เราคนไทยนี่ต่างเติบโตมาโดยรับรู้ว่า น้ำประปา หรือ น้ำก๊อกบ้านเรานั้นไม่สะอาดพอที่จะดื่มได้ ต้องมาผ่านการกรองหรือต้มเสียก่อนเท่านั้น ซึ่งถ้าพิจารณาตามหลักความเป็นจริงแล้วก็ไม่น่าจะปลอดภัยหรอก กับท่อน้ำที่เดินทางมาเป็นสิบ ๆ กิโลเมตร ต้องผ่านอะไรมาบ้างก็ไม่รู้ แต่ขณะเดียวกัน เมื่อเราได้ดูหนังฮอลลีวูดหลาย ๆ เรื่อง ก็เห็นภาพตัวละครในหนังที่กลับมาบ้าน ก็เปิดน้ำก๊อกใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่มกันทันที ยิ่งสร้างข้อฉงนสงสัยว่า ระบบสาธารณูปโภคในสหรัฐฯ เขาทำได้สะอาดปลอดภัยเพียงนี้จริงหรือ

คำตอบก็คือ น้ำก๊อกในสหรัฐฯ นั้นสะอาด ปลอดภัย สามารถดื่มได้ในบางรัฐเท่านั้น เพราะอย่างทีเราทราบกันดีว่า ระบบบำบัดน้ำประปานั้นค่อนข้างซับซ้อน แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก แต่ละปีรัฐได้จัดงบประมาณในส่วนนี้หลายล้านเหรียญ เพื่อจุดมุ่งหมายให้ชาวอเมริกันสามารถเข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาดกันได้ถ้วนหน้า

แต่ถึงอย่างนั้น การที่ชาวอเมริกันดื่มน้ำก๊อก ก็ยังต้องแบกภาระความเสี่ยงกันอยู่ดี เพราะมีหลายปัจจัยมากมายที่จะเกิดความผิดพลาดส่งผลให้น้ำก๊อกมีอันตรายต่อสุขภาพ ทั้งเรื่องของอุปกรณ์ในโรงบำบัดชำรุดเสียหาย ท่อน้ำประปาแตก หรือเสื่อมคุณภาพ มีสารเคมีปนเปื้อนเข้ามาในน้ำประปา และปัญหาอื่น ๆ อีกมาก

Flint water crisis

ตามรายงานเมื่อปี 2021 ชาวอเมริกันจำนวน 63 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1 ใน 5 ของประชากรทั้งหมด ยังต้องเจอกับภาวะน้ำก๊อกที่ไม่สะอาดปลอดภัย เหตุการณ์ที่เด่นชัดที่สุดในเรื่องนี้ก็คือ “วิกฤตน้ำฟลินท์” (Flint water crisis) เป็นวิกฤตด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2014 เมื่อทางการเปลี่ยนแหล่งน้ำประปาที่ส่งให้เมืองฟลินท์จากน้ำในทะเลสาบฮูรอนมาเป็นแม่น้ำฟลินท์เพื่อลดต้นทุน แต่เกือบจะในทันทีที่มีการเปลี่ยนแปลง ประชาชนเริ่มบ่นเรื่องความขุ่น รสชาติและมีกลิ่นเหม็น

แม้ว่าทุกวันนี้ ในสหรัฐฯ ยังคงเผชิญปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพความสะอาดของน้ำประปา แต่รัฐบาลก็มีความตั้งใจจริงที่จะควบคุมและจัดหาน้ำประปาที่สะอาดปลอดภัยให้กับชาวอมริกันทุกคนมาตั้งแต่อดีตกาล มีการกำหนดพระราชบัญญัติน้ำสะอาดและพระราชบัญญัติน้ำดื่มที่ปลอดภัยขึ้นมา เพื่อเป็นแนวทางพื้นฐานในการลดมลพิษทางน้ำ และเป็นระเบียบควบคุมคุณภาพน้ำ และการตรวจสอบคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ

แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังคงมีข้อบกพร่องเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ชาวอเมริกันบางส่วนยังต้องเผชิญกับปัญหาน้ำประปาที่มีสารปนเปื้อน ผลการวิจัยและวัดผลคุณภาพน้ำยังแสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกัน “ส่วนใหญ่” ยังคงสัมผัสกับ สารเคมี PFAS (per-and polyfluoroalkyl substances) หรือ ‘สารเคมีตลอดกาล’ (forever chemicals) เป็นกลุ่มสารเคมีขนาดใหญ่ที่ใช้แพร่หลายในเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ซึ่งทาง สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ (Environmental Protection Agency) ระบุว่าเป็นสารอันตราย

มีอะไรอยู่บ้างในน้ำประปาในสหรัฐฯ

น้ำประมาเป็นอะไรที่มากกว่า H2O เพราะประกอบไปด้วยสารเติมแต่งมากมายหลายชนิดที่นำมาใช้เพื่อบำบัดให้น้ำประปาสามารถดื่มได้อย่างปลอดภัย สารทั่วไปในน้ำประปาของสหรัฐฯ ได้แก่

  • ฟลูออไรด์ : น้ำประปาทั้งหมดมีฟลูออไรด์ ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยให้ฟันแข็งแรงจากฟันผุ
  • คลอรีนและคลอรามีน : เป็นสารฆ่าเชื้อที่สำคัญที่ใช้ในระบบน้ำสาธารณะ คลอรีนฆ่าเชื้อไวรัส ปรสิต และแบคทีเรีย
  • แร่ธาตุ : ขึ้นอยู่กับพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของคุณ แร่ธาตุหลายชนิดสามารถพบได้ในแหล่งน้ำสาธารณะ แร่ธาตุที่พบมากที่สุด ได้แก่ โซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก ทองแดง แมงกานีส ฟอสฟอรัส และสังกะสี

สารปนเปื้อนในน้ำประปา

กฎหมายสหรัฐฯ ให้คำจำกัดความของคำว่า “สารปนเปื้อน” ในน้ำไว้กว้าง ๆ ว่าเป็นส่วนประกอบอื่น ๆ นอกเหนือจากน้ำ ซึ่งรวมไปถึง

สารปนเปื้อนทางกายภาพ ส่งผลต่อรูปลักษณ์และคุณสมบัติทางกายภาพของน้ำ ได้แก่ ตะกอนหรือสารอินทรีย์
สารปนเปื้อนสารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือองค์ประกอบและสารประกอบที่มนุษย์สร้างขึ้น ได้แก่ ตะกั่ว ไนโตรเจน สารฟอกขาว ยาฆ่าแมลง โลหะ สารพิษที่เกิดจากแบคทีเรีย และยาสำหรับมนุษย์หรือสัตว์
สารปนเปื้อนทางชีวภาพคือสิ่งมีชีวิตในน้ำ หรือเรียกอีกอย่างว่าจุลินทรีย์หรือสารปนเปื้อนทางจุลชีววิทยา ได้แก่ แบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัว และปรสิต
สารปนเปื้อนทางรังสีวิทยา เป็นองค์ประกอบทางเคมีที่มีจำนวนโปรตอนและนิวตรอนไม่สมดุล ส่งผลให้อะตอมไม่เสถียรที่สามารถปล่อยรังสีไอออไนซ์ได้ ได้แก่ ซีเซียม พลูโทเนียม และยูเรเนียม

สารปนเปื้อนในน้ำประปาเป็นปัญหาที่กำลังเพิ่มมากขึ้น
แม้ว่าทุกวันนี้จะมีหลาย ๆ หน่วยงานได้ทำการวิจัยและการศึกษาในเรื่องนี้มากขึ้นทุกปี แต่ดูเหมือนว่าหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบเกี่ยวกับน้ำประปาก็ยังไม่ทันตามทัน

คณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อมได้ค้นพบสิ่งปนเปื้อนในน้ำดื่มใหม่ 56 รายการทั่วสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2019 เพิ่มเติมจากรายการสารปนเปื้อนเดิมที่ทราบแล้วมากกว่า 300 รายการ

สารปนเปื้อนเหล่านี้หลายสิบรายการยังไม่ได้รับการควบคุมโดย EPA สารปนเปื้อนที่เพิ่งระบุจำนวนมากคือ “สารเคมีตลอดกาล” สารปนเปื้อนที่ระบุใหม่อื่น ๆ ได้แก่ ยาฆ่าแมลง เป็นผลพวงจากความพยายามฆ่าเชื้อในน้ำ และวัสดุกัมมันตภาพรังสี

รายงานจาก Heylion พบว่าการปนเปื้อนในน้ำประปา โดยเฉพาะจากสารหนู มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยมะเร็ง 100,000 รายในสหรัฐอเมริกา

กลุ่มไหนที่มีอัตราเสี่ยงต่อสารพิษปนเปื้อนในน้ำประปามากสุด ?

ทารกเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อสารพิษปนเปื้อนในน้ำประปา

สารปนเปื้อนในน้ำประปานั้นมีอัตราการเป็นอันตรายในประชาชนแต่ละกลุ่มไม่เท่ากัน กลุ่มที่มีอัตราเสี่ยงสุดคือกลุ่มบุคคลที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแออยู่แล้ว และมีภาวะเจ็บป่วยเรื้อรัง เช่น

ทารกและเด็กเล็ก: เด็กมีความอ่อนแอต่อสารปนเปื้อนในน้ำโดยธรรมชาติ เนื่องจากพวกเขาดื่มน้ำมากขึ้นต่อน้ำหนักตัว 1 ปอนด์ และสารเคมีที่เป็นพิษสามารถทำลายอวัยวะที่กำลังเติบโตได้ สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตอาการที่บ่งบอกว่าเด็กเล็กเหล่านี้มีอาการป่วยจากสารปนเปื้อนในน้ำ
ผู้สูงอายุ : ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยเรื้อรังมากกว่าและมีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง การปนเปื้อนในน้ำอาจทำให้อาการป่วยรุนแรงขึ้นและทำให้ตกอยู่ในอันตราย
ภูมิคุ้มกันบกพร่อง: ระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอทำให้ผู้คนเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยที่เกิดจากสารปนเปื้อนในน้ำ ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง เอชไอวี/เอดส์ ผู้ที่มีการปลูกถ่ายอวัยวะหรืออยู่ระหว่างการฟอกไต และความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันอื่น ๆ มีความเสี่ยงสูงจากสารปนเปื้อน โดยเฉพาะปรสิตและสารปนเปื้อนทางชีวภาพ
สตรีมีครรภ์ : น้ำดื่มที่ปนเปื้อนเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสตรีมีครรภ์และเด็กในครรภ์ ในเมืองฟลินท์ รัฐมิชิแกน เด็กที่เกิดจากมารดาสัมผัสน้ำดื่มที่ไม่สะอาดในระหว่างตั้งครรภ์มีน้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่าเด็กที่เกิดจากมารดาที่อาศัยอยู่ในเมืองที่มีน้ำสะอาดในช่วงเวลาเดียวกันโดยเฉลี่ย นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อทั้งสตรีมีครรภ์และลูก ๆ และทำให้เกิดการบาดเจ็บจากการคลอดบุตร

โรคที่เกี่ยวข้องกับน้ำ

การปนเปื้อนในแหล่งน้ำก่อเกิดโรคที่ตามมามากมาย

คุณภาพน้ำที่ไม่ดีและการปนเปื้อนเป็นสาเหตุให้เกิดการติดเชื้อและการเจ็บป่วยมากมาย ส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสกับแบคทีเรียหรือสารเคมี และการเจ็บป่วยจากสาเหตุเหล่านี้ก็ส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพ โรคและความเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับน้ำที่แพร่หลายมากที่สุด ได้แก่ :

ท้องเดินจากเชื้อไกอาร์เดีย (Giardiasis) : การติดเชื้อในลำไส้ที่เกิดจากปรสิตไกอาร์เดีย เชื้อไกอาร์เดียแพร่กระจายผ่านอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อน หรือโดยการสัมผัสระหว่างบุคคล พบบ่อยที่สุดในพื้นที่ที่มีสุขอนามัยไม่ดีและมีน้ำไม่ปลอดภัย

โรคลีเจียนแนร์ (Legionnaires’ disease) : แบคทีเรียลีเจียนเนลลาแพร่กระจายผ่านละออง เช่น จากเครื่องปรับอากาศในอาคารขนาดใหญ่ ผู้ใหญ่ที่มีอายุเกิน 50 ปี และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ โรคปอดเรื้อรัง หรือสูบบุหรี่จัดเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุด

โนโรไวรัส (Norovirus) : ติดต่อได้ง่ายและแพร่กระจายผ่านอาหารหรือน้ำที่มีการปนเปื้อนระหว่างการเตรียมหรือผ่านพื้นผิวที่ปนเปื้อน การติดเชื้อโนโรไวรัสอาจทำให้อาเจียนและท้องเสียอย่างรุนแรงอย่างกะทันหัน

โรคบิดจากเชื้อชิเกลลา (Shigellosis) : เกิดจากแบคทีเรีย Shigella ที่พบในน้ำที่ปนเปื้อนและแหล่งธรรมชาติและมนุษย์อื่น ๆ โรคบิดชิเกลลาเป็นการติดเชื้อที่แพร่กระจายได้ง่าย

การติดเชื้อแคมไพโลแบคเตอร์ (Campylobacteriosis) : การติดเชื้อไพโลแบคเตอร์ เป็นสาเหตุแบคทีเรียที่พบบ่อยที่สุดที่ทำให้เกิดอาการท้องร่วงในสหรัฐอเมริกา สัตว์และน้ำดื่มที่ไม่ผ่านการบำบัดจะแพร่กระจายแบคทีเรียแคมไพโลแบคเตอร์

ทองแดง (Copper) : ปนเปื้อนโดยท่อที่เคลือบทองแดง หรือปะปนอยู่ในบ่อ การปนเปื้อนของทองแดงอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพมากมาย ตั้งแต่ปัญหาระบบทางเดินอาหารไปจนถึงปัญหาไตและตับ

โรคติดเชื้อซาลโมเนลลา (Salmonella) : แบคทีเรียซาลโมเนลลา อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ มีอาการ ท้องร่วง มีไข้ และปวดท้อง

โรคตับอักเสบ A (Hepatitis A) : โรคตับอักเสบ A คือการอักเสบของตับที่ส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยเล็กน้อยถึงรุนแรงได้ การกินอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนหรือการสัมผัสโดยตรงกับผู้ติดเชื้อก็สามารถแพร่เชื้อได้

โรคคริปโตสปอริดิโอซิส (Cryptosporidiosis) : เกิดจากปรสิตขนาดเล็กที่เรียกว่า cryptosporidium โรคนี้สามารถแพร่กระจายโดยมนุษย์ สัตว์ และน้ำประเภทต่าง ๆ (น้ำดื่มและน้ำธรรมชาติ/ในทะเลสาบ)

อีโคไล (E. coli) : แบคทีเรีย Escherichia coli มีหลายสายพันธุ์ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ บางชนิดก็มีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรงและก่อให้เกิดการเจ็บป่วยที่รุนแรงได้ มนุษย์ สัตว์ อาหาร และน้ำดื่มที่ปนเปื้อนจะแพร่เชื้อแบคทีเรียอีโคไลได้

น้ำประปาปลอดภัยในสหรัฐอเมริกาที่ไหน และที่ไหนไม่ปลอดภัย?

น้ำที่ไม่สะอาดก่อให้เกิดการปนเปื้อนในพืชพรรณทางการเกษตร

น้ำประปาในสหรัฐอเมริกาโดยทั่วไปแล้วมีความปลอดภัย น้ำประปาจากเทศบาลส่วนใหญ่มีสารปนเปื้อนเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย เพราะมีระบบบำบัดพื้นฐานที่ทันสมัย แต่ก็ยังมีบางเมืองเล็ก ๆ และบางเมืองในพื้นที่ชนบทที่ยังมีน้ำประปาที่ไม่สะอาดปลอดภัย เพราะขาดระบบบำบัดน้ำที่ปนเปื้อน

น้ำประปาที่ไม่สะอาดปลอดภัยส่งผลต่อสภาพชีวิตในแต่ละชุมชนอย่างมาก ตั้งแต่สุขภาพของประชากร การปนเปื้อนในพืชพรรณทางการเกษตร และดินที่ใช้เพาะปลูก ส่งผลให้ประชากรอพยพออกจากพื้นที่

เปรียบเทียบคุณภาพน้ำในเมืองกับคุณภาพน้ำในชนบท
ก็ไม่ถูกเสมอไปที่จะกล่าวว่าคุณภาพน้ำในเมืองจะดีกว่าคุณภาพน้ำในชนบท เพราะแม้ว่าระบบบำบัดน้ำในเมืองจะดีกว่า แต่เมืองก็มีแหล่งปนเปื้อนและมลพิษที่มากกว่า ปริมาณรถที่สัญจรไปมานั่นก็มีส่วนอย่างมากในการเพิ่มปริมาณมลพิษที่ไหลเข้าสู่แหล่งน้ำ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพน้ำ ซึ่งปัญหานี้ไม่เกิดในพื้นที่ชนบท

ส่วนพื้นที่ชนบท จะเผชิญปัญหาในด้านระบบบำบัดน้ำที่ไม่ได้มาตรฐาน กระบวนการบำบัดที่ล้าสมัย ปัญหาคุณภาพน้ำจากบ่อขุดส่วนตัว และสาเหตุอีกมากมายที่ก่อให้เกิดปัญหาการปนเปื้อนในน้ำทั่วพื้นที่ชนบทในสหรัฐฯ

สรุปได้ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มีความตั้งใจในการควบคุมคุณภาพน้ำประปาให้สะอาดและดื่มได้อย่างปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความเสี่ยงสูงจากสาเหตุหลาย ๆ ปัจจัย ฉะนั้นน้ำก๊อกในสหรัฐฯ นั้นดื่มได้แต่ก็ยังมีความเสี่ยง สู้ซื้อน้ำบรรจุขวด ผ่านเครื่องกรอง หรือต้ม จะสะอาดปลอดภัยกว่ามาก

ที่มา : TorHoermanLaw