อาจจะไม่มี WIFI หรือ Internet ที่เสถียรมากพอ เพื่อการใช้ทำงานร่วมกัน เช่น วิดีโอ conference  พนักงานยังต้องการให้องค์กร สนับสนุนค่าใช้อินเทอร์เน็ต มีความกังวลและ WIFI ที่บ้านไม่พอในการรองรับการทำงานได้หลายๆคนในบ้าน โปรแกรมฟรีที่ใช้ทำงานจากที่บ้าน มีการใช้งานมากขึ้นเป็นตัวเลขสองถึงสามหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประชุมทางวิดีโอ ซึ่งต้องใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่าปกติ รวมถึงความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตที่มากขึ้นของพนักงาน ในขณะที่ธุรกิจ SME ยังไม่มีลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องในการใช้โปรแกรมทำงาน เช่น Microsoft office ที่มีความปลอดภัยในการทำงานมากกว่าแอปพิเคชั่นฟรีที่พนักงานมีใช้กันอยู่ นายราจีฟ บาวา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจองค์กรและธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “หลายองค์กรกำลังมุ่งเน้น ให้ความสำคัญกับแนวโน้มของโลก ในการทำงานที่ไหนก็ได้ และสนับสนุนให้พนักงานสามารถทำงานนอกสำนักงานได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ด้วยการพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่อรองรับรูปแบบการทำงานเช่นนี้ ดังนั้นแพลทฟอร์มที่ช่วยในการทำงานเป็นทีม เพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของข้อมูลในการทำงานให้ได้อย่างไร้รอยต่อจึงเป็นความจำเป็นสำหรับการทำงานในรูปแบบใหม่นี้  ดีแทคจึงได้แนะนำโซลูชั่นทางรอดธุรกิจ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจ และพนักงานได้อย่างสบายใจ ไร้กังวล ซึ่งดีแทคได้ต่อยอดข้อเสนอเพิ่มเติม จากข้อเสนอก่อนหน้านี้ ที่ให้แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตสุดคุ้ม และทำงานที่ไหนก็สบายใจด้วยระบบการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลจาก NetFoundry ให้สอดคล้องกับความต้องการทำงานที่บ้าน เพื่อให้ลูกค้าองค์กรมีความมั่นใจว่า จะสามารถทำงานได้ประสิทธิภาพ เสถียร และปลอดภัย โดยไม่กระทบความสามารถในการให้บริการลูกค้า ทำงานจากอินเทอร์เน็ตได้ไม่หยุด ไม่สะดุดด้วย pocket…

สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายจาก Covid-19 อาจจะมีและไม่มีระบบภูมิคุ้มที่สามารถป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อซ้ำสองได้ และยังเร็วเกินไปที่จะทราบได้ว่าระบบภูมิคุ้มกันอยู่ได้นานขนาดไหน ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกหรือ WHO คือคุณ Tedros Adhanom Ghebreyesus เผยว่า Covid-19 นั้นร้ายแรงกว่าไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่เกิดจากเชื้อไวรัส H1N1 ถึง 10 เท่า ปัจจุบันยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาหรือ Covid-19 นั้นกำลังจะแตะ 2 ล้านคน ในบางประเทศมีผู้ป่วยรายวันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยประธานของ WHO, Tedros Adhanom Ghebreyesus กล่าวว่า Covid-19 นั้นร้ายแรงกว่าไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่เคยแพร่ระบาดไปแล้วถึง 10 เท่า ซึ่ง WHO ได้เผยตัวเลขผู้เสียชีวิตจาก H1N1 ทั้งหมด 18,500 คน พบครั้งแรกในเมกซิโกและสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนมีนาคม 2009 ไข้หวัดใหญ่ 2009 หรือไข้หวัดหมู เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส H1N1 เริ่มพบการระบาดตั้งแต่เดือนเมษายน 2009 ระบาดครั้งแรกในรัฐเบรากรุซ ประเทศเม็กซิโก ถึงแม้ว่ารัฐบาลเม็กซิโกจะพยายามจะยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคด้วยการปิดสถานที่ราชการและเอกชนจำนวนมากแล้วก็ตาม แต่เชื้อก็ได้ระบาดอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก…

ในขณะนี้ที่ผู้คนทั่วโลกต่างเฝ้าระวังและรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดและการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 และปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยชะลออัตราการแพร่ระบาดของไวรัสและเพื่อความปลอดภัยของทุกคนนั้น Google Search ช่วยให้คนไทยค้นหาข้อมูลของ COVID-19 ได้ง่ายขึ้น ด้วยการค้นหาคำว่า “โคโรนา” หรือ “โควิด-19” หรือ “โควิด19” หรือ “โควิด 19” เป็นภาษาไทย ก็จะพบกับชุดข้อมูลครอบคลุมตั้งแต่ ภาพรวมของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) อาการ การป้องกัน การบำบัดรักษา สถิติของทุกประเทศทั่วโลก รวมไปถึงข่าวอัปเดตเรียลไทม์ทั้งจากในไทยและทั่วโลกจากสำนักข่าวต่างๆ อย่างครบถ้วน และสำหรับข้อมูลสถิตินั้นจะแสดงถึงจำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้ที่รักษาหาย และผู้เสียชีวิต จากทุกประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับความช่วยเหลือและข้อมูล  ที่เป็นการชี้แจงข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และองค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อยืนยันข้อมูลในความถูกต้องและเชื่อถือได้ และรวมไปถึงกล่องความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  เช่น เชื้อไวรัสโคโรนาเป็นเชื้อไวรัสประเภทใด และมีวิธีการแพร่เชื้ออย่างไร และอาการที่สามารถสังเกตุได้เบื้องต้น เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันการติดเชื้อโรคไวรัสชนิดนี้ในขั้นต่อไป

ในระหว่างที่ COVID-19 กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกมีผู้ป่วยแล้วเกือบ 2 ล้านคนและเสียชีวิตกว่า 120,000 คน ซึ่งผู้ป่วยที่อาการหนักจะไม่สามารถหายใจด้วยตัวเองได้ ดังนั้นเครื่องช่วยหายใจจึงเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่ต้องเร่งจัดหาและผลิตขึ้นมาอย่างเร่งด่วน เพื่อจะช่วยยื้อชีวิตผู้ป่วยให้มากที่สุด ซึ่งผู้ผลิตต่างพยายามออกแบบเครื่องช่วยหายใจที่สามารถผลิตได้รวดเร็วและราคาไม่แพง Raspberry Pi เป็นบอร์ดคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่มีราคาไม่แพงได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้เป็นส่วนควบคุมการทำงานให้กับเครื่องช่วยหายใจ ซึ่งจะใช้ในการตั้งค่าแรงดันอากาศและเปิดปิดวาล์วช่วยเหลือให้ผู้ป่วยหายใจ โดยเฉพาะ Pi Zero คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กประมาณเท่ากับบัตรเครดิต (65 x 30 x 5 ม.ม.) มีหน่วยประมวลขนาด 1GHz โดยสถาปัตยกรรมของ ARM แรมขนาด 512 MB มีช่องเสียบใส่ microSD card และช่องสำหรับเชื่อมต่อ HDMI และ Micro USB ในราคาที่แสนถูกเพียง 5$ (164 บาท) ซึ่งมีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับนำมาใช้ควบคุมการประมวลผลงานอย่างง่ายของเครื่องช่วยหายใจ และเว็บไซต์ Tom's Hardware ได้รายงานว่ามูลนิธิ Raspberry Pi กำลังเพิ่มกำลังการผลิตบอร์ด Pi Zere ให้เพียงพอสำหรับการนำไปผลิตเครื่องช่วยหายใจ…

นักวิจัยจากประเทศจีนได้เผยผลการทดลองพบว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Covid-19 นั้นมีความสามารถในการทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายด้วย ทีมนักวิจัยจากเซี่ยงไฮ้และนิวยอร์กรายงานผลการวิจัยพบว่า Covid-19 สามารถโจมตีระบบภูมิคุ้มกันได้เหมือนกับที่ HIV ทำ โดยการทดลองนั้นทำโดยการคัดเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา เจาะเยื่อหุ้มเซลล์ และฉีดสารเคมีเข้าไปในเซลล์ สารเคมีดังกล่าวจะทำลายเซลล์โดยทำลายทั้งไวรัสและเซลล์ที่ติดเชื้อ โดยทำให้เซลล์แตกเป็นชิ้น ๆ แต่ความน่าทึ่งคือ T-Cell ดันกลายเป็นเหยื่อของไวรัสโคโรนาไปเสียอย่างนั้น เสริม: T-Cell หรือ T lymphocyte เป็นเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันที่ทำหน้าที่ตรวจจับและทำลายสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายเรา นักวิจัยได้พบแท่งโปรตีนชนิดพิเศษเฉพาะตัวของไวรัสโคโรนาที่จะจับเข้ากับเยื่อหุ้มเซลล์ เมื่อเปลือกของไวรัสและเยื่อหุ้มเซลล์มาสัมผัสกัน และเมื่อเกิดปฏิกิรยานี้เสร็จสมบูรณ์ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ก็จะเข้ายึด T-cell ให้เป็นโฮสต์พร้อมกับปิดความสามารถในการตรวจจับสิ่งแปลกปลอมของ T-cell อีกด้วย หลังพบปรากฏการณ์ดังกล่าว นักวิจัยได้ทำการทดสอบกับไวรัสโคโรนาที่ทำให้เกิดโรค SARS แต่พบว่าไวรัสดังกล่าวไม่โจมตี T-Cell เหมือนกับ Covid-19 แต่จุดแตกต่างระหว่าง Covid-19 และ HIV คือ เมื่อ HIV เข้าโจมตี T-Cell แล้ว จะมีการแบ่งตัวเซลล์ภายใน T-Cell เปรียบเสมือนเป็นโรงงานที่สร้างเชื้อไวรัสใหม่ขึ้นมาเรื่อย ๆ แล้วกระจายไปตามร่างกาย แต่สำหรับ Covid-19…

จากที่เราเห็น ๆ มาว่าหลัง Covid-19 ระบาด ธรรมชาติของโลกก็ดูจะสวยงามขึ้น แต่ไม่ใช่กับขยะพลาสติกแน่นอน ทุกประเทศทั่วโลกยังคงมีซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือตลาดเปิดอยู่เนื่องจากคนเราก็ยังจำเป็นต้อง "กิน" แต่เนื่องจากความหวาดกลัวเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ทำให้พฤติกรรมของมนุษย์เริ่มหันมาใช้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าการใช้ถุงพลาสติกแบบซ้ำ ๆ หรือวนใช้อีกรอบจะทำให้ไวรัสโคโรนาแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น แต่ผู้คนต่างเริ่มกลัวว่าการนำถุงพลาสติกมาใช้ซ้ำอีกครั้งจะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรครวมถึงไวรัสโคโรนา เนื่องจากมีข้อมูลระบุว่าไวรัสโคโรนาสามารถอยู่บนพื้นผิวที่เป็นพลาสติกได้นานถึง 3 วันในห้องแล็บ แต่ยังไม่มีงานวิจัยในส่วนของถุงผ้าออกมา ทุกวันนี้มีการเผยแพร่ข้อมูลว่าไวรัสสามารถอยู่รอดบนพื้นผิวได้หลายประเภท และเนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเรื่องการแพร่ระบาดจากวัตถุที่แน่ชัด นักวิจัยจะตั้งสมมติฐานว่ามันสามารถแพร่ระบาดได้ก่อน จนกว่าจะมีคนพิสูจน์ว่ามันไม่สามารถแพร่ระบาดได้ Meghan May ศาสตราจารย์ด้านจุลชีววิทยาและโรคติดเชื้อที่วิทยาลัยการแพทย์ Osteopathic แห่งมหาวิทยาลัยนิวอิงแลนด์กล่าวว่า คนที่มีความเสี่ยงมากที่สุดก็คือพนักงานประจำร้านค้าที่ต้องทำงานโดยพบเจอกับผู้คนมากมาย ทำให้เกิดโอกาสส่งผ่านเชื้อได้ง่าย ดังนั้นร้านค้าจึงเลือกที่จะใช้ถุงพลาสติกแบบใช้ทีเดียวทิ้งมากขึ้น รวมถึงร้านกาแฟอย่าง Starbucks ที่งดรับแก้วส่วนตัวของผู้บริโภคก็เพื่อป้องกันปัญหานี้เช่นเดียวกัน อันที่จริงนอกจากถุงพลาสติกที่เราไปซื้อของตามร้านค้าหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วก็ยังมีปัญหาขยะพลาสติกจากการสั่งอาหารกลุ่มเดลิเวอร์รีที่สร้างขยะมากขึ้นอีกด้วย อ้างอิง The Verge   พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

ชายชาวฝรั่งเศส ได้รับการช่วยเหลือด้วยทีมกู้ภัยพร้อมเฮลิคอปเตอร์ หลังจากเขาฝ่าฝืนมาตรการล็อกดาวน์ แล้วหลบด่านตรวจเพื่อจะปีนข้ามเขาพิเรนีสเพื่อไปซื้อบุหรี่ราคาถูกในฝั่งสเปน เรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กของหน่วยกู้ภัยฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 6 เมษายน ที่ผ่านมา ชายผู้นี้ไม่ได้รับการเปิดเผยชื่อ เป็นชาวเมืองแปร์ปินญอง ใกล้กับชายแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศสเชื่อมต่อกับสเปน เขาขับรถออกจากบ้านมาถึงด่าน จองเกรา เป็นระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร เป้าหมายเพื่อจะข้ามไปฝั่งสเปน ซึ่งผู้คนในฝรั่งเศสมักจะข้ามแดนไปฝั่งสเปนเพื่อซื้อบุหรี่, แอลกอฮอล์ และน้ำมันเชื้อเพลิงที่ราคาถูกกว่าในฝั่งฝรั่งเศส เมื่อชายผู้นี้มาถึงด่านข้ามแดนจองเกรา ก็เจอด่านตำรวจที่คอยห้ามผู้คนข้ามแดนไปมาในช่วงล็อกดาวน์นี้ ทำให้ชายผู้นี้ต้องเลี้ยวรถกลับ แต่เขาไม่ล้มเลิกความตั้งใจ จึงตัดสินใจจอดรถไว้ใกล้ชายแดน แล้วเดินเท้าหลบหลีกด่านตรวจเข้าป่า เพื่อจะปีนข้ามเขาพิเรนีสไปยังฝั่งสเปน แต่ระหว่างที่ปีนขึ้นเขา เขาก็พลาดตกไปยังแม่น้ำเล็ก ๆ แล้วลอยไปติดกับพุ่มไม้ พอขึ้นจากน้ำมาได้ ก็พบว่าตัวเองหลงป่า จึงต้องโทรหาหน่วยกู้ภัยเพื่อขอความช่วยเหลือ จุดที่ชายผู้นี้หลงทาง อยู่ในป่าลึก ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้เฮลิคอปเตอร์เพื่อเข้าไปถึงตัว จึงจะช่วยเขาออกมาได้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตอนที่เจอเขานั้น "อยู่ในสภาพอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ตัวสั่น และรู้สึกสับสน" หลังจากได้ตัวเขาแล้ว ก็นำตัวมาส่งกลับไปยังเมืองแปร์ปินญอง แต่อย่างไรก็ตาม ชายนิรนามผู้นี้ก็มีความผิดทางกฏหมายโทษฐานฝ่าฝืนมาตรการล็อกดาวน์ โดนค่าปรับไป 4,8xx บาท หลังจากข่าวนี้ถูกนำเสนอออกไป ตำรวจท้องถิ่นขอให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่างที่ไม่ดี อย่าให้ผู้คนเอาเยี่ยงอย่าง "เราขอย้ำเตือนคุณอีกครั้งนะครับ…

ถ้ากล่าวถึง "กริชตูเรเดงโตร์" ที่เป็นภาษาบราซิล หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าหมายถึงอะไรหรือสถานที่ไหน แต่ถ้ากล่าวถึงประติมากรรมรูปปั้นพระเยซูที่ตั้งอยู่ในนครรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล ที่ปรากฎเป็นภาพจุดหมายปลายทาง แหล่งท่องเที่ยวในฝัน หรือปรากฎในภาพยนตร์ระดับโลกหลายเรื่องก็คงพอจะนึกออก เมื่อไม่นานมานี้รูปปั้นพระเยซูถูกฉายแสงด้วยโปรเจกเตอร์ปรากฎภาพสวมชุดกาวน์ของแพทย์ชั่วคราว เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงการสดุดีและกล่าวคำขอบคุณต่อบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วโลกที่อยู่ระหว่างสงครามที่ต้องต่อสู้กับการแพร่ระบาของเชื้อไวรัส Covid-19 https://twitter.com/AFP/status/1249489834265047040 https://twitter.com/TadLong/status/1240462968858587138 การปรากฏขึ้นของแสงที่ทาบทารูปปั้นดังกล่าวเ กิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 เมษายนที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นของบราซิลซึ่งตรงกับวันอีสเตอร์ เทศกาลสำคัญทางศาสนาคริสต์ที่ในปีนี้ชาวคริสต์ทั่วโลกไม่สามารถมาร่วมเฉลิงฉลองกับครอบครัวได้เพราะต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน โดยในระหว่างที่โพรเจกเตอร์ฉายภาพชุดกาวน์ของแพทย์ลงบนพระเยซูนั้น ก็ยังได้ปรากฏข้อความคำว่า "ขอบคุณ" ในภาษาต่าง ๆ อีกด้วย ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บราซิลก็เคยฉายโพรเจกเตอร์ธงชาติต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 บนกริชตูเรเดงโตร์แห่งนี้ เพื่อร่วมส่งกำลังใจให้ทุกประเทศทั่วโลกมาแล้วเช่นกัน เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้ปรากฏข่าวที่น่าสนใจของเมืองบราซิลอีกข่าวหนึ่ง เมื่อท่าทีของรัฐบาลเพิกเฉยและยังไม่มีการมาตรการรับมือของโรคระบาดที่ชัดเจน กลุ่มผู้ก่ออาชญากรรมในชุมชนแออัดของนครรีโอเดจาเนโรจาเนโร เริ่มแสดงเจตนาของพวกเขาผ่านทางสื่อโซเชียล หากรัฐบาลไม่ปิดเมือง พวกเขาจะทำหน้านี้นั้เอง โดยจะทำการบังคับปิดชุมชนแออัดหรือที่เรียกว่าสลัมในพื้นที่นครแห่งนี้ทั้ง 3 แห่งใหญ่ ตั้งแต่เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป การตัดสินใจของกลุ่มอาชญากรในครั้งนี้ เนื่องจากพวกเขามองว่า ชุมชนแออัดเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อไวรัสอย่างมาก เนื่องจากไม่มีระบบสาธารณสุขที่ดีพอจะเข้าถึงทุกครอบครัวในสลัมแห่งนั้น สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อทั่วโลกในวันนี้ (13 เมษายน ข้อมูลล่าสุดเวลา 23.00…