ทุกครั้งที่นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนเข้าสู่วันที่ 1 มกราคม มนุษย์เรามักจะถูกครอบงำด้วยความรู้สึกที่เรียกว่า The Fresh Start Effect หรือพลังแห่งการเริ่มต้นใหม่ เราตั้งเป้าหมายสวยหรูและยิ่งใหญ่เสมอ “ฉันจะผอม” “ฉันจะเก็บเงิน” “ฉันจะอ่านหนังสือ” ผ่านมาปีแล้วปีเล่าก็ยังไม่สำเร็จ จากสถิติพบว่าคนส่วนใหญ่ล้มเลิกความตั้งใจเหล่านั้นภายในไม่กี่สัปดาห์

ทำไมวงจรความล้มเหลวนี้ถึงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ? ข้อมูลจาก Verywell Mind และ Western University ชี้ให้เห็นว่า สาเหตุไม่ใช่ “ความขี้เกียจ” แต่เป็น “ความคิดที่ผิดพลาด” ของสมองเราเอง

กับดักของความ “เล่นใหญ่” เกินไป

ปัญหาคลาสสิกที่สุดคือเรามักจะตั้งเป้าหมายที่ใหญ่เกินตัวและต้องการเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือในชั่วข้ามคืน การตั้งเป้าหมายแบบนี้เหมือนกับ คนที่พยายามจะวิ่งฮาล์ฟมาราธอน (21 กิโลเมตร) ทั้งที่ไม่เคยวิ่งรอบหมู่บ้านมาก่อน เมื่อสมองเจอกับการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่และฉับพลัน มันจะต่อต้านเพราะขัดกับสัญชาตญาณความปลอดภัยและความสบายเดิม ๆ

ซาบรินา โรมานอฟ (Sabrina Romanoff) นักจิตวิทยาจาก Verywell Mind อธิบายว่า การตั้งเป้าหมายที่ใหญ่เกินไป และไม่ตั้งอยู่บนความเป็นจริง คือสาเหตุหลักของความล้มเหลว เพราะเรามองข้ามขั้นตอนย่อย ๆ ที่จำเป็นต้องทำ เพราะการเปลี่ยนแปลงจะเป็นนิสัยได้ด้วยการยึดมั่นในก้าวเล็ก ๆ ไม่ใช่การเปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมือในครั้งเดียว

เราตอบไม่ได้ว่า “ทำไปทำไม”

หลายคนตั้งปณิธานตามกระแสสังคมหรือสิ่งที่ “คิดว่าควรทำ” มากกว่าสิ่งที่ “อยากทำจริง ๆ” เช่น อยากลดน้ำหนักเพราะสังคมบอกว่าดูดี ไม่ใช่เพราะอยากสุขภาพดีจริง ๆ เป้าหมายที่ขาดแรงจูงใจภายในก็เหมือน รถยนต์ที่เติมน้ำมันผิดประเภท วิ่งไปได้ไม่ไกลเครื่องก็ดับ อัลเบิร์ต มัลคิน (Albert Malkin) จาก Western University ชี้ว่ากุญแจสำคัญคือการเข้าใจเหตุผลเบื้องหลัง และสิ่งที่ขวางกั้นเราอยู่

มายด์เซ็ต “ไม่เต็มร้อย = ศูนย์”

เรามักจะเข้มงวดกับตัวเองเกินไป ถ้าตั้งใจว่าจะงดของหวานแล้วเผลอกินเค้กไปหนึ่งชิ้น เรามักจะตีความว่า “พังแล้ว ล้มเหลวแล้ว” แล้วก็เลิกทำไปเลย ทั้งที่จริง ๆ แล้วความผิดพลาดเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ความคิดแบบนี้อันตรายมาก มันทำให้เรามองเห็นแต่ “ความสูญเสีย” มากกว่า “ความก้าวหน้า” การพลาดไปหนึ่งวันไม่ได้แปลว่าคุณล้มเหลว ตราบใดที่คุณยังมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง

ภาพลวงตาของวันที่ 1 มกราคม

เรามักยึดติดว่าต้องเริ่มวันที่ 1 เท่านั้น ถ้าไม่เริ่มวันนี้ก็รอปีหน้าเลย ซึ่งเป็นความคิดที่ปิดโอกาสตัวเอง ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าวันที่ดีที่สุดในการเปลี่ยนแปลงคือ “วันนี้” หรือวันที่คุณพร้อมจริง ๆ ต่างหาก ไม่จำเป็นต้องรอปฏิทิน แต่ก็ควรมีกำหนดให้กับตัวเองเพื่อเลี่ยงปัญหาผัดวันประกันพรุ่ง

เปลี่ยนอย่างไรให้ปณิธานปีใหม่สำเร็จได้จริง ?

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการลงมือทำอย่างมีเป้าหมาย แต่เทคนิคต่อไปนี้อาจช่วยให้ปีนี้เราเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้น

  1. เริ่มให้เล็กที่สุด แทนที่จะบอกว่า “จะวิ่งทุกวัน” ให้เริ่มจาก “จะใส่รองเท้าวิ่งให้ได้ทุกเย็น” การทำเรื่องเล็ก ๆ ให้สำเร็จจะสร้างวงจรความมั่นใจ ให้สมองอยากทำต่อ มากกว่าเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงที่ยากเกินไป
  2. รู้ทันอุปสรรค วางแผนล่วงหน้าว่าถ้าเจอความขี้เกียจหรือสิ่งที่จะมาขัดขวางเรา เราจะจัดการอย่างไร
  3. ใจดีกับตัวเอง เมื่อทำพลาด ให้ให้อภัยตัวเองเหมือนให้อภัยเพื่อนหรือคนที่เรารัก แล้วเริ่มใหม่ในวันรุ่งขึ้นทันที อย่าปล่อยให้ความรู้สึกผิดกัดกินจนล้มเลิก

ปีนี้ลองเปลี่ยนจากการตั้งเป้าหมายที่กดดัน เป็นการสร้าง “ระบบนิสัย” เล็ก ๆ ที่ทำได้จริง แล้วคุณจะพบว่าการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนนั้นไม่ได้เกิดจากแรงฮึดในวันปีใหม่ แต่เกิดจากความสม่ำเสมอในทุก ๆ วัน