ความร้อนจากแสงแดงที่เราต้องประสบพบเจอในการดำเนินชีวิตประจำวัน หลายคนทราบกันดีอยู่แล้วถึงผลกระทบของมัน ที่สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพและนำมาซึ่งโรคทางผิวหนังหรือโรคที่เกี่ยวกับความร้อนได้ แต่ที่หลายคนอาจจะต้องตกใจตาม ๆ กัน คือตอนนี้มีวิจัยที่บอกว่า ความร้อนทำให้เราแก่ได้พอ ๆ กับการสูบบุหรี่
งานวิจัยบ่งชี้ ความร้อนทำให้ชราในระดับโมเลกุล
การศึกษาใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสารทางวิทยาศาสตร์ Science Advances พบว่า การเผชิญความร้อนอย่างต่อเนื่องในเมืองฟีนิกซ์ (Phoenix) ที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 32 °C (องศาเซลเซียส) นานถึง 188 วัน อาจเปลี่ยนแปลงการทำงานของยีนในร่างกายมนุษย์ ทำให้เกิดความชราในระดับโมเลกุล ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้
ดร. อึนยอง ชเว (Eunyoung Choi) นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านผู้สูงวัย จากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ผู้วิจัยหลักของงานวิจัยนี้กล่าวว่า “ผลกระทบใกล้เคียงกับการสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์”
มาดูรายละเอียดในงานวิจัยนี้กันว่ามีหลักฐานอะไรที่บ่งชี้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างผลจากความร้อนกับการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
งานวิจัยนี้ได้ศึกษาผู้ที่มีอายุมากกว่า 56 ปี ทั่วสหรัฐฯ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีประสบการณ์กับความร้อนต่างกัน โดยผู้ที่อยู่ในเมืองร้อนจัด เช่น ฟีนิกซ์ (Phoenix) ซึ่งมีดัชนีความร้อน (รวมอุณหภูมิ + ความชื้น) สูงกว่า 32 °C (องศาเซลเซียส) 188 วัน มีอายุทางชีวภาพ (Epigenetic age) แก่กว่าคนที่อาศัยในเมืองเย็น เช่น เมืองซีแอตเทิล (Seattle) ประมาณ 14 เดือน ทั้งที่อายุจริงเท่ากัน
แม้ความแตกต่างนี้จะดูไม่มาก แต่นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยบอสตัน ดร. เดโบราห์ คาร์ (Deborah Carr) ซึ่งไม่ได้ร่วมงานวิจัย กล่าวเสริมว่า “ความชราที่มากขึ้นเพียงเล็กน้อยอาจกลายเป็นภาระมหาศาลต่อชีวิตของผู้สูงอายุ ครอบครัว และระบบสาธารณสุขของสังคม”
โดยความชราก่อนวัยมักเชื่อมโยงกับการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น สมองเสื่อม เบาหวาน และโรคหัวใจ ซึ่งเมื่อเริ่มแสดงอาการเร็วขึ้น ก็ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพการทำงานของบุคคลนั้นในวงกว้าง
ไม่ใช่แค่ผิวหน้าผิวกาย แต่เป็นความชราระดับ Epigenetic
นักวิจัยติดตามอายุทางชีวภาพของกลุ่มตัวอย่างโดยดูจากการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ของ DNA หลังได้รับความร้อนเป็นระยะเวลาต่าง ๆ ตั้งแต่ไม่กี่วัน หลายเดือน ไปจนถึง 6 ปี ก่อนเก็บตัวอย่างเลือด
อายุทางชีวภาพนั้นสัมพันธ์กับกระบวนการที่เรียกว่า DNA methylation หรือการมีสารเคมีเล็ก ๆ มาติดที่ DNA ซึ่งสามารถเปิด-ปิดการทำงานของยีนได้ แม้ไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของยีนโดยตรงก็ตาม การเปลี่ยนแปลงลักษณะนี้ถูกใช้เป็น “นาฬิกาชีวภาพ” วัดอายุของเซลล์และร่างกาย
ความชราทาง Epigenetic มักเร่งตัวขึ้นเมื่อคนกินไม่ดี ไม่ออกกำลังกาย หรือเผชิญความเครียด ทั้งจากจิตใจ ร่างกาย มลพิษ หรือ “ในกรณีนี้คือ ความร้อน” ดร. ชเวกล่าว
นักวิจัยเก็บตัวอย่างเลือดจากผู้สูงอายุกว่า 3,600 คนทั่วสหรัฐฯ และใช้ข้อมูลภูมิอากาศย้อนหลังกำหนดระดับความร้อนที่แต่ละคนเคยเผชิญมา ผลลัพธ์คือ คนที่อยู่ในพื้นที่ร้อนจัดในระยะยาวแก่เร็วทางชีวภาพกว่าคนที่อยู่ในพื้นที่เย็น แม้จะควบคุมปัจจัยอื่น เช่น รายได้ การศึกษา การออกกำลังกาย หรือการสูบบุหรี่แล้วก็ตาม
นอกจากผลกระทบในระยะยาว ความร้อนยังก่อปัญหาสุขภาพทันที เช่น อัตราการเข้าห้องฉุกเฉินที่เพิ่มขึ้น โรคไต หัวใจ หรือแม้แต่การเสียชีวิตที่ไม่เกี่ยวโดยตรงกับความร้อน
โลกร้อนกระตุ้นให้ปัญหานี้หนักขึ้น สร้างผลกระทบมากกว่าเดิม !
เมื่อโลกร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่องจะทำให้ปัญหารุนแรงขึ้น จากรายงานประเมินสภาพภูมิอากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ คาดว่าภายในกลางศตวรรษนี้ หลายพื้นที่ในประเทศจะมีวันอากาศร้อนจัดเพิ่มขึ้นอีก 20 – 30 วันต่อปี
พร้อมกันนั้น หลายประเทศก็มีแนวโน้มที่ประชากรจะมีอายุมากขึ้น ซึ่งยิ่งทำให้ปัญหาหนักขึ้น เพราะร่างกายผู้สูงอายุรับมือกับความร้อนได้ยากกว่าคนหนุ่มสาว เช่น เหงื่อออกน้อยลง เลือดไหลเวียนสู่ผิวน้อยลง และยาบางชนิดก็รบกวนกลไกการปรับตัวของร่างกาย
แต่จริง ๆ แล้ว ความร้อนส่งผลกับทุกคน ไม่ใช่แค่คนแก่ มันเป็นภาระเพิ่มขึ้นในทุกระบบของร่างกาย ซึ่งร่างกายต้องใช้พลังงานตอบสนองเพื่อให้ยังรักษาสมดุลไว้ได้
สำหรับขั้นต่อไป นักวิจัยจะพยายามวิเคราะห์ให้ละเอียดขึ้น เพราะในพื้นที่เดียวกัน คนอาจได้รับผลกระทบต่างกันมาก เช่น บางคนอยู่ในบ้านที่ไม่มีแอร์หรืออยู่ในรถบ้านที่ร้อนระอุ ขณะที่บางคนอยู่ในบ้านที่เย็นสบาย
การเข้าใจผลกระทบเฉพาะบุคคลเช่นนี้ จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ระบุได้ชัดขึ้นว่าความร้อนส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร และอาจนำไปสู่แนวทางป้องกันหรือย้อนกลับผลกระทบเหล่านั้นได้ในอนาคต